บันเทิง

วงตาวัน อัลบั้มม็อบ (พ.ศ.2535)

วงตาวัน อัลบั้มม็อบ (พ.ศ.2535)

20 ธ.ค. 2554

วงตาวัน อัลบั้มม็อบ (พ.ศ.2535):เพลงไทยที่ต้องฟังก่อนตาย โดย... โชคชัย เจี่ยเจริญ [email protected]

          ไม่ว่าจะโดนสถานการณ์บังคับ หรือ แก่นความคิดของตนเองก็ตาม คำว่า “ขบถ” คือคำที่กลุ่มวงดนตรีนาม “วงตาวัน” ถือว่า ใช่ หรือไม่ก็ใกล้เคียงที่สุด ในเรื่องจุดยืนการใช้ชีวิตและการนำเสนอความคิดผ่านผลงานดนตรีของวงหนึ่งบนโลกนี้
 
          ผลจากการก่อตั้ง พ.ศ.2527 เกิดขึ้นจากการรวมตัวของอดีตนักดนตรีวงแมคอินทอช 3 คน ได้แก่ กิตติพันธ์ ปุณกะบุตร มรุธา รัตนสัมพันธ์ และวงศกร รัศมิทัต และนักดนตรีที่มีประสบการณ์โชกโชนอย่าง ชัยวัฒน์ จุฬาพันธุ์ และพงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา นอกจากเล่นดนตรีอาชีพแล้ว ในเชิงการผลิตเพลงโฆษณา เพลงประกอบภาพยนตร์ และงานอัลบั้มของศิลปินต่างๆ มากมาย “วงตาวัน” ก็ได้เป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มนั้นด้วย คือ “บัตเตอร์ฟลาย” กลุ่มดนตรีหัวก้าวหน้ากลุ่มแรกๆ ของเมืองไทยที่มีรุ่นพี่ๆ เป็นหัวเรือคอยนำทาง อย่าง จิรพันธ์ อังศวานนท์, สุรสีห์ อิทธิกุล, ธนวัฒน์ สืบสุวรรณ, กฤษ โชคทิพย์พัฒนา
 
          งานชุดแรกที่ออกในนาม “วงตาวัน” ชื่อชุด หุ่นกระบอก (2527) เป็นอัลบั้มที่พี่ๆ บัตเตอร์ฟลายมีส่วนอย่างมากในการผลิตงาน นับเป็นช่วงเวลาของการค้นหาตัวตน และจุดยืนไปพร้อมๆ กับวง ในส่วนการรับรู้ของผู้ฟังอาจไม่ค่อยได้รับแรงกระเพื่อมมากมายนัก แต่นั่นก็เพียงพอที่จะเป็นจุดเริ่มต้น และทำให้เกิดประกายไฟในการผลิตงานในอัลบั้มต่อมา
 
          บริษัท Orange Music group เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มนักดนตรีซึ่งวงตาวันคือหัวเรื่อง และมีน้องๆ รุ่นใหม่ๆ เข้ามาเป็นแนวร่วม รับผลิตงานดนตรีต่างๆ
 
          17-20 พฤษภาคม 2535 เหตุการณ์การเคลื่อนไหวของประชาชน หลังการยึดอำนาจของ รสช.ในปีก่อนหน้า และมีการรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้นำ รสช. จึงเป็นเหตุให้ประชาชนจำนวนมากไม่พอใจและแสดงออกทางการเมือง นั่นคือที่มาของเหตุการณ์ดังกล่าว
 
          ผมเชื่อว่าเป็นช่วงเวลาของการทำงานในอัลบั้มชุดนี้พอดี ทำให้ความคิดความอ่านหลายอย่างถูกบันทึกและนำเสนอในอัลบั้ม “ม็อบ” อย่างจัง ซึ่งแม้ทางวงจะปฏิเสธกับสื่อต่างๆ อย่างไรก็ตามต้องถือว่าเป็นความกล้าหาญในการนำเสนอแนวความคิดนี้สู่สังคมเพื่อเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่คนหนุ่มสาวเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมาได้ในระดับหนึ่ง
 
