
เมดอินไทยแลนด์
็ต่อเนื่องจากเมื่อฉบับที่แล้ว ในขณะที่...วงกลองเพลอารามดรัมเมอร์ กำลังแสดงอยู่ ผมและวงมโหรีซึ่งเกือบทั้งหมดจะเป็น ลูกศิษย์ของผม ก็เตรียมพร้อมที่จะขึ้นแสดงในเพลง โหมโรงเมดอินไทยแลนด์ ซึ่งเป็นเพลงที่ผมแต่งขึ้นมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ถ้าจะพูดถึงเพลงนี้ว่ามั
เรื่องมันมีอยู่ว่า...เมื่อครั้งแรกที่ผมได้รับการติดต่อจากผู้จัดงานครั้งนี้ ก็มีการพูดถึงรูปแบบของการแสดงว่าจะเป็นอย่างไร และทางผู้จัดก็อยากจะให้ผมทำเพลงขึ้นมา 1 เพลง โดยใช้เพลงของ วงคาราบาว มาแต่งเป็น เพลงไทยเดิม เพื่อเป็นที่ระลึกของคอนเสิร์ตในครั้งนี้ผมก็จึงใช้ วิจารณญาณว่าเพลงของคาราบาวเพลงไหนที่เหมาะสมและมีทำนองใกล้เคียงกับความเป็นเพลงไทยเดิมมากที่สุด ซึ่งความจริงก็ใช้เวลาพิจารณาอยู่ไม่นาน เนื่องจากสมัยเมื่อผมเป็นวัยรุ่น ผมก็เป็นแฟนเพลงของคาราบาวเหมือนกัน เพราะฉะนั้นผมจึงฟันธงให้แก่ตัวเอง เพราะเนื่องจากแต่งคนเดียวคิดคนเดียว จึงไม่ต้องให้คนอื่นรับรู้ว่าเพลงเมดอินไทยแลนด์นี่แหละเหมาะสมที่สุดแล้ว และจากนั้นผมก็ค่อยเริ่มแต่งแบบไม่เร่งรีบ เนื่องจากมีเวลาเหลือเฟือ 1 ปีเต็ม ผมก็เลยทำงานอื่นไปก่อน และเหลือเวลาอีก 1 เดือนถึงจะเริ่มลงมือแต่งเพลงนี้ เพราะไม่อยากให้ถูกประณามว่าแต่งเพลงแค่เพลงเดียวใช้เวลาเป็นปี จังซี่...มันเสียยี่ห้อ
สำหรับการบรรเลงเพลงโหมโรงเมดอินไทยแลนด์ในวันนั้น บอกตรงๆ ว่าสิ่งที่ผมกลัวมากที่สุดก็คือ...ผู้ฟัง ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นแฟนเพลงคาราบาวจะไม่เข้าใจหรือจะพูดให้เท่ว่า...ไม่ Get เราทั้งหมดอาจจะโดนโห่ไล่ลงมาจากเวทีก็เป็นไปได้ เพราะฉะนั้นก่อนที่จะแสดง ผมก็ออกไปหน้าเวทีและบอกกล่าววัตถุประสงค์ของเพลงนี้ พร้อมทั้งอธิบายถึงลักษณะของวงมโหรีซึ่งเป็นวงดนตรีไทยที่จะออกแนวไพเราะมากกว่าสนุก ซึ่งในขณะที่ผมพูดอยู่ บรรยากาศก่อนหน้าที่ทุกคนพร้อมใจลุกขึ้นเต้น เปลี่ยนไปแบบชนิดที่เรียกว่าหน้ามือเป็นหลังมือในทันที ความรู้สึกของผมรู้ทันทีเลยว่า ผู้ชมเขา Get ไอเดีย ทั้งหมดเงียบกริบตั้งใจฟังผมพูดราวกับครูสอนนักเรียน ความรู้สึกบอกได้ว่าพวกเขาทั้งหมดตั้งใจที่จะฟังเพลงโหมโรงเมดอินไทยแลนด์ของผมอย่างใจจดใจจ่อ
โดยผมพูดทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยว่า...เพลงไทยเดิมหลายเพลงถูกนำไปดัดแปลงเป็นเพลงสากล แต่วันนี้เพลงเพื่อชีวิตของวงคาราบาวกำลังจะกลายเป็นเพลงไทยเดิม ซึ่งต้องถือว่าเพลงเพื่อชีวิตที่ถูกบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ว่ากลายมาเป็นเพลงไทยเดิมในรูปแบบเพลงโหมโรงเป็นเพลงแรกก็คือ...เพลงเมดอินไทยแลนด์ ของ วงคาราบาว ซึ่งพจนานุกรมเพลงไทยเดิม เล่มต่อไปก็จะต้องบันทึกว่า มีเพลงโหมโรงเมดอินไทยแลนด์ เป็นเพลงไทยเดิมที่เกิดขึ้นมาใหม่อีก 1 เพลง และผมก็ขอมอบเพลงนี้ให้เป็นที่ระลึกแก่แฟนเพลงคาราบาวทุกคน
ทันทีที่ผมได้เล่นเพลงโหมโรงเมดอินไทยแลนด์จบ เสียงปรบมือจึงดังขึ้นอย่างกึกก้องและยาวนานมากกว่าทุกๆเพลงในคืนวันนั้น สิ่งที่ผมกลัวในตอนแรกมิได้มีให้ได้ยินแม้แต่น้อยนิด ซึ่งส่วนหนึ่งที่เป็นเช่นนี้ผมคิดว่าแฟนเพลงในคืนนั้นเป็น กลุ่มนักฟังเพลงที่ดี ของวงคาราบาว ไม่ใช่ขาลุยขาบู๊อย่างแน่นอน ทั้งนี้อาจเป็นเพราะถูกคัดเลือกหรือกลั่นกรองเข้ามาชมคอนเสิร์ต ด้วย ราคาบัตรที่ค่อนข้างแพง ก็เป็นไปได้เหมือนกัน และหลังจากที่เพลงโหมโรงเมดอินไทยแลนด์จบ ผมก็ออกไปตีระนาด...เพลงเวลคัมทูไทยแลนด์ กับวงคาราบาวอีกเพลง ก็หมดหน้าที่ของผมในคอนเสิร์ตครั้งนี้ ก็ต้องถือว่าการแสดงครั้งนี้ จบลงด้วยความชื่นมื่น ของพี่น้องชาวคาราบาวทั้งมวล รวมถึงตัว น้าแอ๊ดและสมาชิกในวงคาราบาว ก็ชื่นชอบการแสดงในครั้งนี้เหมือนกันทุกคน
ท้ายนี้ผมขอบอกความในใจให้แก่ท่านผู้อ่านว่า ในขณะที่ผมเขียนคอลัมน์อยู่นี้ ผมมีความกังวลใจว่าจะติดหวัด 2009 เป็นอย่างมาก เพราะเนื่องจากเมื่อ 4 วันก่อนที่จะเขียนคอลัมน์นี้ ผมไปทำงานที่ห้องบันทึกเสียงย่านท่าพระ ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้นทราบข่าวว่าน้องที่ทำงานในห้องอัดเข้าโรงพยาบาล...เป็นหวัดหมูไปเรียบร้อย ตัวผมเองก็เท่ากับ 50-50 ล่ะครับ
ถ้าฉบับหน้าไม่ได้อ่านคอลัมน์นี้ ก็แสดงว่า...ผม...ติดเชื้อโรคฮิต ซึ่งผมเคยเขียนเรื่องนี้เอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด คนมันจะไม่ตายทำยังไงมันก็ไม่ตาย ตอนนี้ก็พยายามไม่คิดอะไรมาก เฮ้อ...เมดอินไทยแลนด์ แดนดินหวัดหมู...รึเปล่า...เนี่ย