
ทำไมต้อง Gothic?ดิบดำกระด้าง แต่กระตุ้นให้ค้นหา
ทำไมต้อง Gothic?ดิบดำกระด้าง แต่กระตุ้นให้ค้นหา : คอลัมน์ หนังโรงเล็ก โดย... นันทขว้าง สิรสุนทร
แม้จะออกจากโรงด้วยความผิดหวังในหนังของ ทิม เบอร์ตัน อย่าง Dark Shadow แต่สิ่งหนึ่งที่สามารถบิดมุม นำมาเขียนเป็นประเด็นได้ก็คือ ความหลงใหลในด้านมืดของผู้กำกับคนนี้อย่างต่อเนื่อง และไม่มีทีท่าว่าจะเลิกราไม่ว่าเขาจะทำหนังอีกกี่เรื่อง
จาก Batman ในยุค 80 มาจนถึง Dark Shadow พี่ทิม อดีตคนโปรดของนักวิจารณ์หนังหลายคน ยังคงสนุกกับการทำให้มันดำสนุก กระด้างแบบน่าค้นหา ด้วยสไตล์ของ film noir ที่พยายามเล่นกับแง่มุมของ Gothic ที่กลายเป็นเทรนด์นิยมอยู่ในระยะหลังๆ ของหนังยุคใหม่
ไม่ทราบเหมือนกันว่า จะอธิบายอย่างเคลียร์คัทชัดเจนแบบไหนให้เราๆ ท่านๆ เข้าใจคำว่า โกธิคหรือ gothic แต่พอจะแจกแจงอย่างย่นย่อว่า มันคือหนังมีฉาก เครื่องแต่งกาย ทรงผม หรือทรงตึกรามบ้านช่อง และเส้นตัดที่ชวนฉงน ลึกลับดำมืดดูน่ากลัว และฉากหรือสไตล์เหล่านี้ ก็มักจะสิ่งที่ซ่อนเร้น หรือความลับบางอย่าง ที่คนดูอยากจะค้นหาไปพร้อมกับตัวเอกของเรื่อง
หนังที่มีลักษณะที่ว่านี้ ก็เช่นหนังทุกภาคของ harry potter, หนังทุกเรื่องของ ทิม เบอร์ตัน, หรือถ้าจะเอาชัดๆ ก็คือ the adam family หรือ sweeney todd รวมไปถึง Dracula และ Underworld ซึ่งถ้าจะไล่จริงๆ มีหนังที่เอาสไตล์โกธิคมาใช้เยอะนะครับ
และโกธิคไม่ใช่หยุดอยู่แค่ สถาปัตยกรรมของสิ่งปลูกสร้างหรือโบสถ์ แต่มันสามารถเดินทางไปผสมกับแฟชั่นเสื้อผ้าของสาวๆ แต่งตัวดำๆ น่ากลัวๆ ด้วยเสื้อผ้าเป็นเอกลักษณ์ แบบที่เราเรียกกันว่า Gothic Lolita ก็เคยฮิตมาแล้ว
แต่ในแง่ของต้นทางหรือที่มานั้น Gothic เป็นศิลปะที่เกิดในยุโรปช่วงระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 12-15 มีศูนย์กลางที่ฝรั่งเศส คำว่า"กอธิค" เริ่มใช้ครั้งแรกโดยนักวิจารณ์ศิลปะสมัยสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาตอนปลายของอิตาลี เรียกรูปแบบของศิลปะ ที่เกิดในยุโรปในช่วงเวลาดังกล่าวข้างต้น ที่เป็นผลงานของพวกกอท แฟรงก์ ลอมบาร์ค สลาฟ และแซกซัน
ซึ่งต่างเป็นชนเผ่าป่าเถื่อน ไร้ความเจริญทางศิลปวิทยาการ ประการสำคัญ เป็นชนเผ่าที่ทำลายจักรวรรดิโรมันและถึงพร้อมด้านศิลปวิทยาการ
