บันเทิง

'บางระจัน 14'

'บางระจัน 14'

24 ม.ค. 2558

'บางระจัน 14'

 
 
ที่ลานครัวหลังค่าย กลุ่มผู้ใหญ่พากันกลับบ้านไปแล้ว เหลือแต่กลุ่มผู้ชาย นอนพับหลับกอดไหเหล้ากันระเกะระกะ สไบกับแฟงเดินไปเดินมา กังวล เฟื่องสงสัย
"แฟง สไบ มีอะไรกันหรือเปล่า"
สองสาวหันมามองเฟื่องสีหน้าไม่ดี
ร่างใจกับดอกรักผูกติดกัน ใจพยายามถีบตัว ว่ายทวนน้ำขึ้นไป ดอกรักสลบไม่ได้สติ สำลักน้ำออกมา ใจมองแล้วเร่งเท้า แต่ขาดอกรักไปเกี่ยวพันกับกอไม้ใต้น้ำ ใจพยายามดึงร่างดอกรักถีบออกไป แต่ขาดอกรักยิ่งพันเข้ากับกอไม้มากขึ้น ใจจึงถูกร่างดอกรักถ่วงลงน้ำไปด้วย เขาพยายามทะลึ่งขึ้นมาแต่ก็ยิ่งจมน้ำ ดำดิ่งลงไป
แฟง เฟื่อง สไบเดินถือคบไฟส่องทางมา
"พี่ทัพออกไปตามพี่ใจตั้งนานแล้ว" สไบบอก 
"เราช่วยกันสามคนอย่างนี้ ต้องเจอน่ะ สไบ" แฟงปลอบ 
"รีบไปเถอะ ไปทางหลังคลอง" เฟื่องบอก 
ใจจมดิ่งลงไปมากขึ้นเพราะขาดอกรักติดกอต้นไม้ไต้น้ำ เขาพยายามดิ้นรน ถีบตัวเองให้ดึงร่างดอกรักไปด้วย แต่ใจเริ่มไม่ไหว ทั้งคู่กำลังจะหมดลม ทันใดนั้นทัพก็โดดพุ่งลงน้ำ ไปดึงร่างใจที่กำลังจะจมดิ่งไว้ 
ใจมองทัพ แล้วมองลงไปที่ดอกรัก ทัพมองตาม เห็นขาดอกรักพันอยู่ใต้น้ำ ทัพพุ่งตัวลงไปกระชากไม้น้ำออกจากขาดอกรัก ใจทะลึ่งพรวดขึ้น ดึงดอกรักขึ้น ทัพพุ่งขึ้นมา เหนี่ยวร่างใจขึ้นไปเหนือน้ำได้ทันเวลา   
ทัพลากใจกับดอกรักเหวี่ยงขึ้นบนฝั่ง ใจสำลักน้ำ แต่ยังมีสติ ทัพรีบเอาดาบตัดเชือกที่รัดสองร่างไว้ติดกัน ใจหอบหายใจ ทัพเข้าไปตบหลังดอกรัก น้ำสำลักออกมา แฟง เฟื่อง สไบวิ่งมาเห็นสภาพทั้งสามคนเปียกไปทั้งตัว เฟื่องกับแฟงวิ่งเข้าไปช่วยพยุงร่างดอกรัก ทัพหันไปถามใจ   
"ใจ เกิดอะไรขึ้น เอ็งออกไปไหนมา"
ใจแกล้งทำหน้าตื่นตกใจ เล่าให้ทุกคนฟังด้วยความกลัว
"ฉันกำลังจะเดินไปหาพี่ทองเหม็น แต่เห็นคนมันลับๆ ล่อๆ ที่หลังค่าย เลยวิ่งไปดู คิดว่าเป็นพวกที่เคยทำร้ายเอ็งนะ ทัพ ฉันไม่เจอใคร พอหันหลังจะกลับ เจอดอกรัก เขาหาว่าฉันออกมาส่งข่าวให้ข้าศึก เราเถียงกัน แล้วอยู่ๆ ฉันก็ถูกตีหัว"
ทุกคนฟังใจ เริ่มเชื่อ
"มารู้ตัวอีกที ก็ถูกมัดติดกับดอกรัก แล้วก็ถูกถีบลงน้ำ"
"ใครถีบ"
"ฉันไม่ทันเห็นหน้า กำลังเผลอ" 
"เอ็งได้ยินเสียงมั้ย พวกไหน กี่คน"
