
คือพลังพลเมือง
คือพลังพลเมือง:ศิลป์แห่งแผ่นดิน โดย... ศักดิ์สิริ มีสมสืบ
เหมือนว่าราตรีนี้มืดนัก ถามเธอ เธอรัก หิ่งห้อยไหม วะวับวิบกะพริบพร่างอยู่กลางไพร
ถามเธอ เธอหวั่นไหวไหมบางครา ถามเธอ ท้อแท้ไหมในบางคราว ถามเธอ เธอเหน็บหนาวเพียงไรหนา
เหมือนว่าดาวเลือนรางบางเวลา เหมือนว่าหนทางยังยาวไกล เหมือนว่าราตรีกาลยาวนานนัก
ถามเธอ เธอรักดวงดาวไหม วะวับวิบกะพริบพร่างอยู่กลางใจ ดาวที่ส่องนำหทัยให้เห็นทาง
ดาวที่นักเดินทางได้รู้ทิศ ดาวที่นำทางชีวิตให้สรรค์สร้าง ดาวที่ไม่มีวันผันเลือนราง
ถามเธอ เธออ้างว้างไหมคนดี เคียงข้างดาวยังมีดาวสกาวไสว เคียงข้างใจยังมีใจ เปล่งรังสี
เคียงข้างเธอยังมีใครไหนดูซี เคียงข้างเรา เรายังมีกันและกัน ถามเธอ เธอรักหิ่งห้อยไหม
วะวับวามหวามไหวในไพรสัณฑ์ วะวิบพร้อมผองเพื่อนนับหมื่นพัน ระยับย้อมดวงฝันระยำรวง
ระยิบพร้อมดวงใจใสสกาว กะพริบพร้อมแสนดาวแห่งแดนสรวง กะพริบพราวแต่ละดาวแต่ละดวง
โชติช่วงชัชวาลตระการตา โรจน์รุ่งรัตติกาลบันดาลใจ บันดาลรักอำไพทั้งแหล่งหล้า
คือดาวทองส่องประทีปแห่งศรัทธา จรัสฟ้าแห่งหวัง มลังเมลือง คือ พลังศักดิ์สิทธิ์ จิตอาสา
คือ พลังปัญญาอันหนุนเนือง คือ พลัง ฝัน คิด วิจิตรประเทือง คือ พลังพลเมืองฟื้นฟูไทย
คือ พลังกอบกู้ฟื้นฟูประเทศ คือ พลัง ขลังพิเศษพิสุทธิ์ใส คือ พลัง รวมพลังพิลาส พิไล
คือ พลัง ยิ่งใหญ่แห่งพลเมือง
กลอนบทนี้ผมนำไปอ่านในงาน “เติมพลังพลเมืองฟื้นฟูประเทศ” ที่จัดขึ้นที่ Thai PBS เมื่อวันที่ 23 ธันวาคมนี้ พร้อมกับร้องเพลง “น้ำลดฝันผุด” ที่มีเนื้อหาเตือนใจมนุษย์ว่า อย่าเห็นแม่เป็นศัตรู “แม่” หมายถึง แม่พระคงคา
ขณะที่บางพื้นที่ตอนล่างยังคงมีน้ำท่วมอยู่ แต่ขณะนี้แควยมของผมน้ำแห้งจนขอดเขิน บางช่วงเดินข้ามได้ ที่ยังพอมีน้ำหล่อเลี้ยงลำแควอยู่บ้างก็เฉพาะช่วงตอนปลายแคว ระยะทางสัก 10 กม. นั่นเพราะมีน้ำแควน่านหนุนยันไว้ แควยมตอนเหนือขึ้นไปช่วงอำเภอสากเหล็ก มีการทำฝายดินชะลอน้ำไว้ใช้กันในพื้นที่ของตน เมื่อปีที่แล้วแควยมของผมก็แห้งจนขาดสายห้วงๆ เด็กๆ ลงไปเล่นฟุตบอลกันที่ก้นลำแคว
นับต่อแต่นี้ไปคนแควยมอย่างผมคงไม่สามารถวางใจอะไรได้อีกแล้ว ประสบการณ์กว่า 20 ปี ที่อยู่อิงอาศัยสายน้ำแห่งนี้ ผมได้ผ่านเหตุการณ์ไม่ปกติหลายครั้ง ผ่านปีน้ำท่วมใหญ่ 3 ครั้ง เรื่องน้ำแล้งแห้งขอดเป็นเรื่องธรรมดาประจำทุกปี บางปีน้ำนิ่งจนเน่าเสีย ปลาตายเป็นเบือ บางปีสายน้ำมีพิษ เด็กๆที่ลงเล่นน้ำถึงกับต้องสูญเสียดวงตา
