
เส้นทางเสียงสวรรค์ของ วิทนีย์ ฮุสตัน
เส้นทางเสียงสวรรค์ของ วิทนีย์ ฮุสตัน:บันเทิงต่างประเทศ
ไม่มีใครคาดคิดว่า ในวันที่ชาวอเมริกันทั่วประเทศ และคนชื่นชอบเพลงอีกค่อนโลก กำลังรอคอยเวทีการประกาศผลรางวัลครั้งสำคัญอย่างรางวัลแกรมมี่ อวอร์ด ทุกคนกลับต้องมารับทราบข่าวการจากไปอย่างกะทันหันของ วิทนีย์ ฮุสตัน สุดยอดนักร้องเสียงทรงพลังเพียงที่ได้ชื่อว่าเป็นนักร้องขวัญใจชาวอเมริกันมากที่สุดคนหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นนักร้องหญิงที่กวาดรางวัลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ และเป็นนักร้องที่มียอดขายสูงสุดตลอดกาลคนหนึ่งด้วย
แต่หลังจากที่เธอประสบความสำเร็จถล่มทลายด้วยน้ำเสียงที่สะกดอารมณ์คนฟังให้ตะลึงไปกับความสามารถของเธอที่ยากจะหาใครมาเปรียบในยุคนั้น เบื้องหลังชีวิตของ วิทนีย์ กลับเป็นตัวทำลายพรสวรรค์ของเธอในการร้องเพลงจนนำเธอไปสู่ยุคตกต่ำ ไม่ว่าจะเป็นด้วยปัญหาครอบครัว หรือปัญหายาเสพติด จนถึงวันสุดท้ายของชีวิตก็ยังคงเป็นปริศนาว่าอะไรคือสาเหตุที่พรากเสียงสวยๆ ของเธอไปจากโลกนี้
วิทนีย์ ถือเป็นเด็กมากพรสวรรค์ที่เกิดในครอบครัวของศิลปิน โดย ซิสซี ฮุสตัน แม่ของเธอนั้นเป็นนักร้องที่เคยออกอัลบั้มมาแล้ว ขณะที่เธอเองก็ได้รับอิทธิพลเสียงร้องจากนักร้องเพลงโซลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ดิออนเน วอร์มิค และ ดิดี วอร์มิค ซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติของเธอ รวมทั้ง อารีธา แฟรงคลิน แม่ทูนหัวของเธอด้วย
วิทนีย์ และครอบครัวของเธอนั้นศรัทธาในพระเจ้า จึงมักจะเดินทางไปร้องเพลงที่โบสถ์อยู่เสมอ โดย วิทนีย์ เองมีโอกาสแสดงพรสวรรค์ของเธอให้ทุกคนประจักษ์เมื่อไปร้องเพลงที่โบสถ์ขณะอายุได้เพียง 11 ปี จากนั้นเธอก็ออกเดินทางไปร้องเพลงกับแม่ของเธอตามไนต์คลับในนครนิวยอร์ก และเคยเป็นคอรัสให้แก่ เจอร์เมน แจ็กสัน พี่ชายของ ไมเคิล แจ็กสัน ก่อนที่ คลิฟ เดวิส เจ้าของค่ายเพลง อาริสตา เรคคอร์ดส์ จะมาเห็นแววและพาเธอไปทำเพลง
“ตอนที่ผมเห็นเธอร้องเพลงกับแม่ในคลับ มันเป็นการแสดงที่แสนจะน่าตื่นตะลึงที่สุด การได้ยินเสียงสาวน้อยคนนี้ร้องเพลง มันเหมือนกับเธอจุดไฟให้กับเพลง แล้วเยือกไปถึงกระดูกสันหลังผมเลย” เดวิส เคยให้สัมภาษณ์ไว้ โดยอัลบั้มแรกในชีวิตเธอ Whitney Houston ที่ออกเมื่อปี 1985 ได้สร้างเพลงฮิตอย่าง Saving All My Love for You และทำให้เธอได้รับรางวัลแกรมมี่ตัวแรกในฐานะนักร้องหญิงเพลงป๊อปยอดเยี่ยม ก่อนจะกวาดรางวัลอีกมากมายในหลายอัลบั้มต่อมา
