'เด็ก 3 แบบในหนัง 3 เรื่องแต่น่าดูทั้งหมด !'
22 ส.ค. 2557
เด็ก 3 แบบในหนัง 3 เรื่องแต่น่าดูทั้งหมด ! : คอลัมน์ หนังโรงเล็ก โดย... นันทขว้าง สิรสุนทร
โดยปรกติ สิงหาคมส่งไม้ต่อกันยายนนั้น หนังไม่ค่อยได้สตางค์ เขาว่ากันว่าเป็นช่วง low season ของภาพยนตร์ แต่ปีนี้ช่วงเวลาที่เรากำลังพูดถึงนี้ มีหนังเกี่ยวกับเด็กอยู่ 3 เรื่องเชียว เป็นเหมือนสี 3 สีที่แตกต่างกันไป แต่น่าหมด
วันนี้จึงจะนำเสนอบางรายละเอียดให้พิจารณากัน
เรื่องนี้แรก.. kiki's delivery service หนังเรื่องนี้ดังมาจากการเป็นอะนิเมะจากสตูดิโอจิบลิ เข้าฉายในปี 1989 อำนวยการสร้าง เขียนบท และกำกับโดย ฮายาโอะ มิยาซากิ สร้างจากเรื่องราวดั้งเดิมในหนังสือของ เอโกะ คาโดโนะ อะนิเมะเรื่องนี้ แสดงให้เห็นถึงอ่าวที่ซึ่งมีความเป็นอิสระและความเชื่อมั่นในความหวังในจิตใจเด็กผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่ง
พล็อตเกี่ยวกับสาวน้อยแม่มด "กิกิ" ที่เมื่อถึงวัย 13 ขวบ เธอต้องออกเดินทางไปกับจิจิแมวของเขาและไม้กวาดเพื่อค้นหาตัวเอง ในเมืองที่ไม่มีแม่มดอื่นมาอยู่ ในที่สุด เมืองที่เธออยากไปอยู่ก็มาอยู่ตรงหน้า เมืองใหญ่โตริมทะเลที่เธอฝันไว้ ความที่เป็นเมืองใหญ่ มีผู้คนอาศัยอยู่มาก เธอจำเป็นต้องปรับตัวและหาวิถีที่จะอยู่ในเมืองใหญ่เมืองนี้ให้ได้ ในที่สุด เธอก็ได้ไปอยู่กับครอบครัวทำขนมปัง แล้วเธอก็ใช้ความสามารถในการขี่ไม้กวาดให้เป็นประโยชน์ คอยรับจ้างส่งของให้กับคนในเมือง "กิกิ" ได้เจอกับเพื่อนใหม่มากมาย ต่างวัย ต่างอายุ แต่ก็เป็นคนที่คอยให้กำลังใจเธอยามที่เธอสูญเสียเวทมนตร์
"กิกิ" เป็นชื่อเล่นของนักแสดงหญิง เคอร์สเตน ดันสต์ ผู้ที่พากย์เสียงของตัวละครนี้เป็นภาษาอังกฤษในปี 1998 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของการพากย์ของ ฟิล ฮาร์ตแมน ก่อนถูกฆาตกรรม หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่จัดจำหน่ายภายใต้ข้อตกลงของดิสนีย์และสตูดิโอจิบลิ ถูกใส่เสียงพากย์ในปี 1997 และจัดจำหน่ายในรูปวิดีโอ เมื่อ 1 กันยายน 1998 วิดีโอเรื่องดังกล่าวสร้างยอดขายที่สูงถึงกว่าล้านก๊อปปี้ ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ดิสนีย์ได้ปล่อยภาพยนตร์ในรูปแบบ vhs พร้อมซับไตเติ้ลและเสียงภาษาญี่ปุ่น ดีวีดีโซน 1 วางขายในวันที่ 15 เมษายน 2003 เคียงข้าง spirited away และ castle in the sky และยังมีคำว่า ทัคคิวบิง เป็นเครื่องหมายการค้าในญี่ปุ่นของบริษัทส่งของยะมะโตะ มีความหมายเดียวกับคำว่า ทะคุไฮบิง บริษัทดังกล่าวไม่เพียงอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้าแต่ยังเป็นสปอนเซอร์ให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย
นอกจากนี้ ผู้คนที่อยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ มีลักษณะการแต่งตัวที่เหมือนผู้คนในประเทศจีน และในสเปน กิกิ ถูกเรียกชื่อเป็น "นิคกี" (nicky) และถูกเปลี่ยนชื่อเรื่องเสียใหม่เป็น "nicky la aprendiz de bruja" (นิกกิแม่มดฝึกหัด) เหตุเพราะในภาษาสเปน คำว่า กิกิ (kiki) เป็นคำสแลงที่มีความหมายว่า การร่วมเพศ ส่วนชื่อเรื่องในแถบละตินอเมริกา คือ "kiki - repartos a domicilio"
มันน่าดูยังไงเหรอ...คำตอบก็คือ มันถูกซื้อลิขสิทธิ์มาทำเป็นหนังที่มีแสดงแล้ว และจะฉาย 28 สิงหาคมนี้
........................
