บันเทิง

30 ปี E.T.เพื่อนรักและปีเตอร์แพนที่ไม่อยากโต

30 ปี E.T.เพื่อนรักและปีเตอร์แพนที่ไม่อยากโต

09 มี.ค. 2555

30 ปี E.T.เพื่อนรักและปีเตอร์แพนที่ไม่อยากโต:หนังจอกว้าง โดย... นันทขว้าง สิรสุนทร [email protected]

           หาก ปีเตอร์ แพน จะเคยชวนเวนดี้ไป “เนเวอร์แลนด์”(neverland) และเด็กหญิงอลิซ จะเคยใช้โพรงตามกระต่ายไป “วันเดอร์แลนด์”(wonderland) มันก็เป็นเรื่องน่ารัก ถ้าผู้ใหญ่อย่างเราๆ ท่านๆ จะเวลาสักนิด หวนคิดไปถึงเพื่อนจากฟ้าไกลอย่าง E.T. : The Extra-Terrestrial ที่ครบรอบ 30 ปีแล้วในตอนนี้
 
          อันที่จริง ผมว่าจะเขียนถึงหนังสุดยอด to kill a mockingbird ที่ใช้ตัว “นกมอคกิ้ง” เปรียบเทียบกับชะตากรรมที่คนผิวดำเจอและต้องจบชีวิตลงในวรรณกรรมของ ฮาร์เปอร์ ลี ซึ่งในส่วนของหนังก็ครบ 50 ปีด้วยเช่นกัน หรือแม้แต่อีกเรื่องที่เพิ่งฉลองกันไปก็คือ west side storyที่หนังมีอายุมาถึงครึ่งศตวรรษ เช่นกัน
 
          ใครชอบศิลปะภาพยนตร์และหนังเพลงดีๆ น่าซื้อหนังเรื่องนี้มาเก็บไว้ เพราะ west side story (ที่ตอนแรกใช้ชื่อว่า east side story) โดดเด่นด้วยการออกแบบท่าเต้น ที่แหกขนบและท่าทางการเต้นของ musical และมีการใช้สีเสื้อผ้าบ่งบอกถึงนิสัยใจคอตัวละคร นี่ยังไม่นับไปถึงการใช้ดนตรีแจ๊สเป็นตัวหลักในการเล่าเรื่อง
 
          แต่คิดถึงอาการร่วมสมัยของหนังที่ไปได้กับคนทุกวัยแล้ว การเขียนถึง E.T. จึงน่าสนใจกว่าทั้งสองเรื่องในตอนนี้
 
          ขณะที่คานธีได้หนังเยี่ยม “ออสการ์” ในปี 1982 แต่ในปีเดียวกันนี้ ผู้คนกลับตื่นเต้นและพูดถึงอีทีมากกว่า บ่อยกว่าและอยู่ในความทรงจำของคนดูมาตลอด มันนานจนนักวิจารณ์หลายคนมั่นใจว่า ต่อให้ผ่านไปอีก 20 ปีหรือครบ 50 ปี อีทีก็คือหนังที่ผู้คนจะรัก และยังรัก
 
          เนื้อหาของหนังเป็นเรื่องของเด็กๆ กลุ่มหนึ่งได้พบกับมนุษย์ต่างดาวหน้าตาตลกแกมน่าเอ็นดู และแม้จะรู้ว่า เจ้าเอเลี่ยนหน้าตาชังจะไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมรอบตัว แต่บรรดาเด็กๆ ก็พร้อมจะปกป้องและผจญภัยไปกับเพื่อนรักต่างดาว และความน่าตื่นเต้นที่กำลังจะมาถึง
 
          พล็อตเรื่องไม่ได้มีอะไรซับซ้อนจนยากเกินกว่าจะเข้าใจ เอาหนังเรื่องนี้ไปให้ใครดู ทุกคนก็เข้าใจและสามารถจะรักได้ง่าย เหตุผลง่ายๆ ก็เพราะหนังเล่นกับความเป็นเด็กและจินตนาการของพวกเรา ซึ่งครั้งหนึ่งในอดีต ทุกคนล้วนเคยเป็นเด็กและต้องการอะไรแบบเด็กๆ ในเรื่องนี้
 
          เคยมีการวิเคราะห์กันนะครับว่า ฉากที่คนดูจดจำได้มากที่สุดสำหรับอีที ก็คือ ตอนที่เด็กหญิงดรูว์ แบร์รี่มอร์ ปั่นจักรยานและเหาะขึ้นไปกลางอากาศ จนกลายเป็นโลโก้อย่างหนึ่ง เขาบอกว่าในเชิงจิตวิทยานั้น สตีเว่น สปีลเบิร์ก รู้อย่างถ่องแท้ว่า เด็กๆ หรือคนดูในโรง ต้องการจะเห็นจักรยานนั้น ลอยขึ้นไปกลางอากาศ เป็นการปลดปล่อยตัวเองสู่จินตนาการ
 