"หลายคน น่าจะสี่หรือห้า"
ดอกรักครางออกมาอย่างไม่มีสติ
"อังวะ พวกอังวะ"  
สไบเข้าไปเขย่าตัวดอกรักด้วยความสงสาร
"พี่ดอกรัก"
"พาดอกรักมันกลับเรือนก่อน"   
ทัพกับใจพยุงดอกรักหามไป
ตอนเช้า ดอกรักนอนอยู่ในเรือน สไบเอายาใส่ฝาหม้อดินให้ดอกรักจิบ ทัพ สังข์ ขาบ มองด้วยความเป็นห่วง ใจนั่งอีกด้าน มองดอกรัก ถึงจะหวั่นแต่ยังเก็บอาการได้อย่างแนบเนียน ดอกรักสำลักน้อยๆ สไบเอาตัวดอกรักพิงผนังไว้ ดอกรักลืมตามองทุกคน จนไปเห็นใจ ลุกพรวด ชี้หน้า
"มัน ทหารอังวะ"
ทุกคนหันขวับมองใจเป็นตาเดียว ดอกรักพุ่งเข้ามากระชากคอใจ
"มึง ทหารอังวะ มึงเป็นข้าศึก"
ดอกรักชกใจไปหมัดหนึ่ง ใจทำไม่สู้ ล้มคว่ำ สไบตกใจ ทัพรีบพุ่งเข้าไปแยก  
"ดอกรัก ทำไมถึงบอกว่าไอ้ใจเป็นทหารอังวะ"
ดอกรักจ้องใจ ใจมองดอกรัก ในใจลุ้นว่าจะแก้คำพูดดอกรักอย่างไร
"กูเจอมันในป่า มันกำลังส่งข่าวให้เพื่อน" 
"จริงหรือเปล่า พี่ใจ"
สไบถามเร็วขึ้นทันที แต่ใจไม่ทันจะตอบ ดอกรักตะโกนใส่หน้า
"มึง มึง มึง มึงเป็นทหารอังวะ พวกมึงจะมาฆ่ากู"
ทุกคนงง ดอกรักดิ้นหลุดจากสังข์ ขาบ แล้วพุ่งเข้าไปชกสะเปะสะปะ เหมือนคนสมองฟั่นเฟือนไปชั่วขณะ มีอาการหวาดระแวง 
"พวกมึงเป็นอังวะ พวกมึงทั้งหมดเป็นข้าศึก"
ทัพจะเข้าไปแต่ดอกรักพุ่งชน แล้วพุ่งวิ่งออกประตูไป ทุกคนวิ่งตามออกไปทันที ใจอยู่รั้งท้าย มองโล่งใจที่ดอกรักกลายเป็นคนพูดไม่รู้เรื่อง รีบตามออกไป
ดอกรักวิ่งเตลิดลงมาจากในบ้าน พวกฟักวิ่งมาดูตกใจ ทัพส่งเสียงบอกฟักกับพวก
"จับไว้ จับตัวดอกรักไว้"
เอิบ ช่วง พุ่งเข้าไปจับ ดอกรักกลายเป็นคนฟั่นเฟือนจำความไม่ได้  
"อย่ามาจับกู พวกมึงเป็นข้าศึก กูจะฆ่าพวกมึงให้หมด" 
ดอกรักเหวี่ยงหมัดไปโดนเอิบ ช่วง จนปล่อยหลุดมือ ฟัก หมู่เคลิ้มวิ่งมาดัก ทัพกับพวกวิ่งมาต้อน
"ดอกรัก นี่พวกเราเอง ไม่ใช่ข้าศึก"
"ไม่จริง พวกมึงโกหก พวกมึงจับกูมาอยู่ในค่ายอังวะ" 
ทัพกับสังข์ ขาบ มองสบตากันเป็นสัญญาณ สังข์พุ่งเข้าไปก่อน ดอกรักเหวี่ยงหมัด สังข์หลบ ขาบตามเข้าไปชกดอกรัก ดอกรักยังมีแรง เหวี่ยงสังข์ แล้วถีบขาบกระเด็น ทัพชกเข้าหน้าดอกรัก ดอกรักถึงกับหงาย ร่วงไปนอนกับพื้น สไบร้องไห้โฮ วิ่งเข้าไปกอดดอกรักด้วยความสงสาร
