
เปิดใจ "เจ้าหญิงเอยาวดี" กับละครชีวิตของ "เชอร์รี่" เข็มอัปสร
เข้าวงการมานานสำหรับนางเอกหน้าคม "เชอร์รี่" เข็มอัปสร สิริสุขะ เธอคนนี้ผ่านงานแสดงที่ท้าทายความสามารถมาหลากหลาย ล่าสุดกำลังมีผลงานละครแนวพิเรียดเรื่อง "ทาสรัก" ประกบพระเอกคู่ขวัญ "สมาร์ท" กฤษฎา พรเวโรจน์ พร้อมเสียงชื่นชมหลายกระแส ว่าละครเรื่องนี้ เชอร์รี
ผลงานการแสดง
กระแสละครเรื่องทาสรักกับบทบาท "เจ้าหญิงเอยาวดี" เป็นอย่างไรบ้าง
พูดถึงกระแสละครถือว่าค่อนข้างดี ส่วนมากเชอร์รี่จะมีโอกาสได้เจอกับกลุ่มคนดูที่เป็นผู้ใหญ่ซึ่งเขาจะปลื้มมาก คงเป็นเพราะไม่ค่อยได้เห็นละครพีเรียดมาสักพักแล้ว เลยทำให้ถูกใจผู้ใหญ่หลายคน รวมถึงเนื้อเรื่องของละครที่เข้มข้น ส่วนเรื่องคาแร็กเตอร์ เชอร์รี่รับบทเป็นเจ้าหญิงเอยาวดี ซึ่งเป็นเจ้าหญิงของเชียงน้อย แต่ต้องเดินทางออกจากเมืองเพื่อตามหาเจ้าพี่ราชทายาทซึ่งลี้ภัยมาอยู่ที่เมืองสยาม เพราะว่าเจ้าพ่อของเราประชวรหนัก แต่ระหว่างเดินทางจะมีเหตุการณ์วุ่นวาย ทำให้เกิดการสลับตัวกับนางทาสที่ชื่อวาด (เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ) ซึ่งถูกขายให้กับโรงโสเภณี จนเกิดการเข้าใจผิดคิดว่าเจ้าหญิงเอยาวดีเป็นนางทาสวาด เราเลยถูกจับตัวไปเป็นโสเภณีแทน ในเรื่องเราพยายามจะบอกทุกคนว่าเราเป็นเจ้าหญิง ไม่ใช่นางทาสแต่ไม่มีใครเชื่อ แถมยังถูกหาว่าเป็นคนบ้า ส่วนนางทาสวาดพยายามบอกคนอื่นไปว่าไม่ใช่เจ้าหญิง แต่ไม่มีใครเชื่อเพราะคิดว่าโกหกเพื่อหนีการแต่งงาน เนื้อเรื่องจะดำเนินไปประมาณนี้
ผู้จัด "ดา" หทัยรัตน์ อมตะวณิชย์ ได้ให้เชอร์รี่เลือกว่าจะเล่นบทไหนระหว่าง นางทาส หรือ เจ้าหญิง
พี่ดาน่ารักมาก เพราะพี่ดาบอกว่าจะมีละครเรื่องหนึ่งอยากให้เชอร์รี่ลองอ่านบทดูว่าชอบไหม และชอบตัวละครตัวไหนระหว่างนางทาสวาด กับเจ้าหญิงเอยาวดี พออ่านบทปุ๊บ รู้สึกว่าบทนางทาสวาดเราชอบ เพราะมีพัฒนาการของตัวละครตั้งแต่สมัยโก๊ะกังกะละมังรั่ว (หัวเราะ) จนค่อยๆ เติบโตขึ้น และยังได้เล่นร้ายอยู่ช่วงหนึ่งที่เป็นจุดพลิกผันของเรื่อง แต่บทแก่นๆ ห้าวๆ หรือบทร้ายเชอร์รี่เคยเล่นมาบ้างแล้ว