นาคปรกและศพไม่เงียบ : ขอศรัทธาจงอยู่กับเรา
นาคปรกและศพไม่เงียบ : ขอศรัทธาจงอยู่กับเรา : คอลัมน์ มองผ่านเลนส์คม โดย... องอาจ สิงห์ลำพอง www.facebook.com/dongongart / www.twitter.com/dongongart / [email protected]
เพิ่งได้ชมภาพยนตร์ เรื่อง “ศพไม่เงียบ” ที่กำกับโดย ทอม วอลเลอร์ เพราะจำได้ว่าเคยได้ดูตัวอย่างแล้วน่าสนใจ “ศพไม่เงียบ” เป็นหนังไทยแนวฆาตกรรมสืบสวนสอบสวนที่ผ่านมุมมองของกลุ่มผู้สร้างสำคัญเป็นชาวต่างชาติ ภาพยนตร์ดำเนินเรื่องราวเมื่อหลวงพ่ออนันดากับพระเลขา และแจ๊คลูกศิษย์วัดที่เป็นโปลิโอได้ร่วมกันค้นหาสาเหตุการตายของน้อยเด็กหนุ่มไร้บ้านที่อาศัยที่วัด เรื่องราวพัวพันกับพระสงฆ์ และตำรวจ ทุกคนล้วนมีส่วนที่นำไปสู่เงื่อนงำของการค้ายาเสพติด ซึ่งเป็นที่มาของคดีฆาตกรรมในวัด
ทำให้ผมหวนคิดถึงภาพยนตร์ไทยอีกเรื่องที่วนเวียนเกี่ยวกับพระสงฆ์ “นาคปรก” ภาพยนตร์ไทยที่เข้าฉายปี 2553 ผลงานการกำกับภาพยนตร์ของ ภวัต พนังคศิริ ที่นำเสนอถึงด้านมืด และส่วนที่อยู่ลึกที่สุดในจิตใจมนุษย์ว่าแท้จริงแล้วยากแท้หยั่งถึง เรื่องราวโจรสามคน ป่าน, ปอ, สิงห์ ที่รวมหัวกันวางแผนปล้นรถขนเงิน แต่เคราะห์กรรมทำให้ถูกไล่ตามจับ เมื่อจนมุมตัดสินใจนำเงินที่ปล้นมาได้แอบซ่อนไว้ในวัด และเมื่อย้อนกลับมาขุดหาเงินจึงรู้ว่าที่ซ่อนเงินอยู่ใต้โบสถ์ โจรร้ายจึงตัดสินใจปลอมตัวแฝงเข้ามาในวัดด้วยการแอบซ่อนอยู่ในคราบของพระสงฆ์ และพยายามวางแผนเอาเงินออกมาให้ได้ โดยมีตำรวจเป็นกลุ่มผู้อยู่เบื้องหลังการปล้นครั้งนี้เช่นกัน
สิ่งที่ภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องนำเสนอจนอดคิดต่อไม่ได้ว่ามีตัวแปรสองตัวหลักที่เหมือนกันในทั้งสองเรื่องคือ พระสงฆ์สัญลักษณ์แห่งศรัทธาและความดีงาม กับตำรวจสัญลักษณ์แห่งผู้พิทักษ์ ทั้งสองสถาบันถูกกล่าวถึงในทางลบ พระสงฆ์ในเรื่องมีหน้าที่ในการช่วยใบ้หวย หรือรับจ้างเจิมขึ้นบ้านใหม่ บางรูปก็ยังเต็มไปด้วยราคะ โทสะ โมหะ ตัณหา ส่วนตำรวจก็ใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ ทุจริต มุ่งหาประโยชน์ใส่ตัวเอง ผมอดคิดไม่ได้ว่า หากภาพยนตร์คือ สื่อที่มีเนื้อความที่สะท้อนจากบริบทโดยรอบของสังคมจริงแล้ว นั่นย่อมหมายถึงสังคมของไทยเรากำลังเป็นดั่งเช่นที่เห็นในภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องแน่หรือ แต่สิ่งที่ค้ำยันข้อมูลครั้งนี้ได้ดีคือ ไม่ว่าจะมองจากแว่นคนตาสีดำ หรือคนตาสีน้ำข้าว ล้วนสะท้อนสังคมไทยชาวพุทธได้อย่างหน้าชา จนคนไทยต้องร้อง “คุณพระช่วย” ฝรั่งต้องอุทาน “ Oh my God ” กันเลยทีเดียว
แต่คำถามที่เกิดกับผมก็คือ เราจะเชื่อใจใครได้อีก แม้แต่สิ่งที่เราชาวพุทธนับถือมาตั้งแต่เราจำความได้ ต่อไปเราจะยกมือกราบไหว้ได้อย่างไรหากเราไม่มีจิตศรัทธาในสิ่งนั้นอีกต่อไป แต่หากมองโลกในแง่ดีไว้บ้าง ผมก็เชื่อว่าในสังคมไทยนั้นยังมีพระสงฆ์และตำรวจที่ดีอยู่อีกมาก เพียงแต่พวกเราคงต้องช่วยกันอย่าให้คนไม่ดีเหล่านั้นมีอำนาจเหนือกว่า และขอเราทุกคนพึงสำนึกไว้ว่า “ไม่มีไฟใดเสมอราคะ ไม่มีเคราะห์ใดเสมอโทสะ ไม่มีข่ายดักใดเสมอโมหะ และไม่มีแม่น้ำใดเสมอตัณหา”
www.facebook.com/dongongart / www.twitter.com/dongongart / [email protected]
.......................................
(หมายเหตุ นาคปรกและศพไม่เงียบ : ขอศรัทธาจงอยู่กับเรา : คอลัมน์ มองผ่านเลนส์คม โดย... องอาจ สิงห์ลำพอง www.facebook.com/dongongart / www.twitter.com/dongongart / [email protected])