บางปีมีปลาชุกชุม บางปีไม่มีแม้แต่ปลาตะเพียนที่เคยเห็นแหวกว่ายเป็นฝูง ครั้งที่ผมยังอยู่เรือนแพ
มหาอุทกภัยปีนี้ ผมรู้สึกยินดีที่ได้เห็นฝูงปลามากมายหลากหลายชนิด มากเสียจนใจหาย หลายรายถึงกับรำพึงว่า น้ำไม่น่าลดเร็วเลย อยากให้ท่วมนานๆ อยากให้เป็นแบบนี้ทุกปี หลายคนละวางอาชีพประจำของตนเพื่อออกหาปลา ช่วงน้ำท่วมทำเงินได้มากมายเท่ากับที่หาได้ตลอดทั้งปี ร้านขายเครื่องมือประมงบอกว่า เขาขาย แห อวน ลอบ ไซ ข่ายดักปลา และอุปกรณ์อื่นๆ ได้มากกว่ายอดขาย 2 ปีรวมกัน ผมได้เห็นปลาตระกูล “เนื้ออ่อน” เช่น ปลาแดง ปลาน้ำเงิน ปลาชะโอน ปลาเบี้ยว มากมายก่ายกอง ปลาเขาตัวใหญ่ๆ ยางเป็นแขน ปลาม้า ปลาเทโพ ปลากดคัง ปลากดแก้ว ปลาฉลาด ปลากราย ไม่ต้องพูดถึงปลาเล็กปลาน้อยอย่างปลาหมอตาล ปลากระดี่ ปลาสลิด ปลาแขยง กระทั่งกุ้งใหญ่ และกุ้งฝอย
ผมได้เห็นเหล่านกปากห่าง นกกระยางนานาพันธุ์ นกกระแตแต้แว้ด น้ำท่วมปีนี้เหล่าสกุณาร่าเริงบันเทิงใจนัก นับเป็นปีทองของพวกเขาน่ายินดีจริงๆ
บรรยากาศในงาน “เติมพลังพลเมืองฟื้นฟูประเทศ” ทำให้ผมรู้สึกมีความหวัง พลเมืองจิตอาสาทั่วสารทิศมารวมตัวกันเพื่อพบปะสังสันทน์ ประสานจิต สมานใจ เตรียมตัวไว้เผชิญ ผจญ ปัญหาใหม่ที่จะเกิดขึ้นในวันหน้า โดยนำประสบการณ์ของตนมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนพ้องน้องพี่
ผมได้รู้จักผู้คนในพื้นที่ของผมหลายคนหลายกลุ่ม ที่ทุ่มเทอุทิศกายใจ อุทิศเวลา ด้วยจิตอาสาอันเข้มแข็ง ผู้คนนิรนามเหล่านี้เป็นบุคคลสำคัญสำหรับผม และผู้คนทั้งหลายทั่วไปที่ได้เห็นหัวจิตหัวใจของกันและกัน เมื่อเกิดวิกฤติมหันตภัย ผมในฐานะ “ศิลปิน” แต่งกลอน ร้องเพลง ร่วมบรรเลงในงาน และในฐานะผู้ประสบภัยคนหนึ่ง รู้สึกซาบซึ้ง พลเมืองจิตอาสาทุกคน
ที่หมู่บ้านบ้านเกิดของผม มีชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ทุกวันพระจะพายเรือมาที่คันคลอง คอยรับผู้เฒ่า ผู้แก่ ไปส่งที่วัด พายไปพายมาเทียวรับเทียวส่งหลายรอบ (ระยะทางจากฝั่งไปถึงวัดประมาณ 1 กม.กว่าๆ) โดยไม่คิดค่าจ้างค่าบริการ
บุคคลเล็กๆ เหล่านี้ทำให้ผมชื่นใจ และรู้สึกว่าสังคมเรามีความหวัง
นี่แหละคือพลังอันยิ่งใหญ่ของประเทศ
...................
(หมายเหตุ คือพลังพลเมือง:ศิลป์แห่งแผ่นดิน โดย... ศักดิ์สิริ มีสมสืบ)