ในช่วงที่เธอโด่งดังสุดขีดนั้น เธอได้รับฉายาว่าเป็น โกลเดน เกิร์ล นักร้องเสียงทองของวงการเพลง เธอเป็นหนึ่งในนักร้องที่มีอัลบั้มขายดีที่สุดในโลก เธอทำให้แฟนเพลงมีความสุขและตื่นตะลึงไปกับเสียงร้องอันทรงพลัง และไร้ที่ติของเธอ จนเธอเองก็ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้แก่นักร้องหญิงรุ่นใหม่หลายคน ไม่ว่าจะเป็น คริสตินา อากิเลรา หรือ มารายห์ แคร์รี ที่ตอนแรกนั้นหลายคนถึงกับแยกไม่ออกว่าเป็นเสียงของ มาราย์ หรือ วิทนีย์
ความโด่งดังของเธอยังทำให้เธอได้ก้าวเข้ามาเป็นนักแสดงในฮอลลีวู้ดก่อนจะมีผลงานภาพยนตร์เรื่อง The Bodyguard ซึ่งประสบความสำเร็จถล่มทลายทั้งรายได้ และเสียงชื่นชมจนทำให้เพลงประกอบหนังเรื่องนี้อย่าง I Will Always Love You กลายเป็นเพลงฮิต และติดอันดับเพลงอมตะตลอดกาลไปแล้ว
นอกจากนี้เธอยังมีผลงานภาพยนตร์ตามมาอีก 3 เรื่องได้แก่ Waiting to Exhale (1995) The Preacher's Wife (1996) และเรื่องล่าสุด Sparkle ซึ่งเธอเพิ่งถ่ายทำเสร็จไปเมื่อปีที่แล้ว และมีกำหนดจะออกฉายในปีนี้ แต่น่าเศร้าที่เธอมาจบชีวิตลงเสียก่อน
เป็นที่ทราบกันในหมู่แฟนเพลงที่ติดตามชีวิตของเธอว่า วิทนีย์ นั้นมีชีวิตส่วนตัวที่ล้มเหลวทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องยาเสพติด โดยเธอเคยให้สัมภาษณ์หลังจากที่พยายามเข้ารับการบำบัดติดยาเมื่อปี 2002 ว่า “ปีศาจที่ร้ายที่สุดก็คือฉันเอง ฉันเป็นทั้งเพื่อนที่ดีที่สุด และเป็นศัตรูร้ายกาจที่สุดของตัวเอง”
หลังจากที่เธอติดสินใจแต่งงานกับ บ็อบบี้ บราวน์ อดีตสมาชิกวง New Edition และนักร้องเพลงโซล เมื่อปี 1992 ได้ทำลายภาพลักษณ์นักร้องขวัญใจของเธอเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการที่ บราวน์ ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความเป็นแบดบอย เจ้าชู้ และเคยมีลูกมาแล้ว เขายังเคยถูกจับฐานเมาแล้วขับ หรือไม่ยอมจ่ายค่าเลี้ยงดูลูกด้วย
แต่ วิทนีย์ ก็ออกมาแก้ต่างให้ความรักของเธอในครั้งนี้ว่า “เวลาที่คุณมีความรัก คุณก็จะรัก คุณไม่สามารถหยุดรักใครเพียงเพราะเขามีภาพลักษณ์ที่แตกต่างออกไป เวลาคุณเห็นภาพใครเป็นอย่างไร นั่นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของเขา ฉันก็ไม่ได้ใส่ชุดราตรีหรูหราตลอดเวลาเหมือนกัน ที่จริงแล้ว บ็อบบี้ กับฉันนั้นแทบจะมีความเป็นมาเหมือนกัน ฉันไม่ใช่นางฟ้าของใคร”