เรื่องที่สอง ...boyhood โดยผู้กำกับเท่ๆ ริชาร์ด ลิงค์เลเตอร์ เขาทำเป็นดรามาสมมุติ ที่ใช้นักแสดงกลุ่มเดิมตลอดช่วงระยะเวลา 12 ปี ได้นำผู้ชมร่วมการเดินทางที่ไม่มีใครเหมือน ที่ทั้งยิ่งใหญ่แต่ก็ลึกซึ้ง ผ่านความมีชีวิตชีวาของวัยเด็ก การเปลี่ยนแปลงของครอบครัวสมัยใหม่และการไหลเวียนของกาลเวลา
หนังเรื่องนี้ติดตาม เมสัน (เอลลาร์ โคลเทรน) เด็กชายวัย 6 ขวบ ในช่วงหนึ่งทศวรรษที่มีความพลิกผันอย่างรวดเร็วที่สุดในช่วงชีวิตของเรา ผ่านทางวังวนที่เราคุ้นเคยกันดีของการย้ายบ้านของครอบครัว เรื่องทะเลาะเบาะแว้งในครอบครัว ชีวิตคู่ที่พังพินาศ การแต่งงานใหม่ โรงเรียนใหม่ รักแรก อกหัก ช่วงเวลาดีๆ ช่วงเวลาน่ากลัวและเรื่องราวที่ผสมผสานระหว่างหัวใจสลายและความอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นเรื่อยๆ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คาดเดาไม่ได้ ในตอนที่ช่วงเวลาหนึ่งร้อยเรียงต่อเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่ง ผสมผสานกลมกลืนกลายเป็นประสบการณ์ส่วนตัวของเหตุการณ์ที่ขัดเกลาเราในตอนที่เราโตขึ้น และธรรมชาติชีวิตเราที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ในตอนที่เรื่องราวเริ่มต้นขึ้น เมสัน เด็กชายช่างฝัน ที่เผชิญหน้ากับความวุ่นวาย โอลิเวีย (แพทริเซีย อาร์เควทท์) แม่ผู้เลี้ยงเขามาคนเดียวอย่างเหนื่อยยาก ตัดสินใจพาเขาและซาแมนธา (ลอเรไล ลิงค์เลเตอร์) พี่สาวของเขาย้ายไปฮุสตัน ในตอนที่เมสัน ซีเนียร์ (อีธาน ฮอว์ค) พ่อผู้ห่างหายไปนานของพวกเขากลับจากอลาสกามาสู่ชีวิตของพวกเขาอีกครั้ง นั่นเองคือจุดเริ่มต้นกระแสการดำเนินของชีวิตที่ไม่หยุดยั้ง อย่างไรก็ดี ท่ามกลางคลื่นถาโถมของพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย เด็กผู้หญิง ครู หัวโจก อันตราย ความปรารถนา แรงสร้างสรรค์ เมสันก็เริ่มจะเดินไปบนเส้นทางของตัวเอง
จากไอเดียเล็กๆ ของริชาร์ด ลิงค์เลเตอร์ ในการสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับวัยเด็ก มาสู่ประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ของวงการภาพยนตร์ที่นำนักแสดงชุดเดียวกันมาถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องเดียว โดยใช้เวลาถ่ายทำถึง 12 ปี เพื่อการติดตามการเติบโตของเด็กชายคนหนึ่ง boyhood จะทำให้คุณได้สัมผัสความสุข เศร้า และซึ้ง ตลอดความยาวของภาพยนตร์เกือบ 3 ชั่วโมง และยังได้คิดถึงประสบการณ์เก่าๆ ไปกับพัฒนาการของสังคมและวัฒนธรรม การเปลี่ยนผ่านด้านการเมือง และวิวัฒนาการของเทคโนโลยี ในภาพยนตร์เรื่องนี้อีกด้วย กำหนดฉายในประเทศไทย 4 กันยายนนี้
....................