"พี่ดอกรัก ทำไมพี่ถึงเป็นแบบนี้ ทำไมพี่จำใครไม่ได้เลย"
ใจยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดย้อนคิด ที่เขาโดดศอกเข้ากลางหัวดอกรัก ทุกคนพากันมาล้อมวงมองสภาพดอกรัก
"มันคงโดนมาหนัก อยู่ๆ ถึงจำใครไม่ได้เลย" สังข์บอก
"เอามันไปในบ้านก่อน มัดมันไว้ ถ้าปล่อยออกมาเดี๋ยวจะเตลิดไปไหนต่อไหน" ทัพบอก    
ฟัก หมู่เคลิ้ม ช่วง เอิบ ช่วยกันแบกร่างดอกรักเข้าไปในเรือน สไบยืนปาดน้ำตา ใจเดินมาใกล้
"พี่ดอกรัก ไม่น่าเลย"
สังข์หันไปทางใจ 
"เอ็งจำได้มั้ยว่าไอ้ดอกรักมันโดนอะไรมั่ง"   
"มันมืด พวกมันเป็นใครก็ไม่รู้ ฉันเองก็โดน ทั้งชกทั้งตี"  
ใจบอกทุกคนอย่างหนักแน่น สบตาทุกคนอย่างไม่หวั่นไหวกับสิ่งที่โกหกออกมา
ทัพ สังข์ ขาบเดินมาด้วยกัน ทัพยังคิดเรื่องดอกรัก  
"มันต้องเป็นพวกเดียวกับที่เป่าลูกดอกใส่ข้า"  
"เอ็งเห็นหน้าไอ้ใจมั้ย มันบอกว่ามันโดนชก แต่หน้ามันไม่มีแผล" สังข์ติง 
"เอ็งคิดว่าไอ้ใจมันปดเหรอวะ" ขาบถาม
"ไม่รู้ ข้าสังหรณ์ว่าไอ้ใจมันพูดไม่จริง"
"แล้วที่มันถูกมัดติดกับดอกรัก" ทัพท้วง
สังข์เงียบนิ่ง หาข้อโต้แย้งยังไม่ได้
"ถ้าทัพไปช่วยไม่ทัน ไอ้ใจมันก็จมน้ำตายกับไอ้ดอกรัก มันถึงกับเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงทำไม" ขาบแย้ง
"ไม่รู้โว้ย"   
"เอ็งไม่ถูกชะตากับไอ้ใจ" ขาบบอก
"เออ อันนี้ข้ายอมรับ"
"ไอ้ใจมันอยู่กับเรามาตั้งนาน มันช่วยสไบกับพวกเราไว้หลายครั้ง เอ็งจะเหม็นหน้ามันข้าไม่ว่า แต่จะหาว่าใครเป็นคนทรยศ เอ็งต้องมีอะไรชัดๆ เพราะไม่อย่างงั้นก็เท่ากับทำให้คนดีๆ คนหนึ่งเดือดร้อน เวลาศึกอย่างนี้ อย่าแตกสามัคคี เราต้องการคนที่จะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน" 
ทัพเตือนสังข์ สังข์ยังไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่เพราะมีอคติกับใจ
ดอกรักถูกมัดมือขึงไว้กับแคร่ สไบพยายามจะป้อนข้าว แต่ดอกรักถุยใส่ อาละวาดอย่างคนไม่รู้สติ เอิบกับช่วงมองสงสาร
"ไป ไปให้พ้นหน้ากู มึงจะเอายาพิษให้กูกิน" 
"พี่ดอกรัก นี่ฉัน สไบน้องพี่นะ"
"ไป กูไม่มีน้อง"
ดอกรักถีบแรง สไบถอยกรูด ชามข้าวหกตกพื้น สไบน้ำตาคลอ
"ดอกรักมันคงจะเป็นบ้าเป็นบอเสียแล้ว สไบเอ๊ย" เอิบปลอบ