ซึ่งจะต่างจากบทของเจ้าหญิงเอยาวดี ที่เป็นผู้หญิงเรียบร้อยแสนดี ถือว่าเป็นบทท้าทายสำหรับเชอร์รี่ เพราะเจ้าหญิงเอยาวดีกับตัวเชอร์รี่ถือว่าห่างกันมาก บ้างทีเรายังไม่รู้เลยว่าจะเล่นออกมายังไงดี แต่พี่ดาช่วยอธิบายให้เข้าใจ ถือว่าเป็นเรื่องที่ลงตัวมาก เพราะเจนี่ชอบบทของนางทาสวาดพอดี เพราะเขาไม่เคยเล่นบทร้ายขนาดนี้มาก่อน
ได้มาร่วมงานกับเจนี่เป็นอย่างไรบ้าง
เจนี่เป็นคนน่ารัก สนุก เฮฮา เขาจะมีเรื่องมาเล่าตลอดเวลา คือนักแสดงในเรื่องนี้ถือว่าเยอะมาก ซึ่งพอทุกคนมากองถ่ายจะแย่งกันพูด รวมทั้งผู้กำกับ ("ป้าแจ๋ว" ยุทธนา ลอ พันธ์ไพบูลย์) ด้วย ที่จับกลุ่มกันเมื่อไหร่เม้าท์แตกมาก ทีมงานยังต้องบอกว่า เฮ้ย...หยุด ไปทำงานกันได้แล้ว! โดยเฉพาะพี่สมาร์ท (กฤษฎา พรเวโรจน์) จะชอบขยันปล่อยมุกบ่อยๆ ขำบ้างไม่ขำบ้าง แต่เขาก็พยายามจะเล่น ส่วนพี่ปอ (ทฤษฎี สหวงษ์) จะเป็นพวกตลกหน้าตาย นานๆ จะปล่อยมุกสักที แต่เป็นมุกที่ใช้ได้นะ คนละแนวกับพี่สมาร์ทเลย
เห็นว่าจะต้องมีบทเลิฟซีนกับสมาร์ทด้วย
ความจริงในเรื่องนี้บทกุ๊กกิ๊กจะออกเป็นแนวพีเรียด ซึ่งมาพอมาดูในยุคปัจจุบัน อาจจะทำให้คลื่นไส้ได้บ้าง (หัวเราะ) เช่น จุมพิตดอกไม้ที่ลอยมาตามน้ำ ประมาณว่าจูบผ่านดอกไม้ ครั้งนั้นถือว่าเป็นจูบแรก แล้วก็จะมีไปชมดวงดาว ชมจันทร์กันอะไรต่างๆ นานา จะเป็นลักษณะนี้มากกว่า
ในเรื่องนี้มีฉากไหนที่เชอร์รี่คิดว่ายากบ้าง
สิ่งที่ยากโดยพื้นฐานทั่วไปของละครเรื่องนี้ คงจะเป็นในเรื่องของภาษา เพราะเป็นภาษาโบราณเราจะไม่ชิน ซึ่งมีอยู่ซีนหนึ่ง ที่เชอร์รี่คิดว่ายากมาก เพราะว่าบทพูดยาวประมาณสามหน้ากระดาษเท่ากับเจนี่ แต่เจนี่จะพูดขึ้นมาแป๊บเดียว แล้วเชอร์รี่พูดต่อเป็นหน้าเลย พอเราพูดบทเสร็จ เจนี่จะพูดต่อขึ้นมาอีก สลับกันไปมา นอกจากบทพูดยาวแล้วยังเป็นฉากที่เราต้องผลักเจนี่ตกน้ำ โดยความหมายของบทละครจะแฝงนัย สอนนางทาสวาดเอาไว้ซึ่งเชอร์รี่ชอบมาก แต่วันนั้นเราถ่ายทำกันตอนที่แสงกำลังจะหมด ทุกอย่างเลยเร่งรีบ ซึ่งตอนที่เจนี่กำลังถ่ายอยู่เขาก็จะจมน้ำ เพราะผ้าที่ใส่พอเปียกน้ำจะถ่วงหนักมาก ทำให้เขาว่ายน้ำไม่ไหว เราเลยรู้สึกว่าฉากนั้นเป็นฉากที่หินมาก
