
มองผ่านเลนส์คม:ลมเปลี่ยนทิศที่แดนเนรมิต
ลมเปลี่ยนทิศที่แดนเนรมิต : คอลัมน์ มองผ่านเลนส์คม โดย... วิภว์ บูรพาเดชะ twitter.com/VipHappening
การกลับมาของ Big Ass หลังจากทิ้งช่วงไปนานนั้นเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นอยู่แล้ว แต่การกลับมาพร้อมนักร้องนำคนใหม่นั้นถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์มากๆ ในประวัติศาสตร์วงการดนตรีร็อกของบ้านเรา พอวงดนตรีเปลี่ยนนักร้องนำใหม่แล้วก็หาได้ยากนะครับที่จะประสบความสำเร็จมากเท่าคนเดิม ส่วนหนึ่งอาจเพราะว่าวงร็อกในบ้านเรานั้นก็มีจำนวนไม่ได้มากมายด้วย แล้วแต่ละวงก็ล้วนมีนักร้องเป็นภาพจำประจำวง ประมาณว่าพอนึกถึงไมโครก็ต้องนึก หนุ่ย-อำพล ลำพูน หรือพอนึกถึงซิลลี่ฟูลส์ก็ต้องนึกถึง โต-ณัฐพล พุทธภาวนา ก่อนคนอื่น นักร้องนำส่วนใหญ่ยังรับหน้าที่แต่งเพลงให้กับวงด้วย การเปลี่ยนนักร้องนำก็เลยเหมือนกับเปลี่ยนวงนั่นเอง
แต่สำหรับบิ๊กแอสแล้วถือเป็นกรณีที่แตกต่างครับ เพราะ แด็กซ์-เอกรัตน์ วงศ์ฉลาด นักร้องคนเดิมนั้นทำหน้าที่ร้องนำเพียงอย่างเดียว บทบาทผู้คุมทิศทางของวงตกเป็นของสมาชิกคนอื่นๆ มากกว่า พูดได้ว่าดนตรีและบทเพลงของบิ๊กแอสนั้นมีที่มาจากทีมเวิร์กจริงๆ สมาชิกบางคนอย่างมือกลอง กบ-ขจรเดช พรมรักษา ก็ทำหน้าที่เขียนเนื้อเพลงด้วย หรือมือกีตาร์ อ๊อฟ-พูนศักดิ์ จตุระบุล ก็เป็นเหมือนโปรดิวเซอร์ของวงกลายๆ สองคนนี้ทำงานในส่วนของเขาได้ดีขนาดที่ยังไปรับหน้าที่นี้ให้วงอื่นๆ อีก ที่เป็นเหมือนงานชิ้นโบแดงของอ๊อฟและกบนอกจากบิ๊กแอสก็คืองานของวง Bodyslam ที่โด่งดังไปทั่วบ้านทั่วเมืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี่ล่ะครับ
อัลบั้มก่อนหน้านี้ของบิ๊กแอสคือ Love (พ.ศ. 2551) ซึ่งนอกจากเพลง ฝุ่น แล้วอาจจะไม่ค่อยมีใครจดจำอัลบั้มนั้นได้เท่าไหร่ ทั้งที่ในความเห็นส่วนตัวแล้วผมคิดว่ามันเป็นงานที่น่าสนใจชุดหนึ่ง ในด้านดนตรีก็ยังรักษาฟอร์มได้ แต่ด้านเนื้อหานั้นยังมีความพยายามจะพูดประเด็นที่ใหญ่กว่าเรื่องความรักของหนุ่มสาว อย่างเช่นเพลง รัก ที่พูดถึงประเทศชาติ และ มหาลัยไม่มีสอน ที่พูดเรื่องการเรียนรู้ในชีวิต แต่โดยรวมแล้วถือว่าเสียงตอบรับให้อัลบั้มนี้มีน้อยกว่างานเก่าๆ ของบิ๊กแอสนะครับ
นั่นอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พวกเขาหายไปนาน และอาจเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้บิ๊กแอสต้องเปลี่ยนนักร้อง เหมือนลมเปลี่ยนทิศ เหมือนช่วงชีวิตที่ความเปลี่ยนแปลงเดินทางมาถึง เราก็ต้องยอมรับมัน