"เดี๋ยวพวกพี่จะไปขอน้ำมนต์หลวงพ่อธรรมโชติมาอาบให้มัน เผื่อมันจะดีขึ้น" ช่วงบอก
"กูไม่ได้บ้า"
ดอกรักทั้งเตะถีบกระทืบเรือน เอิบ ช่วงพากันส่ายหน้า สไบทนมองสภาพพี่ชายไม่ไหว หันหลังเดินออกไปทันที
ใจยืนมองคลองด้านหลังค่ายอย่างใช้ความคิด สไบวิ่งปาดน้ำตามา ใจรีบพุ่งเข้าไปประคองไว้อย่างนุ่มนวล
"ฉันสงสารพี่ดอกรักเหลือเกิน เวรกรรมอะไรของพี่ดอกรัก ฉันอยากเห็นหน้าไอ้คนใจร้าย   ถ้าฉันเจอ ฉันจะฟันมัน จะทำอย่างที่มันทำกับพี่ดอกรัก"
ใจสีหน้าไม่ดี อัดอั้น 
"เราจะรักษาดอกรักนะสไบ สักวันดอกรักคงจะกลับมาเหมือนเดิม"
"ฉันอยากให้หายเร็วๆ แล้วบอกมาว่าใครที่มันทำชั่วไว้กับพี่ดอกรัก"
สไบมองใจอย่างมีความหวัง แต่ยิ่งทำให้ใจกดดัน
ดอกรักทั้งดิ้น ทั้งกระทืบเรือน เอิบ ช่วง ถือบาตรน้ำมนต์จากหลวงพ่อ ฟักกับหมู่เคลิ้มคอยดูอยู่ห่างๆ
"ไอ้ใจนั่นแหละ มันเป็นทหารอังวะ มันหลอกพวกเรา"  
"พูดบ้าอะไรของเอ็งวะ ไอ้ดอกรัก ฟักปราม
"กูไม่ได้บ้า พวกมึงสิบ้า ทั้งบ้าทั้งโง่"
"เอ้า ไอ้ช่วง เอ็งไปเอาใบหญ้าคามาเร็วสิวะ ใบมะยมก็ได้ หลวงพ่อท่านให้น้ำมนต์มาแล้ว   จะได้รดมันให้หายบ้าสักที" 
"เออๆ" ช่วงจะออกไป หมู่เคลิ้มขัดขึ้น
"ไม่ทันแล้ว ข้าว่าอย่างนี้เลยดีกว่า"
หมู่เคลิ้มคว้าบาตรน้ำมนต์มาจากมือเอิบ สาดเข้าดอกรัก ดอกรักเปียกทั้งตัว สั่นพั่บๆ ทุกคนมองลุ้นว่าดอกรักต้องหาย แต่ดอกรักตะโกนลั่น
"กูจะฆ่าพวกมึง"
ดอกรักแหกปากลั่น ทุกคนตกใจ พากันสะดุ้ง
"ไม่ไหวแล้วว่ะ ข้าว่าดอกรักมันคงบ้าบอ กู่ไม่กลับแล้ว" ฟักปลง
 
000000000000000000
 
แฟง เฟื่อง กับชาวบ้านหญิงคนอื่นๆ นั่งฟังรุ่งจีบปากจีบคอเล่าถึงอาการของดอกรัก ว่าคงเป็นเพราะผีป่าลงโทษที่ดอกรักอิจฉาใจ หาเรื่องใจตลอด แฟงไม่พอใจที่รุ่งเดาเองแล้วเอามาพูดเป็นตุเป็นตะให้ชาวบ้านฟัง จนเกือบจะมีเรื่องกัน แต่แฟงก็ยั้งใจไว้แล้วเดินไปด้วยความโมโห เฟื่องตามแฟงไป
"ฉันอยากจะฟันปากพี่รุ่งนัก"
"ใจเย็นๆ เราจะบ้าตามเขาไปทำไม"
"ฉันไม่อยากฟังนี่พี่เฟื่อง พี่ดอกรักก็มาเป็นเสียอย่างนี้ พวกข้าศึกมันคงจะแค้นที่พี่ทัพรอด  เลยมาด้อมๆ มองๆ แต่พี่ดอกรักกับพี่ใจไปเจอเสียก่อน"
"แฟงคงเป็นห่วงพี่ทัพ"
แฟงชะงักหันมองพี่สาว ความเกรงใจเกิดขึ้นทันที
"ฉันไม่ได้ห่วงพี่ทัพ ฉันกับพี่ทัพ เราเป็นพี่เป็นน้อง ฉันรู้ว่าพี่ทัพ รักพี่"
