6หนังหายนะโลกดูเพลิน | คมชัดลึก

          สืบเนื่องจาก 21 ธันวาคมที่ผ่านมา แม้ผู้คนจะไม่ได้ตระหนกถึงวันสิ้นโลกตามที่ปฏิทินชนเผ่ามายาอ้างถึง แต่ผมสนุกกลับกับการหยิบหนังที่ว่าด้วยหายนะโลกหลายๆ เรื่องออกมาเปิดดูอีกครั้ง และคิดว่ามีหนังอยู่ 6 เรื่อง (ที่เลือกเลข 6 เพราะเป็นเลขอัปมงคลตามความเชื่อชาวคริสต์ที่ว่า 666 คือเลขแห่งซาตาน) ที่ดูสนุก มีการหยิบนำเอาความเชื่อหรือกระทั่งแนวคิดทางวิทยาศาสตร์อันว่าด้วยหายนะโลกชวนให้เราเชื่อถือคล้อยตาม ลองมาดูหนังหายนะโลกที่เลือกมาแนะนำกันโดยเรียงตามปีที่ออกฉาย

          1.  Armageddon พ.ศ. 2541
          หนังเล่าถึงดาวหางขนาดใหญ่เท่ารัฐเทกซัสจะพุ่งเข้าชนโลกภายในระยะเวลา 18 วัน องค์การนาซ่าจึงส่งทีมขุดเจาะน้ำมัน เดินทางไปกับกระสวยอวกาศเพื่อฝังหัวระเบิดนิวเคลียร์ที่แกนกลางของดาวหาง ทำให้ดาวหางระเบิดก่อนพุ่งชนโลกในแง่ข้อเท็จจริงหรือสมมติฐานทางวิทยาศาสตร์ เหตุการณ์ในเรื่องแทบไม่มีส่วนใดสามารถเกิดขึ้นได้จริงแม้แต่น้อย กระนั้นก็ตาม Armageddon ก็ได้รับอนุญาตจากองค์การนาซ่า ในการเข้าไปถ่ายทำกระบวนการฝึกหัดนักบินอวกาศและในปีเดียวกันนี้เอง มีหนังที่ว่าด้วยดาวหางพุ่งชนโลก เข้าฉายอีกหนึ่งเรื่อง คือ Deep Impact
 
          2. Deep Impact พ.ศ. 2541
          แม้เล่าถึงเหตุการณ์ดาวหางพุ่งชนโลกเหมือนกัน แต่ทว่าเนื้อหาของ Deep Impact มีความเป็นไปได้ทางวิทยาศาสตร์มากกว่า เรื่องราวในหนังเริ่มจากนักข่าวสาวคนหนึ่งพยายามขุดคุ้ยความลับเกี่ยวกับคำว่า Ele (เอลี่) ซึ่งเข้าใจว่าเป็นผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับประธานาธิบดี แต่พอลองเสริชหาข้อมูลจริงๆ คำว่า Eleกลับไปเชื่อมโยงเกี่ยวกับการสูญพันธ์ของไดโนเสาร์จากการที่ดาวเคราะห์หรือดาวหางพุ่งชนโลก เธอพบว่าEleมาจาก E.L.E หมายถึง Extinction Level Event  หรือเหตุการณ์ (ภัยพิบัติ) ที่รุนแรงในระดับทำให้สิ่งมีชีวิตสูญพันธุ์ เมื่อความจริงเปิดเผย องค์การนาซ่าจึงใช้วิธียิงขีปนาวุธเข้าใส่เพื่อให้ดาวหางเปลี่ยนทิศทาง..ที่น่าสนใจก็คือ ในอีก 7 ปีถัดมา วันที่ 12 มกราคม 2005 มีปฏิบัติการที่ใช้ชื่อเดียวกันกับหนังคือ Deep Impact โดยองค์การนาซ่าได้ส่งยานอวกาศดีพอิมแพ็ค (Deep Impact) มุ่งหน้าสู่ดาวหางเทมเปิล-วัน แต่ไม่ได้ส่งขีปนาวุธติดหัวรบขึ้นไปทำลายดาวหางเพื่อปกป้องโลกอย่างในหนัง หากแต่เป็นการส่งกระสวยขนาดเล็กไม่มีหัวรบ พุ่งชนดาวหางด้วยความเร็วสูง เพื่อทำการศึกษาวิจัยโครงสร้างของนิวเคลียสดาวหาง รวมทั้งการวิจัยฝุ่นละอองและก๊าซซึ่งอยู่ภายในเท่านั้นเอง...ใช่ว่าหนังหายนะโลก จะพูดถึงอุกกาบาตชนโลกเท่านั้น

