พบกับ'ฟอเรสต์ วิทเทคเกอร์'ในTHE BUTLER
บันเทิงต่างประเทศ : พบกับ 'ฟอเรสต์ วิทเทคเกอร์' ใน 'THE BUTLER'
THE BUTLER หรือในชื่อภาษาไทยว่า "เดอะบัทเลอร์ เกียรติยศพ่อบ้านบันลือโลก" ผลงานการกำกับ ของ ลี แดเนียลส์ เป็นภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องจริงของ ยูจีน อัลเลน อดีตพ่อบ้านทำเนียบขาว (ทำงานตั้งแต่ปี 1957-1986) โดยผ่านตัวละคร เซซิล เกนส์ ซึ่งรับบทโดย ฟอเรสต์ วิทเทคเกอร์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลอคาเดมีและทีมงานภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเป็นหนึ่งในทีมงานผู้สร้างภาพยนตร์เรื่อง Monster's Ball Precious และ The Paperboy โดย ฟอเรสต์ วิทเทคเกอร์ ได้กล่าวถึงบทบาทที่ได้รับในภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า
@ หนังบอกเล่าช่วงหนึ่งของประวัติศาสตร์อเมริกัน และบอกเล่าเรื่องราวของพ่อลูกคู่หนึ่ง อยากให้เล่าถึงความสัมพันธ์ของพ่อลูกในเรื่อง
ผมคิดว่าสิ่งที่ ลี แดเนียลส์ (ผู้กำกับ) ทำกับหนังเรื่องนี้ ค่อนข้างทรงพลัง เขาถ่ายทอดเรื่องของการเคลื่อนไหว เพื่อสิทธิพลเมืองผ่านทางตัวละครของผม (เซซิล) และลูกชายผม (หลุยส์) ที่เป็นนักเคลื่อนไหวตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ในขณะเดียวกัน คุณจะได้เห็นผมในทำเนียบขาวในช่วงเวลาที่มีการตัดสินใจเบื้องหลังที่เกิดขึ้นโดยประธานาธิบดีเคนเนดี้, จอห์นสัน, นิกสัน, เรแกน และอื่นๆ พวกเขาเป็นผู้ที่ทำให้สิทธิมนุษยชนและสิทธิพลเมืองในประเทศนี้ ตัวละครของผมเป็นตัวแทนของคนรุ่นเก่า ที่ยึดติดกับสิ่งเดิมๆ ผมทำให้ชุมชนผิวสีมีความเป็นมนุษย์ขึ้นมา เพราะประธานาธิบดีและทีมงานของเขาจะต้องปฏิบัติต่อผมในระดับของมนุษย์ด้วยกัน ผมขัดแย้งกับลูกชาย เพราะสิ่งที่ผมต้องการคือให้เขาปลอดภัยและมีชีวิตที่ดี ทำให้ผมไม่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของเขา แต่ท้ายสุดลูกชายของผม ก็ทำให้ผมเข้าใจเรื่องนี้ครับ
@ ในฐานะพ่อบ้านของทำเนียบขาว เซซิลได้พัฒนาความสัมพันธ์ส่วนตัวกับประธานาธิบดี คุณคิดว่ามันส่งผลอย่างไร
ผมคิดว่าเซซิลเป็นตัวอย่างที่ดีเยี่ยมของการที่คนๆ หนึ่ง ทำเพื่อเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นของคนกลุ่มใหญ่ในเรื่องเชื้อชาติ ในหนังเรื่องนี้ เนกไทของเคนเนดี้และเข็มกลัดของจอห์นสันเป็นของขวัญที่เซซิลได้รับและเก็บรักษาไว้ ประธานาธิบดีทั้งสองคนได้เปลี่ยนแปลงนโยบายสิทธิพลเมืองในประเทศนี้ โดยเคนเนดี้เป็นคนเริ่มต้น ก่อนที่เขาจะถูกลอบสังหาร จอห์นสันบางครั้งก็ถูกมองว่าเป็นพวกคลั่งเชื้อชาติและถูกมองแง่ลบจากบทบาทของเขาในสงครามเวียดนาม แต่เขาก็ทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับสิทธิมนุษยชนในอเมริกา และทำให้มีการผ่านร่างกฎหมายต่างๆ ครับ
@ การร่วมงานกับนักแสดงคนอื่นๆ ที่รับบทประธานาธิบดีสหรัฐ ในหนังเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง
มันเยี่ยมมาก เพราะผมเป็นเหมือนสิ่งที่เชื่อมทุกคนเข้าด้วยกัน ไม่ว่าใครจะมารับบทเป็นประธานาธิบดีคนไหน ผมตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับเขา เพราะเขาเป็นนักแสดงคนเก่ง อย่าง เจมส์ มาร์สเดน ใส่เอาความผ่อนคลายและความสบายใจเข้าไปในบทเคนเนดี้ ผมชอบที่ได้ร่วมงานกับเขา ตัวละครของเขาเชื่อมโยงกับผมมากๆ ผมเคยร่วมงานกับ โรบิน วิลเลียมส์ มาก่อน ผมชื่นชอบความนิ่งและความเรียบง่ายของเขาในบทไฮเซนฮาวเออร์ มันละเอียดอ่อนมากๆ เขาแสดงความเจ็บปวดและการครุ่นคิดออกมาได้อย่างงดงาม
@ นี่เป็นการหวนคืนสู่การแสดงอีกครั้งของโอปราห์ คุณคิดว่าหนังเรื่องนี้มีอะไรเป็นพิเศษที่ทำให้เธอกลับ
แน่นอนว่าเธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลี เธอก็ไว้วางใจเขาในฐานะผู้กำกับและอยากร่วมงานกันมาพักใหญ่แล้ว แต่ผมคิดว่าเหตุผลหลักๆ ที่เธอรับแสดงเรื่องนี้ เป็นเพราะหนังเรื่องนี้กำลังบอกเล่าในเชิงประวัติศาสตร์และแสดงให้อเมริกาได้เห็น ผ่านมุมมองเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเธอ ผมคิดว่าในฐานะนักแสดง เธอจะต้องสนใจตัวละครตัวนี้ เพราะมันทั้งซับซ้อนและทรงพลัง และเธอก็แสดงได้อย่างน่าอัศจรรย์ ผมมีความสุขจริงๆ ที่ได้แสดงหนังเรื่องนี้กับเธอ ... ประทับใจร่วมกันได้แล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น