พอใจแค่ในกับฉากและโปรดักชั่น
สำหรับเรื่องฉากและโปรดักชั่นไม่ต้องห่วงเลยในละครไทของพี่ดากับป้าแจ๋ว เพราะว่าเขามีมุมมองที่สวยงามและเป็นคนที่ละเอียดมาก แต่บางครั้งคนอาจจะคิดว่าเป็นละครย้อนยุคที่ดูไม่เป็นพีเรียดมากอย่างที่ใครหลายคนคาดหวังเอาไว้ เพราะเป็นความตั้งใจของผู้จัดที่อยากจะให้เป็นละครย้อนยุคที่มีความเป็นแฟนตาซีนิดๆ คือในเนื้อเรื่องจะไม่ระบุช่วงเวลาที่ชัดเจนว่าเรื่องเกิดขึ้นตอนไหน
คิดอย่างเชอร์รี่
เล่นละครมาหลายเรื่องรู้สึกว่าเรื่องไหนเป็นตัวเองมากที่สุด
เชอร์รี่คิดว่าแต่ละเรื่อง จะมีความเป็นเราใส่เข้าไปเล็กน้อยในทุกเรื่องที่แสดง ถ้าจะถามว่าเรื่องไหนใกล้ตัวที่สุดคิดว่ายังไม่มี อย่างเรื่องนี้ในบทของเอยาวดี จุดที่คิดว่าเหมือนตัวเองคงเป็นเรื่องการมองคนในแง่ดี และเป็นคนค่อนข้างสู้ทั้งที่ภายนอกดูเหมือนจะอ่อนแอ เจ้าหญิงเอยาวดีจะอึดมาก ถ้าคิดจะทำอะไร ต้องทำให้ถึงที่สุด เพื่อให้ออกมาดีที่สุด ส่วนมุมที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง คงเป็นตรงที่เจ้าหญิงเป็นคนมีเมตตามาก แต่สำหรับตัวเชอร์รี่อาจจะมีเมตตาบ้าง แต่ก่อนที่เราจะให้อภัยใคร อาจจะต้องมีบ่นบ้างเล็กน้อยพูดให้รู้นิดหนึ่ง ว่าทำแบบนี้มันไม่ถูกต้องนะ
บทบู๊ ถือว่าเป็นอีกบทถนัดของเชอร์รี่ด้วยหรือเปล่า
เข้าใจว่าคนดูอาจจะติดภาพว่าเราว่าเก่งบู๊ แต่ตอนเริ่มแรกที่เล่นละคร เชอร์รี่จะวิ่งหนีกระสุนมากกว่า ถ้าลองสังเกตดีๆ จะเห็นว่าเราวิ่งอย่างเดียวเลย จนมาเล่นละครเรื่อง "จับตายวายร้ายสายสมร" เพิ่งได้มาเล่นบู๊ด้วยตัวเอง มียิงปืน เตะต่อย อะไรประมาณนี้ เสร็จแล้วทิ้งห่างมาพอสมควร แต่พอเปลี่ยนมาเล่นคอมเมดี้ยังต้องเจอฉากบู๊อีกเหมือนกัน
จุดเริ่มต้นของนางเอก
เชอร์รี่เข้าวงการมาได้อย่างไร
เริ่มจากถ่ายโฆษณาครีมล้างหน้าตัวหนึ่ง เลยได้ไปเจอพี่คนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้กำกับที่บริษัทยูม่า เขาชวนไปคุยกับอายุ (ยุวดี ไทยหิรัญ) อายุเลยชวนมาเรียนแอ็กติ้ง แต่พอเรียนได้แป๊บหนึ่งเรารู้สึกเลยว่าตัวเองไม่ได้เรื่อง นึกไปถึงวันนั้นแล้วอายมาก เพราะอยู่ๆ อายุเข้ามาบอก ว่าอาทิตย์หน้าจะเปิดกล้องละคร เราก็งงว่าเปิดกล้องอะไร อายุบอกให้มาเล่นละคร เชอร์รี่ก็ตกใจว่าจะเล่นละครได้ยังไง ตอนแรกตื่นเต้นไม่อยากเล่น เพราะว่ากลัวทำไม่ได้ รู้สึกว่าตัวเราไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้