          3. The Coreพ.ศ. 2546
          ที่เมืองบอสตันสิ่งมีชีวิตภายในรัศมีสิบช่วงตึกล้มตายลงอย่างรวดเร็ว ในซานฟรานซิสโกสะพานโกลเด้นเกตพังพินาศ  ที่โรมนักท่องเที่ยวหลายพันคนยืนนิ่งตัวแข็งด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นกำแพงโคลอสเซียมพังทลายลงต่อหน้าต่อตา...จากเหตุการณ์หายนะดังกล่าวนักธรณีฟิสิกส์พบว่าเกิดจากแกนกลางของโลกหยุดหมุนเป็นเหตุให้สนามแม่เหล็กซึ่งช่วยคุ้มกันโลกจากกัมมันตภาพรังสีของดวงอาทิตย์เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดคือ การแพร่กระจายของคลื่นไมโครเวฟ จะเผาผลาญโลกนี้เป็นจุล...ทางเดียวที่จะทำให้แกนโลกกลับมาหมุนได้อีกครั้ง ก็คือการเดินทางไปให้ถึงแกนโลก เพื่อจุดระเบิดนิวเคลียร์กระตุ้นให้แกนโลก กลับมาหมุนอีกครั้ง...ถัดมาอีกหนึ่งปีมีหนังหายนะโลกออกฉายอีกหนึ่งเรื่องและครั้งนี้ เป็นหายนะจากฝีมือมนุษย์

          4. The Day After Tomorrow พ.ศ. 2547
          เรื่องราวในหนังเริ่มต้นเมื่อนักอุตุนิยมวิทยาโบราณและทีมงานพบความผิดปกติของเปลือกโลกผิวน้ำแข็ง ในทวีปแอนตาร์กติกา ก่อนจะพบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากสภาวะโลกร้อน มีการเผาผลาญเชื้อเพลิง ทำลายสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ความเย็นทำให้กระแสไอร้อนหยุดนิ่ง ความอบอุ่นในโลกหมดไป สภาพอากาศทั่วโลกแปรปรวน หลายพื้นที่ทั่วโลกอุณหภูมิลดต่ำเฉียบพลัน โลกซีกบนค่อยๆ กลายเป็นน้ำแข็ง...และในอีก 5 ปีถัดมา ทีมงานผู้สร้างชุดเดียวกัน ก็ได้ทำหนังที่ว่าด้วยหายนะโลกเรื่องสำคัญ จนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้คนตื่นกลัววันสิ้นโลกที่กำลังจะมาถึง

          5. 2012 พ.ศ. 2552
          หนังเริ่มต้นด้วยการประมวลภาพภัยธรรมชาติร้ายแรงที่เกิดขึ้นทั่วโลกโดยเชื่อมโยงไปถึงสมมติฐานจากคำทำนายของชาวมายา ที่ทำนายถึงเหตุการณ์วันสิ้นโลกที่จะเกิดขึ้นในปฏิทินเมโสอเมริกันหรือปฏิทินมายา ซึ่งตรงกับวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555 ภาพคลื่นยักษ์สึนามิที่กำลังท่วมเข้าซัดเทือกเขาหิมาลัยในทิเบต การปะทุอย่างรุนแรงของภูเขาไฟที่อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน แผ่นดินไหวที่อิตาลีทำให้มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ที่นครรัฐวาติกันพังทลาย แผ่นดินแยกขนาดใหญ่ที่ลาสเวกัส ภาพเหตุการณ์พิบัติภัยเสมือนจริงที่มาจากจินตนาการผู้สร้างยังติดตาผู้ชมราวกับว่าเหตุการณ์เหล่านั้นกำลังเกิดขึ้นจริงในอนาคตอันใกล้...อันที่จริง หนังหายนะโลก ถูกสร้างมาตั้งแต่ 60 กว่าปีก่อนแล้ว โดยเฉพาะแนวคิดทางวิทยาศาสตร์เรื่องดาวหางชนโลก

          6. When Worlds Collide พ.ศ. 2494
          หนังสร้างจากนิยายของ Edwin Balmerว่าด้วยความหวาดกลัวในคำทำนายเรื่องวันสิ้นโลกจากตัวอักษรโบราณของชาวมายันและคำทำนายถึงภัยพิบัติล้างโลกในคัมภีร์ไบเบิ้ลมีกลุ่มนักวิทยาศาสตร์พบว่า อีกไม่นานข้างหน้านี้ จะมีดาวเคราะห์ขนาดใหญ่พุ่งเข้าชนโลก พวกเขาจึงรวบรวมนักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลกช่วยกันสร้างจรวดขนาดยักษ์  เพื่อบรรทุกผู้คนและสิ่งมีชีวิต รวมทั้งอาหาร เพื่อออกเดินทางไปหาดาวดวงใหม่อยู่อาศัย

          เหตุการณ์ว่าด้วยวันสิ้นโลกที่ถูกถ่ายทอดผ่านสื่อภาพยนตร์ ส่วนใหญ่มักอิงข้อมูลหรือแนวคิดทางวิทยาศาสตร์มาประกอบช่วยเพิ่มความสมจริงและน่าเชื่อถือให้กับเรื่องราวมากขึ้น แม้จุดประสงค์ที่แท้จริงมันถูกสร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงก็ตาม
.......................................
(หมายเหตุ 6หนังหายนะโลกดูเพลิน : คอลัมน์ เอกเขนกดูหนัง โดย... ณัฐพงษ์ โอฆะพนม)