เรื่องที่สาม ชื่อ standing up ทำมาจากวรรณกรรม
เนื้อหาเกี่ยวกับ ดี.เจ.คารูโซ่ ผู้กำกับหนังแอ็กชั่น ที่เป็นที่รู้จักกันดี จากผลงานอย่าง disturbia, eagle eye และ i am number four กลับมาอีกครั้งพร้อมผลงานชิ้นใหม่ล่าสุด โดยเป็นการพลิกแนวทางการทำหนังของเขาอย่างสิ้นเชิงกับ standing up หนังที่สร้างจากวรรณกรรมเยาวชนเรื่อง the goats ของ บร็อค โคล
“ผู้กำกับทุกคนอยากทำหนังว่าด้วยวัยเด็กของตัวเอง หรืออย่างน้อยๆ พวกเขาก็อยากทำหนังแบบที่พวกเขาชอบดูตอนเด็กๆ สักครั้งในชีวิต” คารูโซ่เล่า “ผมเติบโตมากับหนังยุค 70 และเป็นวัยรุ่นในยุค 80 ยุคที่ฮอลลีวู้ดมีหนังสำหรับเด็กคุณภาพเยี่ยมออกฉายหลายเรื่อง ผมอยากทำหนังแบบนั้นแหละ”
แต่ทำไมต้องเลือกวรรณกรรมเยาวชนเรื่อง the goats มาทำ ทั้งๆ ที่มันเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาของโรงเรียนประถมบางแห่ง และมันดูไม่มีเวทมนตร์แบบที่เด็กสมัยนี้นิยมดูกัน คำถามข้อนี้ ดี.เจ.คารูโซ่ตอบว่า “เพราะผมชอบนิยายเรื่องนี้ ตอนผมอ่านครั้งแรก มันฝังอยู่ในหัวผมไปหลายวันเลย ตอนนั้นผมยังเป็นวัยรุ่นอยู่เลย ผมสามารถเข้าใจตัวละครเอกในเรื่องได้เป็นอย่างดี ผมและเขาแทบจะเหมือนกันทุกอย่างเลย เป็นคนที่มักจะโดนเพื่อนแกล้งตลอดเวลา จนทำให้เกิดความไม่มั่นใจในตัวเอง”
พอได้มาทำหนัง คารูโซ่ ก็ยังลังเลอยู่นานว่าจะเอาหนังสือเล่มนี้มาทำเป็นหนังดีหรือไม่ “หนังสือเล่มนี้เป็นหนึ่งในบรรดาหนังสือเล่มโปรดของผม ผมกลัวว่าตนเองจะฝีมือด้อยเกินไป และกลัวจะทำลายความงดงามของมันย่อยยับ ผมก็เลยกล้าๆ กลัวๆ อยู่นาน จนผมรู้สึกพร้อม จึงได้ลงมือทำ
“ฉบับหนังและหนังสือแตกต่างกันน้อยมาก” คารูโซ่อธิบาย “ผมพยายามคงรายละเอียดตามในหนังสือทุกอย่าง และดัดแปลงส่วนเล็กส่วนน้อยเท่านั้น เพื่อให้มันเข้ากับภาษาของภาพยนตร์”
คารูโซ่บอกว่า เขาอยากให้เด็กๆ ทุกคนได้ดูหนังเรื่องนี้ “เด็กๆ ทุกคนควรได้รู้ว่า พวกเขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง และเรื่องราวเลวร้ายที่พวกเขาเจอ มันจะเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก เมื่อพวกเขาโตขึ้น”
standing up หนังเด็กที่จะทำให้คุณประทับใจ ซาบซึ้ง และเสียน้ำตาแน่ๆ พร้อมฉายในโรง 28 สิงหาคม..
.......................................
(หมายเหตุ เด็ก 3 แบบในหนัง 3 เรื่องแต่น่าดูทั้งหมด ! : คอลัมน์ หนังโรงเล็ก โดย... นันทขว้าง สิรสุนทร)