
บทพิสูจน์การแสดง'เฟิรส์'เอกพงศ์
บทพิสูจน์การแสดง'เฟิรส์'เอกพงศ์ โดย... เรื่อง : ดวงใจ สอาดจิตต์ / เสาวลักษณ์ ปึงทมวัฒนากูล /ภาพ.. ศุภกฤต คุ้มกัน
อยู่วงการบันเทิงมา 3 ปี แต่ชื่อเสียงของนักแสดงหนุ่ม "เฟิร์ส-เอกพงศ์ จงเกษกรณ์" เพิ่งจะโด่งดังและเป็นที่รู้จักของหลายๆ คน เมื่อได้มารับบท "ซันซี่" นายตำรวจหนุ่มเพื่อนสนิทนางเอกในละครเรื่อง "รอยมาร" อีกทั้งความแรงของละครเรื่องนี้ส่งผลให้หนุ่มเฟิร์สได้ขึ้นแท่นเป็นพระเอกเป็นครั้งแรก ในละครคอมเมดี้เรื่อง "ดวงตาในดวง" ที่ประกบคู่กับ "หยาด" หยาดทิพย์ ราชปาล วันนี้ คมชัดลึก เลยขอเปิดตัวพระเอกใหม่แกะกล่อง มาเจาะลึก ให้เหล่าแฟนคลับได้รู้จักกับเขาคนนี้มากขึ้น
งานในวงการบันเทิง
000กับละครที่ผ่านมาบทบาทไหนชอบมากที่สุด
ผมว่าบท "ซันนี่" ในละครเรื่อง "รอยมาร" ตรงกับผมที่สุด เพราะผมเป็นคนสบายๆ สนุกสนาน เฮฮา และบทนี้ทำให้ผมเป็นที่รู้จักมากขึ้น ตอนนั้นเวลาไปไหนมาไหนจะมีแต่คนเรียกเราว่า "ซันนี่ๆ" (หัวะเราะ) แล้วคนดูก็จะคอยลุ้นให้เราได้คู่กับนางเอก ("มาร์กี้" ราศรี บาเลนซิเอก้า) ผมเคยแอบไปดูตามโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ ก็จะมีคนเขียนทำนองว่าทำไมซันนี่ไม่คู่กับบู้บี้ ทำไมไปชอบเมธาวี (หัวเราะ)
000ได้เป็นพระเอกครั้งแรกในละครเรื่อง "ดวงตาในดวงใจ" รู้สึกอย่างไรบ้าง
พอได้มาเป็นพระเอกเต็มตัวก็รู้สึกตื่นเต้น แต่มีความกังวลเล็กๆ ว่าเราพร้อมที่จะเป็นพระเอกหรือยัง เพราะการที่จะมารับบทการแสดงเป็นตัวหลักนั้นต้องมีความรับผิดชอบมาก ผมกลัวว่าจะทำตามที่ผู้ใหญ่คาดหวังไม่ได้ แต่ตอนนี้โล่งใจขึ้น เพราะละครเรื่องนี้ปิดกล้องไปแล้ว ภารกิจเราเสร็จสิ้นแล้ว ส่วนกระแสตอบรับของละครผมว่าโอเคนะ คนดูค่อนข้างจำผมได้ อย่างก่อนหน้านี้ผมมีโอกาสได้ไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ จ.นครปฐม ไปเจอคุณยายคนหนึ่ง พอเจอหน้าผมเขาก็เข้ามาตีไหล่ผมดังป้าบ และต่อว่าทำไมผมถึงทำให้นางเอก ("หยาด" หยาดทิพย์ ราชปาล) ร้องไห้ (หัวเราะ) ตอนนั้นหน้าเขาจริงจังมาก ผมก็ตกใจได้แต่มองเขาอึ้งๆ ผมไม่ได้โกรธคุณยายคนนั้นนะ รู้สึกภูมิใจมากกว่าที่มีคนดูละครเราแล้วอินขนาดนี้
000ล่าสุดได้เป็นพระเอกในละครเรื่อง "ตะวันยอดรัก" คู่กับ แจ็คกี้ ชาเคอลีน
คือเรื่องนี้ผมเล่นเป็นตำรวจอีกแล้ว อาจเป็นเพราะผมถูกโฉลกกับคนในเครื่องแบบ (หัวเราะ) เรื่องนี้ผมต้องเล่นเป็นคนพูดเยอะ เป็นคนใจร้อน กับน้องแจ็คกี้ที่เป็นนางเอก ผมเคยเจอเขาตอนเรียนการแสดงที่ช่อง 3 ผมว่าน้องเขาเป็นคนช่างพูด แล้วก็ตลกๆ ในเรื่องนี้ผมต้องบู๊เยอะมาก ทุกวันนี้ต้องเรียนคิวบู๊ ทั้งวิธีการเตะต่อย และการใช้อาวุธไม่ว่าจะเป็น ปืน หรือกระบอง เพื่อเวลาถ่ายทำเราจะได้ดูดี ดูเท่