ดังนั้นถ้อยสำเนียงหรือนัยยะ ที่ใช้เรียกว่า "ศิลปะกอธิค" จึงเป็นการเรียกขานที่บ่งบอกไปในทางเย้ยหยันมากกว่าการชื่นชม เมื่อเปรียบเทียบกับคุณค่าศิลปะแบบกรีก-โรมัน ที่มีกฏเกณท์ชัดเจน ซึ่งในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาได้รื้อฟื้นกลับมาปรับใช้ในยุคสมัยของตน จนเรียกชื่อยุคว่าเรอเนซองค์ หรือฟื้นฟูศิลปวิทยาการ
คือหมายถึงย้อนกลับไปรื้อฟื้นศิลปวิทยาการแบบกรีก-โรมันขึ้นมาอีกนั้น จึงยิ่งส่งผลให้มองศิลปกรรมอันเกิดจากฝีมือของผู้ทำลายอาณาจักรโรมันยิ่งดูไร้คุณค่าไร้รสนิยมยิ่งขึ้น จนนักวิจารณ์บางคนในยุคเรอเนซองส์ใช้คำกล่าวหาศิลปะกอธิคค่อนข้างรุนแรงว่าเป็นศิลปะที่ "ไร้รสนิยม" และ"วิตถาร" (วิกีพีเดีย)
ถ้าจะดึงเอาเข้ามาให้ใกล้ตัวอีกนิด จริงๆ คนไทยเราใกล้ชิดกับโกธิคมาตลอดอยู่แล้ว เพราะว่ามุมหนึ่งในความหมายของคำๆ นี้ก็คือ การที่ฉากหรือสไตล์ รูปทรงจะต้อง “กระตุ้น” ความอยาก กระตุ้นความปรารถนาในการค้นหาเรื่องลี้ลับที่ซ่อนอยู่ในบ้านหลังนั้น ในปราสาทนั้นๆ หรือในที่อยู่อาศัยของตัวละคร
หากเอามุมนี้เข้าไปจับ ละครทีวีไทยอย่าง ปริศนา, ห้องหุ่น หรือบ้านทรายทอง ก็จัดเป็นโกธิคในส่วนหนึ่ง เพราะถึงเรื่องไม่เกิดขึ้นในยามวิกาลตลอดเวลา แต่การใช้ฉาก และเสื้อผ้า ก็บ่งบอกถึงความอยาก หรืออย่างน้อย ต้องพาตัวเองเข้าไป เพื่อจะต้นหาเรื่องลี้ลับบางอย่าง
ในทางจิตวิทยา เขาบอกว่า การที่เราเห็นรูปทรง ฉาก ทรงยอดวัด บ้านหรือตึก รวมไปถึงทรงผมอะไรนั้น แม้เราจะรู้สึกไม่ชอบ แต่มันกระตุ้นด้านมืดของคนที่มองเข้าไป มันชวนให้ค้นหาหรืออย่างน้อยคือ อยากลอง
นี่เป็นเหตุผลว่า ทำไมคนทั่วไป หรือแมส ไม่ได้โปรดปรานหนังพวก Gothic แต่เมื่อมีเข้ามาฉาย ก็จะตามดู เพียงแต่ไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ หรือจะว่าไป การที่เยาวชนหรือแฟนๆ ของ harry potter ตามดูกันมา 7 ภาคนั้น มันก็คือ gothic ที่ซ่อนอยู่นั่นเอง
การตีบตันของอุตสาหกรรมหนังจนนำมาสู่ทางออก ด้วยการต้องขาย 3 มิติ 4 มิติ อะไรนั้น ก็มีการพยายามจะหารูช่องระบายออก ด้วยการเสนอแนวทางหนังใหม่ๆ เข้าไป ถ้าเรื่องไม่ดีมาก มีสไตล์ฉาก หรือรูปทรงของเสื้อผ้าอะไรมาเย้ายวนมันก็คือวิธีการทดลองอย่างหนึ่ง
นี่คือคำตอบว่า ทำไมระยะหลังๆ เราจึงพบเห็น gothic ซ่อนตัวและแอบอยู่ในหนังหลายเรื่อง เพราะสไตล์ gothic ไม่เคยหายไปไหนมันมีอยู่และเสนอหน้าอย่างแอบๆ เสมอมา
.............................
(หมายเหตุ ทำไมต้อง Gothic?ดิบดำกระด้าง แต่กระตุ้นให้ค้นหา : คอลัมน์ หนังโรงเล็ก โดย... นันทขว้าง สิรสุนทร)