นอกจากนี้ ตลอดช่วงการแต่งงาน 14 ปีของเธอ วิทนีย์ ยังยอมรับด้วยว่า เธอใช้ยาเสพติดทั้งโคเคน กัญชา และยาเสพติดอื่นๆ ร่วมกับสามี จนทำให้เสียงของเธอนั้นแหบแห้งลง และไม่สามารถร้องคีย์สูงๆ ได้เหมือนอย่างที่เธอเคยทำได้ตอนโด่งดังสุดขีด โดยมีอยู่ครั้งหนึ่งเธอยังถูกลือว่าเสียชีวิตแล้วหลังขึ้นคอนเสิร์ตรำลึก ไมเคิล แจ็กสัน เมื่อปี 2001
“ฉันเคยเสพยาทุกวัน ฉันออกไปทำงาน แต่หลังจากทำงานฉันก็เสพยาทุกวัน เป็นอย่างนั้นอยู่เป็นปีสองปี ฉันไม่มีความสุขหรอกในช่วงนั้น ฉันสูญเสียตัวเองไป” วิทนีย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการทอล์กโชว์ชื่อดัง โอปราห์ วินฟรีย์ โดยเธอเปิดใจว่า สาเหตุที่ทำให้เธอเสพยานั้นเป็นเพราะชีวิตแต่งงานที่ลุ่มๆ ดอนๆ ของเธอกับ บราวน์ ซึ่งเคยถูกวิทนีย์ฟ้องร้องฐานทำร้ายร่างกาย โดยในที่สุดแล้ว วิทนีย์ ตัดสินใจยืนฟ้องหย่าในปี 2550 และเป็นผู้เลี้ยงดู บ็อบบี้ คริสตินา ลูกสาวที่เกิดกับ บราวน์ ด้วยตัวเอง
หลังจากนั้น วิทนีย์ ก็เข้ารับการบำบัดอาการติดยาถึง 2 ครั้ง ระหว่างออกอัลบั้มใหม่ I Look To You เมื่อปี 2009 ก่อนจะออกมาประกาศว่าเธอปลอดยาเสพติดทุกชนิดเมื่อปี 2010 แต่ก็ยังไม่วายถูกจับฐานพกยาเสพติดที่สนามบิน รวมทั้งต้องยกเลิกคอนเสิร์ตหลายครั้ง เพราะเสียงไม่พร้อม และเคยถูกแฟนเพลงโห่ไล่ตอนขึ้นไปร้องเพลงหลงคีย์ด้วย
ก่อนที่เธอจะเสียชีวิต วิทนีย์ ก็เพิ่งเดินทางไปซ้อมเพื่อเตรียมตัวขึ้นคอนเสิร์ตประจำปีของ คลิฟ เดวิส ผู้ปลุกปั้นเธอในฐานะ นักร้อง แต่คนใกล้ตัวที่อยู่ในการซ้อมด้วยเปิดเผยว่า วิทนีย์ มาซ้อมในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง เนื้อตัวมีเหงื่อออกตลอดเวลา แถมลมหายใจยังมีแต่กลิ่นเหล้า และบุหรี่คลุ้งไปหมด
แต่ไม่ว่าอะไรจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ วิทนีย์ ฮุสตัน ต้องเสียชีวิตในวัยเพียง 48 ปี แต่สิ่งที่โลกอยากจะจดจำไว้ก็คือเสียงร้องที่เหมือนดั่งเสียงสวรรค์ของเธอที่ฝากไว้ให้แก่แฟนเพลงทุกคนได้ชื่นชมว่าโลกนี้เคยมีนักร้องที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์อย่างเธอ
...................
(หมายเหตุ เส้นทางเสียงสวรรค์ของ วิทนีย์ ฮุสตัน:บันเทิงต่างประเทศ)