มาถึงวันนี้หลายคนคงคุ้นหน้า เจ๋ง-เดชา โคนาโล นักร้องคนใหม่บ้างแล้ว เจ๋งให้ความรู้สึกสดใหม่ ลีลาท่าทางในมิวสิกวิดีโอและในคอนเสิร์ตของเขาดูเหมือนสามารถส่งพลังให้กับสมาชิกบิ๊กแอสที่เหลือได้ไม่น้อย
ทีนี้มาลองฟังเพลงจากอีพี 5 เพลงที่ชื่อชุด แดนเนรมิต ของพวกเขากันครับ เพลงแรก แดนเนรมิต เป็นร็อกพุ่งทะยาน งานภาคกีตาร์ดูกระฉับกระเฉงว่องไว เนื้อหาพูดถึงการเริ่มต้นใหม่ ต้องเริ่มจากศูนย์ แต่พลังใจยังเต็มเปี่ยม ดูเข้ากันดีกับการเปิดตัวบิ๊กแอสยุคใหม่ ต่อด้วย เท่าที่มี ที่ผ่อนความเร็วลงมาเล็กน้อย แต่จังหวะกลองชวนขยับขาตาม เนื้อหาเพลงเหมือนจะต่อเนื่องจาก แดนเนรมิต คือว่าด้วยผู้ชายที่ไม่ค่อยจะมีต้นทุน แต่มีหัวใจที่พร้อมจะสู้และพร้อมจะให้เพื่อความรักอย่างเต็มที่
มาถึงเพลงที่สาม ทนไม่ไหว เพลงนี้เป็นเพลงค่อนข้างช้าที่ดนตรีหนักหน่วง ท่วงทำนองและการร้องเค้นอารมณ์เต็มที่ ยิ่งเนื้อเพลงดำเนินไปการร้องของเจ๋งก็ยิ่งเค้นอารมณ์เข้าไปใกล้จุดพีกมากขึ้นเรื่อยๆ จะว่าไปก็เข้ากับชื่อเพลงนั่นล่ะ ในแง่ดนตรีแล้วผมคิดว่านี่เป็นเพลงปล่อยของของบิ๊กแอสเพลงหนึ่งเลยล่ะครับ ท่อนโซโล่กลางเพลงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งของอีพีชุดนี้เลยก็ว่าได้
เพลงที่สี่ชื่อว่า ดนตรี...เพื่อชีวิต ครับ ชื่อเพลงเล่นกับคำพองาม ทำให้นึกถึงดนตรีอีกแนวหนึ่ง แต่ความหมายที่ตีความได้ตามตัวก็คือการพูดถึงดนตรีที่เป็นเรื่องสำคัญต่อชีวิตของบิ๊กแอส เพลงนี้ภาคกีตาร์โดดเด่นอีกแล้ว พวกเขาปิดท้ายด้วย ลมเปลี่ยนทิศ เพลงรักอกหักที่เหมาะสำหรับคนที่มีวัยวุฒิสักหน่อย เพลงนี้ใช้
เครื่องสายมาสร้างสีสันอันสวยงามด้วย เจ๋งแสดงความสามารถในการร้องเพลงช้าๆ เพราะๆ ได้ดีเยี่ยมไม่แพ้กับเพลงร็อกที่ร้องมาก่อนหน้า 4 เพลง โดยรวมแล้วบทเพลงของบิ๊กแอสไม่ได้เปลี่ยนไปมากเท่าไหร่นัก เพลง เท่าที่มี อาจจะชวนโยกมากขึ้น เพลง ทนไม่ไหว อาจจะบีบเค้นมากกว่าเท่าที่เคยทำมา แต่สิ่งหนึ่งที่ผมสัมผัสได้คือทั้ง 5 เพลงในอีพีชุดนี้มันแน่นปึ้กและให้ความรู้สึกสดใหม่มากๆ ฟังแล้วราวกับว่าพวกเขายังมีแรงเดินทางไปได้อีกแสนไกล
มันเหมือนกับพวกเขาได้สร้างวงใหม่ทั้งที่ยังเป็นวงเดิม และเล่นดนตรีไม่ต่างจะเดิมมากมาย สำหรับประวัติศาสตร์วงการเพลงร็อกบ้านเราแล้ว นี่ฟังดูเป็นเรื่องมหัศจรรย์นิดๆ เลยทีเดียว
มองไปข้างหน้า ผมเริ่มเห็นภาพ "แดนเนรมิต" ของคนดนตรีกลุ่มนี้อยู่ในอนาคตอันใกล้แล้วล่ะ
.......................................
(หมายเหตุ ลมเปลี่ยนทิศที่แดนเนรมิต : คอลัมน์ มองผ่านเลนส์คม โดย... วิภว์ บูรพาเดชะ twitter.com/VipHappening)