บันเทิง

การเป็นข้าราชการของผมคือ'ข้ารองพระบาท'จากใจ'หมอก้อง'

การเป็นข้าราชการของผมคือ'ข้ารองพระบาท'จากใจ'หมอก้อง'

24 ธ.ค. 2554

การเป็นข้าราชการของผมคือ'ข้ารองพระบาท'จากใจ'หมอก้อง-สรวิชญ์':สกู๊ปบันเทิง โดย... ดวงใจ สอาดจิตต์/ เบญจภรณ์ อำไพรัตนพล

          ขึ้นแท่นเป็นพระเอกเต็มตัวครั้งแรกในละครเรื่อง "เจ้าสาวผมไม่ใช่ผี" สำหรับ "หมอก้อง" สรวิชญ์ สุบุญ ที่ควบตำแหน่งเป็นทั้งคุณหมอ ทหาร และนักแสดงหนุ่ม วันนี้ บันเทิง "คม ชัด ลึก" และรายการ "แมงโก้ แบงโก้" จะพามาอัพเดทผลงานล่าสุด พร้อมเปิดเผยเรื่องราวชีวิตในแง่มุมที่ทุกคนอาจคาดไม่ถึงของคุณหมอทหาร มากความสามารถคนนี้
 

ขึ้นแท่นพระเอก
000กระแสตอบรับละครเรื่อง "เจ้าสาวผมไม่ใช่ผี"

          ส่วนใหญ่ตอนนี้ไปไหน คนจะเรียกคุณ "ทศ" แล้วถามว่าจะกลัวผีอะไรนักหนา (หัวเราะ) ส่วนใหญ่เด็กๆ จะชอบ เพราะคนที่ติดตามละครตอนเย็นจะเป็นเด็กๆ และเรื่องนี้เป็นละครตลกด้วย ถามว่าจริงๆ กลัวผีมั้ย ชีวิตจริงผมเฉยๆ ต่างคนต่างอยู่ดีกว่า (หัวเราะ)
 

000กดดันหรือเปล่า
          ณ วันนี้ต้องตอบว่ากดดัน เพราะวันแรกของการถ่ายทำละครเรื่องนี้ ผมเล่นไม่ได้ทั้งวัน ถ่ายไปประมาณ 20 กว่าฉาก จนพี่ผู้จัดมาถามผมว่า หมอว่างมั้ยจะให้ไปเรียนการแสดง ซึ่งตอนนั้นเรารู้สึกว่า เล่นแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ แต่ผมรู้ตัวว่าที่เราเล่นไปมันเฟค คือนักแสดงจะรู้ตัวเองว่าเล่นเป็นยังไง แม้แต่ตัวเรายังไม่เชื่อเลย แล้วคนดูจะเชื่อได้ยังไง
 

000รู้สึกขาดความมั่นใจไปเลยมั้ย
          หนึ่ง เราขาดความมั่นใจตั้งแต่ตอนที่เราเล่น แล้วตัวเองยังไม่เชื่อ พอมีคนมาย้ำปุ๊บ รู้สึกว่าใช่จริงๆ คืนนั้นพอกลับมาบ้าน ผมโทรศัพท์หาพี่ดุ๊ก (ภาณุเดช วัฒนสุชาติ) ซึ่งเป็นครูสอนการแสดงคนแรกของผม มีอะไรจะปรึกษาตลอด พี่ดุ๊กถามผมว่า มึงเป็นอะไร เป็นพระเอกแล้วเล่นละครไม่ได้เหรอ มึงทำการบ้านมั้ย? คือปกติสนิทกัน เขาจะใช้ศัพท์แบบนี้กับผม ผมตอบว่า "ผมทำ" คือเล่นละครทุกเรื่อง ผมจะต้องเอาบทมาอ่านทั้งเรื่อง เพื่อดูว่าลักษณะของตัวละครเป็นยังไง จะได้เข้าใจบท พี่ดุ๊กตอบผมสั้นๆ ว่า "แค่นั้นแหละ" ผมถามว่าแค่นั้นคืออะไร พี่ดุ๊กบอกผมว่า มึงเคยทำยังไงก็ทำยังงั้นแหละ เท่านี้ผมเก็ตเลยว่า ผมเป็น "นักแสดง" ผมไม่ใช่ "พระเอก" อย่าเอาคำว่าพระเอกมาเป็นกรอบคอยบีบบังคับเรา ทำให้มีความกดดันและความคาดหวัง เพราะพระเอกก็คือนักแสดง พอหลุดจากตรงนั้นปุ๊บก็เล่นได้เลย
 