มีเกณฑ์พิจารณาในการรับงานอย่างไร
เรื่องรับงานส่วนใหญ่ทางพี่สมรักษ์ (สมรักษ์ ณรงค์วิชัย ผู้จัดการฝ่ายผลิตรายการช่อง 3) จะเป็นคนส่งมาให้หรือไม่ ก็จะเป็นทางผู้จัดติดต่อมาโดยตรง แต่จะเป็นเราเองที่เป็นคนตัดสินใจอ่านบทแล้วว่ารู้สึกว่าชอบหรือไม่ชอบ ความจริงหลักเกณฑ์ ไม่ได้มีอะไรมากเลย ขึ้นอยู่ที่ใจล้วนๆ ว่าเราถูกใจมากอ่านแล้วอยากเล่น หรืออ่านแล้วไม่ถูกใจจะเป็นลักษณะนี้มากกว่า ซึ่งเหมือนเขาให้โอกาสเชอร์รี่ได้เลือกบทเองด้วย
วงการบันเทิงได้ให้อะไรกับเชอร์รี่
ถามว่าวงการนี้ให้อะไร ตอบได้ว่าเยอะมาก อย่างแรกคือได้มีอาชีพก่อนวัยอันควร เลยทำให้เราค่อนข้างจะโตเร็วทางด้านความคิด พอเราได้มาอยู่ในสังคมของการทำงานได้เจอผู้ใหญ่ ทำให้มีประสบการณ์ตรงในการทำงาน ที่สำคัญเราได้เห็นปัญหาและเรียนรู้วิธีการที่จะแก้ไขได้ตรงจุด รวมถึงรู้จักใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนอื่น พอมาถึงทุกวันนี้ต้องบอกว่าขอบคุณอายุ มากๆ ที่สอนให้เรามีวินัยในการทำงาน เรื่องการตรงต่อเวลา การมีน้ำใจกับเพื่อนร่วมงานหรือแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งไม่ควรมากข้ามไป
ชีวิตและตัวตน
ทำงานมาเกือบทุกอย่างในวงการ คิดว่างานไหนเป็นตัวเองมากที่สุด
เชอร์รี่ทำงานมาหลายอย่าง ซึ่งบางอย่างเรารู้สึกว่าไม่ถนัด อย่างงานละครเราจะรู้สึกถนัดถึงแม้จะไม่ใช่ตัวเราเอง แต่เป็นความสุขที่ได้ไปสวมบทเป็นคนอื่น ทำให้รู้สึกสนุกท้าทายและเป็นความแปลกใหม่ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
จะให้ฝากถึงรุ่นน้องที่เข้ามาในวงการบันเทิงสมัยนี้