          ผ่านไปถึง 8 ปี อัลบั้มชุดที่สองในนามของวงจึงเสร็จสมบูรณ์
 
          สำหรับ อัลบั้ม “ม็อบ” ปี 2535 นอกจากเนื้อเพลงที่จริงจังในเชิงสังคม ความคิดที่คมคาย และบางครั้งแอบขี้เล่น คละเคล้ากัน ในเชิงดนตรีที่นำเสนอนั้นน่าสนใจดีเดียว ส่วนในแง่การประชาสัมพันธ์ผลงาน และการจัดจำหน่ายก็ถูกตั้งเป้าหมายในเชิงวิชาชีพ ที่ถูกต้อง และเป็นสากล ในเรื่องลิขสิทธิ์ของผลงานอีกด้วย แตกต่างจากการเป็นศิลปินสำเร็จรูปที่มีทุกอย่างรอปูทางไว้ทั้งหมดแล้ว เพระเขาเชื่อว่า ความเป็นธรรมในสังคมคือการต่อสู้และยืนหยัด

วงตาวัน ประกอบด้วยสมาชิก 5 คน
          กิตติพันธ์ ปุณกะบุตร / กีตาร์ ร้องนำ
          ชัยวัฒน์ จุฬาพันธุ์ กีตาร์ / ร้องนำ
          มรุธา รัตนสัมพันธ์ / เบส
          พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา / คีบอร์ด ร้องนำ
          วงศกร รัศมิทัต กลอง / ร้องนำ


เพลงต่างๆ ในอัลบั้ม
          ม็อบ คือการชุมนุมประท้วง ที่มีทั้งชุมนุมโดยสงบ และการรวมตัวชุมนุมอย่างบ้าคลั่งและทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ซึ่งส่วนใหญ่สังคมไทยเหมารวมและคิดเห็น ม็อบ ไปในทางลบเสียมากกว่า เพราะการแสดงออกโดยส่วนใหญ่มักรุนแรงและทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ตั้งแต่ปิดถนน เทของต่างๆ บนถนน เผา...ทิ้ง หรืออะไรก็ตามก็คิดว่าจะเรียกร้องความสนใจจากผู้บริหารประเทศได้ สะสมมานานจนฝังหัวว่า มันเป็นการแสดงออกเรียกร้องความยุติธรรมอย่างหนึ่ง เพื่อจะให้ได้ในสิ่งที่ตนและพรรคพวกต้องการ
 
          เนื้อหาเพลง เสียดสี ประชดประชัน เพียงแต่อาจจะหยิบยกเรื่องที่ดูไม่รุนแรงมาก ทั้งเรื่องเรียน เรื่องงาน แต่หากนำไปเปรียบเทียบกับข่าวต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพลงนี้ดูจะเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้ฟังนำหัวเชื้อนี้ไปคิด และสังเคราะห์กันต่อ 20 ปี หลังเพลงนี้ ม็อบ ยังคงมีให้เห็นในข่าวจนบางเรื่องกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปซะแล้ว จึงต้อง ม็อบ และแสดงออกรุนแรงกันหนักมากขึ้นไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่าจะไปสิ้นสุดความรุนแรงที่จุดไหน
 
          ใจหิน ในยามที่กำลังใจจากคนรอบข้างขาดแคลน กำลังใจที่สร้างจากหัวใจตนเองมีความจำเป็นอย่างที่สุด
 
          ร้องเพลงเถิด เพลงที่ดีที่สุดอยู่ในตัวของเราทุกคน โปรดนำมันออกมาสร้างประโยชน์ให้กับตัวเองและผู้อื่น ด้วยเถิด
 
          ดูดาว คือเพลงในอัลบั้มที่ได้รับความนิยมกว้างขวางมากที่สุด สำหรับคนที่เคยฟังคงไม่ต้องอธิบายถึงความไพเราะให้เสียเวลา แค่ กีตาร์ ไนลอน ก็โดดเด่นที่ทำให้เพลงนุ่มนวล และเหงาขึ้นอีกมากมาย
 
          ฟ้า ฟ้าบนฟ้าคงมีแต่ดาวให้เรานั่งมอง
          ฟ้า ฟ้าดูหมองมีเมฆกลมๆ ลอยอยู่เป็นร้อย
เหมือน เหมือนคนเหงาที่คอยแต่ดาวเฝ้าแต่นั่งมอง
มองจนลับลอยไปกับตา เหมือนดังกับเธอ
 
          กาม Erotic Rock ที่นำเสนอความปรารถนาทางเพศของมนุษย์ ที่แสดงออกทางบทกวี ดนตรี และจิตวิญญาณ ได้อย่างสวยงาม
 
          หัวเดียวกระเทียมดอง ที่มาของปัญหาเชิงโครงสร้างของสังคมที่เกิดกับปัจเจกบุคคล และขยายวงกว้างขึ้นจนเกิดกลุ่มก้อนของปัญหามารวมตัวกันเพื่อเรียกร้อง แบบ ม็อบในที่สุด
 