000เล่นละครผี เคยเจอเหตุการณ์หลอนๆ ในกองบ้างมั้ย
          มีเหมือนกัน ด้วยความที่เป็นละครตลกผี ส่วนใหญ่จะถ่ายกลางคืน และเราใช้สถานที่จริง เป็นบ้านร้างแถวคลองสาม แต่ตอนที่เจอกันจริงๆ ผมไม่อยู่ เพราะวันนั้นนัดกอง 6 โมงเย็น แต่เขานัดผม 2 ทุ่ม พอผมไปถึงกอง ปรากฏว่าทุกคนหลอนกันหมดแล้ว เพราะช่างไฟเจอผี ขณะที่เขากำลังนั่งจั๊มสายไฟ แล้วหันไปมองด้านข้าง มีระยะห่างออกไปประมาณ 10 เมตร เขาเห็นว่ามีผู้ชายใส่ชุดดำยืนดูอยู่คนเดียว แต่เขาไม่ได้สนใจเพราะนึกว่าเป็นเอ็กซ์ตร้า (ตัวประกอบ) ซึ่งตรงจุดที่เขาต้องเซ็ตไฟ ตอนนั้นจะไม่มีคนอยู่เลย จังหวะที่กำลังมองเห็นผู้ชายชุดดำอยู่ห่างไปสิบเมตร พอหันหน้ากลับมาต่อไฟ ปรากฏว่าชายชุดดำมานั่งอยู่ข้างๆ ตัวแล้ว หลังจากนั้นอาการของช่างไฟ คือจับไข้หัวโกร๋น ไม่สบายไปเลย ถัดไป 2-3 วัน ช่างไฟคนนี้เห็นผู้ชายคนเดิมมายืนกวักมือเรียกตรงสโมสร ใกล้กับบ้านร้างที่ถ่ายทำ จากนั้นเขาไม่กล้าไปไหนคนเดียวเลย
 

000มีเรื่องหลอนที่เจอด้วยตัวเองบ้างมั้ย
          มี คือฉากที่น้ำฝนต้องแต่งผี แล้วขึ้นสลิง ทำเป็นผีเหาะ ทั้งที่น้ำฝน (พัชรินทร์ จัดกระบวนพล) น้ำหนักเบามาก แต่ตอนที่โหนสลิงขึ้นไป อยู่ดีๆ เสาสลิงก็เอน ทุกคนที่ยืนดูอยู่ รวมทั้งผมด้วยแตกตื่น รีบวิ่งเข้าไปช่วยจับเสา เพราะธรรมชาติของคนต้องทำอย่างนั้น แต่พี่โปรดิวเซอร์บอกผมว่า เขาเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนกอดอกนิ่งอยู่ข้างหลังผม แล้วไม่ทำอะไรเลย ยืนมองเฉยๆ ซึ่งมันผิดวิสัยของคน แต่ที่หลอนกว่านั้น พี่โปรดิวเซอร์บอกว่า "เขาไม่มีขา" ก็หลอนกันไป
 

000อยากให้เม้าท์น้ำฝน
          ทำงานด้วยรู้สึกสบายใจ เพราะเขาเป็นคนเรียบร้อย ง่ายๆ สบายๆ และมีอย่างหนึ่งที่ผมต้องขอคารวะ คือเขาเป็นคนที่อดทนมาก อย่างผมรับบทเป็นตัวละครตัวเดียว แต่ฝนต้องเล่นเป็นตัวละคร 2 ตัว ถ่ายทำกลางคืน เพราะเล่นเป็นผี แถมยังต้องโหนสลิงตลอด ไม่ว่าจะเป็นฉากยืนตากฝน ตกท่อระบายน้ำ เขาก็ไม่บ่น ไม่มีอิดออด ถือว่าเป็นนักแสดงที่อึด และอดทนมาก


ก่อนมาเป็นนักแสดง
000เข้าวงการได้ยังไง
          ผมเข้ามาในวงการ เป็นเรื่องที่ฟลุกมาก เพราะผมมีพี่ที่รู้จักเป็นโปรดิวเซอร์ละครเวที เขาส่งรูปและประวัติผมไปประกวด "แชนแนล 3 สตาร์ชาลเลนจ์" แล้วปรากฏว่าผ่านรอบแรก ทีมงานโทรศัพท์เรียกให้ผมเข้าไปสัมภาษณ์ และเข้าไปจนถึงรอบ 20 คนสุดท้าย ซึ่งจัดประกวดที่เซ็นทรัลเวิลด์ จนคัดเลือกเหลือ 10 คนสุดท้าย และผมตกรอบเรียบร้อย แต่ว่าพี่สมรักษ์ (สมรักษ์ ณรงค์วิชัย) บอกว่าให้หยุดการประกวด และให้ทั้ง 20 คน ไปเรียนแอ็กติ้งแล้วค่อยมาประกวดใหม่ เพราะปีนั้นระเบิดลงที่เซ็นทรัลเวิลด์พอดี ถือว่าเป็นความโชคดี เพราะหลังจากนั้นก็ได้มาเล่นละครเรื่องแรกคือ "พริกไทยกับใบข้าว" 
 