ไม่รู้จะบอกว่ายังไงเอาเป็นว่าเราสบายใจ ที่ตรงไหนเราก็ทำตรงนั้น อย่างเชอร์รี่จะใช้ความรู้สึกแล้วคิดถึงคนอื่น ที่สำคัญคือคนในครอบครัวของเรา เช่น ก่อนที่เราจะทำอะไรต้องคิดว่าถ้าสมมติเราทำสิ่งนี้ไป พ่ออาจจะไม่ชอบ หรืออาจเกิดผลเสียตามมา เราจะไม่ทำ ต้องคิดทบทวนว่าอะไรคือสิ่งที่ดีสำหรับตัวเรา และอะไรที่ทำแล้วคนอื่นเดือนร้อนก็ต้องระมัดระวังตรงจุดนี้
หัวใจสีชมพู
เรื่องหัวใจกับหนุ่ม เสริมสิน สมะลาภา มีคนมองว่าเชอร์รี่เป็นคนสวย แต่มีแฟนเป็นไฮโซรุ่นใหญ่
เรื่องความรักตอนนี้ก็ดีนะ ส่วนเรื่องหน้าตาหรือสถานะภาพคงแล้วแต่ว่าเราจะใช้มาตรฐานไหนในการมอง แต่โดยส่วนตัวเชอร์รี่ไม่ได้มองคนที่หน้าตาอยู่แล้ว นิสัยส่วนตัว และการพูดคุยสำคัญกว่า ส่วนใหญ่คนจะชอบมองว่าเขาเป็นไฮโซ แต่สำหรับเชอร์รี่เขาไม่ใช่ เพราะเขาเป็นคนทำงานเก่ง ที่สำคัญคือเป็นคนดี และมีความคิดที่ดีในสายตาของเชอร์รี่ ซึ่งเราสามารถพูดคุยหรือปรึกษาในเรื่องต่างๆ ได้ ถึงแม้ว่าเชอร์รี่จะเด็กกว่า แต่เขาจะรับฟังและชอบที่จะขอความคิดเห็นของเรา และเราก็ชอบขอความคิดเห็นของเขาเหมือนกัน
อะไรคือสิ่งสำคัญที่ทำให้คบกันยาวนาน
ถ้าพูดโดยภาพรวม ตามความคิดของเชอร์รี่เรื่องที่คนเราจะอยู่ด้วยกันได้โดยทั่วไปต้องมีความถ้อยทีถ้อยอาศัย มีความเข้าใจกันสูง เพราะความขัดแย้งเกิดขึ้นได้ทุกเมื่ออยู่ที่ว่าเราเข้าใจและให้อภัยกันได้มากน้อยแค่ไหน
คนนี้ใช่หรือยังสำหรับเชอร์รี่
เขาเป็นปัจจุบัน อดีต และหวังว่าจะเป็นอนาคต (หัวเราะ) ส่วนเป้าหมายเรื่องการใช้ชีวิตคู่ ตอนนี้ยังไม่ได้วางแผนอะไร เพราะปัจจุบันเรามีความสุขในชีวิต และกำลังสนุกกับการทำงานใหม่ๆ มากกว่า ถามว่าเขาโรแมนติกไหม ก็มีบ้างตามโอกาส (ยิ้ม)
ชัดเจนทุกคำตอบของเธอคนนี้ เชอร์รี่ เข็มอัปสร...
เธอคือ....เข็มอัปสร สิริสุขะ
ชื่อเล่น เชอร์รี่
เกิดวันที่ 28 สิงหาคม 2523
ผลงานละครเรื่องแรก โปลิศจับขโมย
ผลงานละครที่ผ่านมา ล่าปีศาจ ท่านชายกำมะลอ จับตายวายร้ายสายสมร เขยลิเก ฝนตกขี้หมูไหล คนอะไรมาพบกัน ผู้ดีอีสาน เสือ 11 ตัว ลางลิขิต แผลเก่า เรือนไม้สีเบจ เทพบุตรในฝัน ดาวหลงฟ้า บอดี้การ์ดแดดเดียว เธอคือดวงใจ แก้วตาพี่ แม่ค้าขนมหวาน จำเลยกามเทพ ปลาไหลป้ายแดง ฯลฯ
ผลงานภาพยตร์ที่ผ่านมา สตางค์ โอปาปาติก เกิดอมตะ ความสุขของกะทิ
เรื่อง : ดวงใจ สอาดจิตต์