000จากผลงานที่ผ่านมาจนถึงเรื่องปัจจุบัน คิดว่าตัวเองพัฒนาการแสดงแค่ไหน
พัฒนาแต่ไม่มาก ถ้าเต็มสิบผมให้ 6 เพราะถ้าไปเทียบการแสดงกับคนอื่นแล้วเราค่อนข้างใหม่ ยังต้องพัฒนาอีกเยอะ โดยเฉพาะเรื่องการแสดง การใช้สมาธิ และเทคนิคต่างๆ อาจเป็นเพราะผมไม่ได้จบทางด้านละคร วิทยุหรือโทรทัศน์ ผมคิดว่าประสบการณ์สำคัญมาก เพราะบางสิ่งต้องเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ให้ใครมาบอกคงไม่เหมือนเรียนรู้ด้วยตนเอง
ชีวิตของผู้ชายที่ชื่อ "เฟิร์ส"
000ชีวิตในวัยเด็กเป็นอย่างไร
คุณพ่อ คุณแม่จะพูดเสมอว่าตอนผมเด็กๆ จะเป็นคนที่ดื้อมาก พูดอะไรไม่ค่อยฟัง (หัวเราะ) แต่ผมว่าตัวเองก็ดื้อซนเหมือนเด็กทั่วไปนะ เป็นเด็กพูดน้อย ไม่กล้าแสดงออก ขี้อาย เพราะจำได้ว่าเวลาต้องออกไปรายงานหรือทำกิจกรรมหน้าห้องจะกลัวมาก ตอนเรียนชั้นประถมไม่รู้เหมือนกันว่าเรียนดีไหม แต่จะอยู่ในอันดับเลขตัวเดียวตลอด ถ้าถามว่ารักการเรียนไหม ก็ไม่ได้รักมากขนาดชอบเรียนหรือชอบอ่าน แต่เราคิดว่ามันคือหน้าที่ คือความรับผิดชอบที่ต้องเรียนให้ดีมากกว่า
000แล้วมาเป็นเด็กในสังกัดของ “เอ” ศุภชัย ศรีวิจิตร ได้อย่างไร
ผมรู้สึกดีใจที่ได้รู้จัก และได้ร่วมงานกับพี่เอ พี่เขาเป็นคนที่ชักจูงผมมาในวงการ เขาเจอผมครั้งแรกตอนที่ผมเรียนอยู่ที่เชียงใหม่ ตอนนั้นที่เขามาแนะนำตัว ผมไม่รู้ว่าเขาคือใคร และผมไม่ได้คิดอยากเป็นนักแสดง แต่อยากทำงานตามที่เรียนมามากกว่า แต่พี่เอก็โทรมาตื๊อเรื่อยๆ จนผมลาออกจากที่ทำงานเพื่อมาเรียนต่อปริญญาโท ตอนนั้นเลยลองตัดสินใจทำงานด้านนี้ดู เพราะผมคิดว่ามันเป็นโอกาส ลองทำดูก็ไม่เสียหาย จนได้เซ็นสัญญาและอยู่สังกัดช่อง 3
000เรียนจบวิศวะทั้งปริญาตรีและปริญาโท แต่กลับมาเป็นนักแสดง เสียดายวิชาที่เรียนมาบ้างไหม
มีคนถามเยอะมากว่าเสียดายไหม ผมไม่เสียดาย เราสนุกกับการเรียน เพราะการเรียนให้อะไรหลายอย่าง ได้เพื่อน ได้สังคมและแง่คิด ที่ผมเลือกเรียนวิศวะเพราะผมชอบวิชาคำนวณ แม้วิชาที่เรียนมาจะไม่เกี่ยวกับอาชีพเลย เรียกว่ามาทำงานด้านนี้ต้องมาเริ่มนับ 1 ใหม่ กับงานตอนนี้ผมก็พอใจนะ ผมยังสนุกกับการทำงาน ขอทำงาน เก็บเกี่ยวประสบการณ์ และผมจะพยายามพัฒนาตัวเองให้มากขึ้น
มุมมองความคิด
000โดยส่วนตัวมองวงการบันเทิงเป็นอย่างไร
ผมมองว่าเป็นวงการนี้มีแต่คนที่มีชื่อเสียง มีแต่คนรู้จัก เป็นคนดัง แต่ไม่ได้คิดว่าเราต้องเข้ามาวงการนี้ พอได้เข้ามาวงการความคิดก็เปลี่ยนไป เรียกว่ารู้อะไรเยอะขึ้นมากกว่า เพราะใครๆ ก็ต้องดูโทรทัศน์ ดูละคร ผมมองว่าวงการบันเทิงมีประโยชน์หลายอย่าง ถ้าเราใช้ในทางที่ถูกเราสามารถสร้างประโยชน์ให้แก่สังคม ประเทศ อย่างเรื่องการประชาสัมพันธ์น้ำท่วม ผมว่าให้นักแสดง-ดาราประชาสัมพันธ์จะได้ผลมากกว่า