000อยากทำอะไรในวงการอีก
          ผมอยากทำงานเบื้องหลัง อยากเป็นผู้จัดละคร แต่ผมคงต้องสะสมประสบการณ์อีกเยอะ เพราะเราเพิ่งเรียนรู้ด้านนี้มา 4 ปี ที่อยากทำเพราะผมอยากนำเสนออะไรใหม่ๆ ออกมา อย่างถ้าผลิตรายการ ผมอยากผลิตรายการที่มีทั้งสาระและความบันเทิง แต่รูปแบบที่นำเสนอต้องแตกต่าง ผมอยากทำให้วัยรุ่นเรียนรู้ว่า ผู้ใหญ่เขามีความคิดยังไง และทำให้ผู้ใหญ่รู้ว่าเด็กในช่วงวัยนี้คิดยังไง ผมคิดว่าสมัยนี้ช่องว่างระหว่างวัยในเรื่องความคิดของเด็กและผู้ใหญ่ มีความห่างกันมากเกินไป


ย้อนอดีตกับ ด.ช.สรวิชญ์
000ตอนเด็กเป็นยังไง

          ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด อยู่ จ.ลพบุรี คุณพ่อเป็นทหาร ผมเรียนที่ลพบุรี จนถึง ม.3 และสอบติด ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา ตอน ม.4 เลยย้ายเข้ามาตั้งแต่ตอนนั้น
 

000เรียนเก่งมากได้เกรด 3.9
          คือตอนที่ผมเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ๆ สอบติด ร.ร.เตรียมอุดม คิดว่าตัวเองเจ๋งแล้ว แต่พอเรียนไปเทอมแรก ช่วงก่อนสอบกลางภาคได้คะแนนเกือบตก โหย...ตอนนั้นเสียความมั่นใจไปเหมือนกัน เพราะเราคิดว่าเราแน่ แต่ไม่รู้ว่าคนรอบข้างเขาแน่ทุกคน ทำให้ตอน ม.4 ต้องปรับตัวเยอะพอสมควร พอตอน ม.5 มีอาจารย์มาแนะนำว่า เราต้องตั้งใจเรียนเพื่อสอบเอนทรานซ์ และประกอบอาชีพ ทำให้ผมตั้งใจเรียนมากกว่าเดิม เพื่อให้ได้หาอาชีพที่ดี ซึ่งจะเลี้ยงเราไปจนตาย
 

000คิดจะเป็นหมอทหารตั้งแต่แรกมั้ย
 ตอนนั้นจริงๆ อยากเรียนครุศาสตร์ อันดับสอง คือนิเทศศาสตร์ ที่อยากเป็นครู เพราะเราเป็นคนชอบสอน ชอบถ่ายทอด อะไรที่เป็นวิทยาศาสตร์ เป็นเหตุเป็นผล เราชอบแบบนั้น แต่ที่อยากเข้านิเทศฯ เพราะอยากทำงานเบื้องหลัง อยากเป็นคนที่คอยวางแผนว่า ละครแต่ละเรื่อง หรือรายการแต่ละรายการจะนำเสนออะไร
 

จุดเริ่มต้นของอาชีพแพทย์ทหาร
000อะไรทำให้มาเป็นหมอทหาร
          มาจากคุณพ่อ เพราะคุณพ่อเป็นทหาร และขอให้เป็นหมอ ตอนนั้นรู้สึกว่าเป็นได้ เพราะเรียนจบหมอ ก็มาเป็นอาจารย์แพทย์ได้ แต่พ่อขอมากขึ้นคืออยากให้เข้า "วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า" ตอนนั้นยอมรับว่าเครียดเลย ด้วยความที่เราเป็นเด็ก มีค่านิยมเรื่องสถาบันการศึกษา เลยไปปรึกษาอาจารย์ประจำชั้น อาจารย์อธิบายว่าสถาบันตั้งอยู่เฉยๆ แต่คนที่เรียนจบออกมาต่างหาก ถึงจะเป็นคนทำให้สถาบันนี้มีค่าหรือไม่ ซึ่งผมรู้สึกว่า เจ๋งว่ะ! ที่อาจารย์คิดแบบนี้ ผมเลยโอเค เพราะพ่อจะได้สบายใจด้วยที่ผมได้เป็นทหาร
 

000พอจบมาแล้วความคิดเปลี่ยนไปมั้ย
          ถึงวันนี้ถ้าใครถามว่าแพทย์ทหารคืออะไร ผมตอบได้ว่า คือทหารที่ออกรบได้ ในขณะเดียวกันก็คือแพทย์ที่สามารถรักษาคนได้ตามหลักแพทยสภา ผมรู้สึกขอบคุณที่ตัวเองได้มาเรียนที่สถาบันพระมงกุฎเกล้า เพราะทำให้เราเรียนรู้อะไรได้มากกว่าคนอื่น มันเจ๋งนะ ทุกวันนี้ผมภูมิใจในภารกิจที่เราได้ทำหลายๆ อย่าง
 