          คนจนตรอก ภาวะ ไม่หล่อ แต่จน อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความคิดนี้ บวกกับความเหลื่อมล้ำในสังคม และความเห็นแก่ตัวที่มีให้เห็นเกลื่อนเมืองศิวิไลซ์ ที่พฤติกรรมการ ต่อคิว จะมีเฉพาะรอสั่ง โดนัท หรืออาหารในห้างเท่านั้น แต่หากในสภาพการณ์ไม่ปกติ สภาพนี้ดูจะเกิดขึ้นได้ยาก ตัวอย่างตอนน้ำท่วมที่ผ่านมาคงเห็นชัดเจนที่สุด
 
          โองการแช่งน้ำ โองการแช่งน้ำเป็นวรรณคดีโบราณที่สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ใช้อ่านในพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา หรือพระราชพิธีกระทำสัตย์สาบานต่อกษัตริย์ ซึ่งในพระราชพิธี 12 เดือน ระบุว่า ต้องกระทำปีละ 2 ครั้ง ภาษาที่ใช้เก่าแก่สืบเนื่องมาแต่โบราณโดยแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง ยิ่งทำให้โองการแช่งน้ำมีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น
 
          ฟ้าเคือง ดินโกรธ ฝนจาง บอกลางร้าย แผ่นดินแล้ง เกินจะปลูกสิ่งไหน ภัย...จะโถมทลายเมืองคน ผองคน โกงโลก คว้าครอง อย่างใจตน ทุกสิ่งในโลกนี้ เป็นอย่างไรไม่สน  จนจะผลาญซะจนสิ้นพันธุ์ หลอมคน รวมชาติ ล้านคน หลากดีร้าย อยู่รวมกัน คนและสัตว์ทั้งหลาย ในแผ่นฟ้าและดินเดียวกัน *เพียงคนเท่านั้นเป็นใหญ่ หรือคุณฟ้าให้กำเนิด  เบียดเบียนชีวิตกัน แข็งขืนจะฝืนลิขิต วงจรชีวิตจะสั้น ไฟ...จะเผาล้างพันธุ์คนพาล เบื้องบนฟ้าจะกดลงมา เบื้องต่ำน้ำจะกลบภูผา...ล้างมารครองเมือง ดับยุคเข็ญประหัตประหาร ผู้คนล้มตายดั่งผักปลา คำสาปฟ้าและดินลงทัณฑ์ ขุนคน คนใหญ่ ขุนนาง กร่างเกลื่อนไป ลืมวันที่หลั่งรินน้ำ ลืมคำที่เคยให้ไว้ ไม่รักษาสัญญาฟ้าดิน
เหมาะนำไปประกอบข่าวการเมืองภาคค่ำ (ผู้เขียน)
 
          มีเธอ และไม่ห่างใจเธอ เป็นเพลงช้าที่ไพเราะ ร้องโดย วงศกร รัศมิทัต ซึ่งกลายเป็นลักษณะเฉพาะ ที่อบอุ่น
 
          มอบไว้ให้โลกนี้ คำถามว่า “ตายแล้วไปไหน” คำตอบอาจจะอยู่ที่ใครศรัทธาชีวิตหลังความตายแบบไหน แต่ในปัจจุบันขณะ เราเกิดมาแล้วชาตินี้ เราได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับผู้อื่นมากน้อยขนาดไหน หากเชื่อในความดี หากเชื่อในบาปบุญคุณโทษ การดำเนินชีวิตประจำวัน นอกจากจะทำเพื่อตนเองแล้ว ยังต้องเผื่อแผ่ แบ่งปัน ความรัก ความปรารถนาดี และความดี ให้แก่ผู้คนรอบข้าง และขยายผลไปสู่สังคมที่ใหญ่ขึ้น
 
          วงตาวัน มอบสิ่งที่พวกเขาถนัดให้โลกนี้ไว้แล้ว
 
          ส่วนตัวเราได้มอบสิ่งดีๆ ที่เป็นประโยชน์ หรือสร้างคุณูปการตามกำลังศรัทธาให้สังคม และประเทศชาติที่เราเกิดมา มากพอแล้วหรือยัง

ชาตินี้ ยังไงก็ฟังเพลงทั่วไป ได้ไม่หมด
ขอเลือกเพลงโปรด ฟังก่อนตาย ดีกว่า
..........
(หมายเหตุ วงตาวัน อัลบั้มม็อบ (พ.ศ.2535):เพลงไทยที่ต้องฟังก่อนตาย โดย... โชคชัย เจี่ยเจริญ [email protected] <mailto:[email protected]>ฉ