          ลองคิดดูว่า ถ้าฉากนั้น จักรยานไม่ได้ถูกปั่นๆ ถีบๆ ไปเรื่อยๆ ไม่ได้เหาะขึ้นไปได้ ฉากที่ว่ามันก็อาจไม่มีอะไรน่าจดจำถึงขนาดนี้
 
          เรื่องต่อมาก็คือ อีทีมีรูปลักษณ์ที่ทั้งน่ารักน่าชัง แต่ไม่ได้น่ากลัวแบบเอเลี่ยนบางตัวที่เราพบเห็นในหนังไซไฟหรือภาพยนตร์ในกลุ่มวิทยาศาตร์ หน้าตา “น่าเอ็นดู” มากกว่า “น่าทำร้าย” และ “เป็นศัตรู”
 
          หนังอาจจะดูสนุกและมีฉากที่น่าขบขันหลายครั้ง แต่ถ้าจะสำรวจหนังกันจริงจัง ก็จะได้มุมมองหลายด้านจากทางวิทยาศาตร์ ศาสนาและสังคมการเมือง ขึ้นอยู่กับมุมมองของการเอาด้านไหนมาจับ แต่ผมชอบมุมมองง่ายๆ ที่ในฉากหนึ่งตอนท้ายเรื่อง ที่อีทีเหมือนจะตายสนิทไปแล้ว แต่เพราะความเชื่อและจินตนาการของเด็กๆ ทำให้อีทีฟื้นคืนชีพขึ้นมา เขาต้องการจะบอกเราว่า จินตนาการและความเชื่อของเด็กๆ (รวมทั้งมนุษย์)นี่เอง ที่ทำให้ชีวิตเป็นเรื่องสวยงามและมหัศจรรย์ น่าเสียแค่ว่า พอผู้ใหญ่หลายคนโตไปทำงาน พวกเขาก็เลิกเป็นเด็กกันไปหมด
 
          ไม่เหมือน สปีลเบิร์ก ที่เป็นเด็กไม่เลิก และมีวิญญาณของปีเตอร์ แพน ที่ไม่อยากเติบโตและไม่ยอมโต เพราะมีความสุขกับการเล่นกับเด็กๆ ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะเป็นลูกหลานของเวนดี้ไปกี่รุ่น

          เพราะผู้กำกับอีทีอย่าง สปีลเบิร์ก มีความผูกพันกับเรื่องวัยเยาว์ เขารักจานบิน มนุษย์ต่างดาว เพื่อนจากฟ้าไกล และสัตว์ที่มาจากโลกนิยายและอดีต ความเชื่อแบบนี้ทำให้เขาทำหนังอย่าง E.T. (1982)มาจนถึง Jurassic’s park(1993) โดยที่ยุค 70 ก็มีงานสุดยอดอย่าง close encounters of the third kind และยังไม่นับไตรภาคมหากาพย์กับอินเดียน่า โจนส์
 
          สปีลเบิร์ก บอกว่าที่เขาหลงใหลเรื่องราวอะไรแบบจินตนการเด็กๆ นี้ ก็เพราะมีอยู่คืนหนึ่ง พ่อมาปลุกเขาตอนตี 3 และอุ้มไปนั่งเนินเขาเอาผ้าห่มตัว และนั่งดูแสงระยิบระยับจากดาวมากมายบนท้องฟ้า (เราจึงเห็นฉากทำนองนี้ ปรากฏอยู่อ้อมๆ ในหนังหลายเรื่อง)

          ความเป็นเด็กและความเป็นปีเตอร์ แพน ที่หลงรักความเยาว์ของ สปีลเบิร์ก นั้นชัดเจนมากในหนังของเขา ซึ่งมักข้องเกี่ยวกับเรื่องนอกโลก จานบิน มนุษย์ต่างดาวและเอเลี่ยน

          มันอาจดูไร้สาระสำหรับผู้ใหญ่บางคน แต่ถ้าต้องเลือกคู่ชีวิตหรือเพื่อนสนิทสักคนระหว่างคนที่อยากเป็นมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก หรือ โอบามาผมขอเลือกเพื่อน ที่มีวิญญาณของปีเตอร์ แพน แบบที่สปีลเบิร์กมี

          ปีเตอร์ แพนที่ไม่อยากเติบโตและไม่ยอมให้จินตนาการหนีหายอีทีเพื่อนรัก - ก็เช่นกัน
...................
(หมายเหตุ 30 ปี E.T.เพื่อนรักและปีเตอร์แพนที่ไม่อยากโต:หนังจอกว้าง โดย... นันทขว้าง สิรสุนทร [email protected])