000แพทย์ กับทหาร ก้องคิดว่าเป็นอะไรมากกว่า
          ผมเป็นแพทย์มากกว่า ยังไงผมก็ไม่ใช่ทหารอาชีพ เราแค่เป็นแพทย์ที่ซึบซับความเป็นทหาร เราไม่ได้มีหน้าที่ออกไปรบ เรามีความเป็นทหาร ในเรื่องของระเบียบวินัย ปฏิบัติตามคำสั่ง แต่จิตวิญญาณข้างในเราเป็นหมอมากกว่า    
 

000ภาคภูมิใจอะไรที่สุด
          คงเป็นครั้งหนึ่งที่ไปออกหน่วย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตอนนั้นผมคิดว่าจะไปเที่ยว แพ็กกระเป๋าเตรียมตัวไปเที่ยว แต่ใช้เวลาเดินทาง 7 ชม. เพราะทางเข้าไปค่อนข้างยากลำบาก และต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ ครึ่งชั่วโมง ผมเริ่มบ่นกับตัวเอง เพราะมันเหนื่อย มันร้อน การเดินทางก็ลำบาก คิดในใจว่า ถ้าไปแล้วไม่มีคนไข้ เราคงเหวี่ยงตามสไตล์ผม
 
          เจ้าหน้าที่หน่วยเขาคงรำคาญ ที่เราบ่นอะไรมากมาย เขาเลยมาถามผมว่า หมอเหนื่อยเหรอ ถ้าเทียบกับ 20 ปีก่อน หมอคิดว่านี่ดีขึ้นหรือยัง เพราะ 20 ปีก่อนเคยมีคนขึ้นมาแล้วนะ เดินนำหน้า และไม่มีบ่นเลยสักคำ ผมถามกลับไปว่าใคร คำตอบของเขาทำให้ผมอึ้งไปเลย เขาบอกว่า "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" เท่านั้นแหละ ผมตัวแข็งทื่อ หลังจากนั้นผมเดินขึ้นไป ไม่บ่นเลยสักคำ พร้อมมีคำถามในใจมากมาย และวันนั้นผมมารู้ทีหลังว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ขึ้นมาด้วย และมาทางเดียวกับที่ผมมา ทำให้เรามีคำถามว่าท่านจะเหนื่อยทำไม เพราะเรารู้ว่า ลำบากขนาดไหน สุดท้ายผมโชคดีที่ได้คำตอบ โดยที่ไม่ต้องมีใครมาบอกผมเลยว่า ที่ท่านทำเพราะ "ท่านรักประชาชน" อยากเห็นประชาชนสบาย ทำให้ผมคิดได้ว่า การเป็นข้าราชการของผมคือ "ข้ารองพระบาท" จนกว่าผมจะเกษียณ และผมจะทำต่อไปเรื่อยๆ
 

เรื่องรักของหมอทหาร
000ความรัก
          เรื่อยๆ ด้วยความที่เราอยู่กับงานเยอะ เลยสนใจอยู่กับงานมากกว่า บอกว่าไม่มีเลยคงไม่ใช่ มีบ้าง แต่ไม่ได้พัฒนาไปขนาดนั้น และด้วยความที่เวลาของผมไม่เหมือนคนอื่น พอไม่ได้ถ่ายละคร จะมีงานราชการตลอด ทำให้ผมแทบไม่มีเวลา แม้แต่เวลาจะไปเที่ยวยังไม่มีเลย ทำให้ผมไม่มีเวลาไปศึกษาใคร
 
          ผู้ชายที่ทำงานสองอย่างในเวลาเดียวกัน เจ๋งจริงๆ หมอก้อง


ชื่อ : สรวิชญ์ สุบุญ
ชื่อเล่น : ก้อง
เกิด : 8 ธันวาคม 2526
การศึกษา : มัธยมต้น ร.ร.สาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี จ.ลพบุรี มัธยมปลาย ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา ปริญญาตรี แพทยศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า
ผลงานที่ผ่านมา : พริกไทยกับใบข้าว, ดาวจรัสฟ้า, เทวดาสาธุ, สี่หัวใจแห่งขุนเขา ฯลฯ
ผลงานปัจจุบัน : เจ้าสาวผมไม่ใช่ผี

....................
(หมายเหตุ การเป็นข้าราชการของผมคือ'ข้ารองพระบาท'จากใจ'หมอก้อง-สรวิชญ์':สกู๊ปบันเทิง โดย...  ดวงใจ สอาดจิตต์/ เบญจภรณ์ อำไพรัตนพล)