000พอเข้ามาวงการชีวิตเปลี่ยนไปจากเดิมหรือเปล่า
ชีวิตผมไม่ค่อยเปลี่ยนนะ ตอนแรกที่เข้าวงการมีกดดันบ้าง แต่ไม่ถึงกับเป็นอุปสรรคกับการใช้ชีวิต ตอนนี้แค่มีคนที่รู้จักเรามากขึ้น ทำให้ต้องหันมาสนใจตัวเองเวลาต้องออกข้างนอก แต่ก่อนไม่มีใครรู้จักจะแต่งตัวอย่างไรก็ได้ แต่หลังๆ เริ่มมีคนเข้ามาทักบ้าง มาขอถ่ายรูปบ้าง ถ้าเราแต่งตัวไม่ดีก็อายตัวเอง ตอนนี้เลยต้องดูแลตัวเองนิดหนึ่ง กับเพื่อนๆ ก็เจอกันน้อยลง เพราะเวลาว่างของเราจะไม่ตรงกับเพื่อนๆ พอเพื่อนชวนเราก็ไม่ได้ไป ส่วนผู้ใหญ่ในช่องหลายท่านมีแนะนำ มีเตือนว่าเราอยู่ตรงนี้ มีคนรู้จักเยอะ ก่อนจะทำอะไรก็ต้องคิดและระวังนิดหนึ่ง เพราะมันจะส่งผลกระทบต่อตัวเองได้
000หลายกระแสในอินเทอร์เน็ตบอกว่าเฟิร์สเป็นพระเอกคั่นเวลา รู้สึกอย่างไร
ไม่คิดอะไร ผมมองว่าต่างคนต่างความคิด การที่ผู้จัดให้โอกาสให้เราเป็นพระเอก ผมถือว่าเป็นสิ่งที่ดี สัญญาว่าจะทำให้ดีที่สุด ผมเชื่อว่าถ้าเราทำทุกอย่างให้ดีอนาคตเราต้องเจอสิ่งดีๆ แน่นอน
หัวใจไร้คู่ควง
000หัวใจตอนนี้เป็นอย่างไร
ตอนนี้หัวใจยังว่างอยู่ คนที่มาพูดคุยด้วยก็มีบ้างเป็นเรื่องปกติ แต่เรามีเวลาค่อนข้างน้อย เอาเวลาไปดูแลตัวเองดีกว่าไหม ก่อนจะไปดูแลคนอื่น ส่วนสเปกสาวบอกตรงๆ ว่าผมเป็นคนไม่มีสเปก ผมคิดว่าการที่คนเราจะคบกัน มันต้องมีมากกว่าหน้าตา ต้องลองคุยกันว่าจะเข้ากันได้หรือเปล่า เขามีความคิด มุมมองในการดำเนินชีวิตอย่างไร เข้ากับเราได้ไหม
000แต่ก็มีข่าวกับ "แต้ว" ณฐพร เตมีรักษ์ ข่าวนี้มาได้อย่างไร
ขอพูดตรงๆ ว่าผมยังงงกับข่าวอยู่เหมือนกัน เพราะผมกับน้องแต้วไม่เคยร่วมงานด้วยกันเลย แม้แต่ในงานอีเวนท์ก็ไม่เคยเจอกันเลยด้วยซ้ำ แต่ที่เป็นข่าวอาจเป็นเพราะว่าเราอยู่ช่อง 3 เหมือนกัน แล้วก็มีคนดูแลเป็นคนเดียวกันเท่านั้นเอง กับข่าวที่ออกมาก็ไม่มีอะไร
000วางเป้าหมายในอนาคต
ผมไม่ได้วางเป้าหมายในวงการบันเทิงว่าเราต้องดัง ตอนนี้ขอตั้งใจทำงานในวงการบันเทิงให้ดีที่สุด เพราะมันคืออาชีพของผม ส่วนเรื่องอนาคตค่อยวางแผนอีกทีหนึ่ง
ว้าว...ว หัวใจยังว่างแบบนี้ สาวๆ รีบกรอกใบสมัครด่วน !
เขาคนนี้ชื่อ เอกพงศ์ จงเกษกรณ์
ชื่อเล่น เฟิร์ส
เกิดวันที่ : 30 มกราคม 2526
การศึกษา :
ปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาเครื่องกล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ /
ปริญญาโท คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผลงานที่ผ่านมา : หวานใจกับนายจอมหยิ่ง รอยมาร พิมมาลา บันทึกกรรม ตอน "เพียงคำเดียว" หนังดังสุดสัปดาห์ ตอน "บันทึกรัก ๒๔๕๓"
ผลงานปัจจุบัน : ดวงตาในดวงใจ, ตะวันยอดรัก