"มันเป็นไปไม่ได้แล้ว แฟง พี่แต่งงานกับพี่ขาบไปแล้ว พี่ทัพคงไม่อาลัยตัวพี่แล้ว"
"ก็พี่เฟื่องโดนไอ้ขาบมันรังแก มันหักหาญน้ำใจพี่"
"วาสนาของพี่กับพี่ทัพมีแค่นี้ พี่ทัพเป็นคนดี ถ้าแฟงจะรักพี่ทัพ พี่ก็ดีใจด้วย" 
แฟงเหมือนโดนจี้จุด ทั้งอายทั้งปากแข็ง
"พี่เฟื่องพูดอะไร ฉันน่ะเหรอ รักพี่ทัพ ชังน้ำหน้าล่ะไม่ว่า ชอบมาหาเรื่องว่าฉันทุกอย่าง พี่เฟื่องไม่ต้องคิดอีกเลยนะ เรื่องฉันกับพี่ทัพ ฉันไม่ได้รักพี่ทัพ" 
แฟงทำเสียงแข็ง ยืนยันแล้วเดินสะบัดออกไป ไม่กล้าสบตาพี่สาวตรงๆ เฟื่องโล่งใจขึ้นมาอย่างประหลาดเมื่อได้ยินน้องสาวยืนยันว่าไม่ได้รักทัพ
แฟงเดินมาหลบอยู่ตามลำพังที่ท่าน้ำหลังค่าย ย้อนคิดภาพที่ตัวเองใกล้ชิดกับทัพหลายครั้ง จนเกือบจะจูบกัน แต่แล้วก็นึกถึงภาพทัพกับเฟื่องสบตากันในกระท่อม
"ยังไงพี่ทัพก็รักแต่พี่เฟื่องคนเดียว ไม่มีใครเปลี่ยนใจพี่ทัพไปจากพี่เฟื่องได้"
แฟงคิดแล้วเศร้า
ทัพ สังข์ ขาบซ้อมอาวุธอยู่กับกลุ่มชาวบ้าน ทัพฝีมือฟันดาบไม่เป็นรองใคร ชนะหลายคน สังข์ลงซ้อมดาบกับชาวบ้าน ผลัดกันรุก ผลัดกันรับ แล้วก็ชนะ ขาบฝีมือดาบรวดเร็ว ไว เอาชนะคู่ซ้อมได้ นายแท่น ยืนมองทั้งสามคนด้วยความพอใจ
ทัพ สังข์ ขาบซ้อมเสร็จ จะเดินกลับไปที่เรือน แต่สังข์เห็นวงไก่ชน เชียร์กันดัง อดใจไมไหว
"พวกเอ็งเดินไปก่อนเลย"
สังข์บอกเพื่อนแล้วตรงดิ่งไปที่วงไก่ชน ขาบมองตาม ทัพมองแล้วพูดขึ้น
"เอ็งจะไปดู ก็ไปสิวะ มัวละล้าละลังอยู่ได้"
ขาบยิ้ม แล้ววิ่งไปเชียร์ข้างสังข์ ทัพเดินห่างออกมา
ดอกรักนอนหลับหมดแรงอยู่ในกระท่อม ถ้วยข้าวเกลื่อนกระจาย เฟื่องกำลังเก็บเบามือ  แล้ววางกระบอกไม้ไผ่ใส่น้ำ ห้อยไว้ที่เสาใกล้มือดอกรัก เผื่อจะคว้าดื่มเอง ทัพเข้าประตูมา เห็นเฟื่องเข้ามาช่วยดูแลดอกรัก สองคนสบตากัน
"ฉันมาดูข้าว ดูน้ำให้พี่ดอกรัก"
"มันคงฟาดหัวฟาดหาง จนหมดแรง ถ้าดอกรักมันดีขึ้นเมื่อใด พี่จะถามเรื่องวันที่มันถูกมัดติดกับใจ"
"ฉันจะสวดมนต์ ให้พี่ดอกรักหายวันหายคืน"
ทัพมองเฟื่องด้วยสายตาอ่อนโยน เฟื่องเดินออกไป ทัพปิดประตูเรือน ตามออกไป เฟื่องรู้สึกพะอืดพะอม ก็หยุดเดิน ทัพมองสังเกต
"เฟื่อง เป็นอะไร"
"ฉันเหมือนจะ" 
เฟื่องทำท่าเหมือนจะอาเจียนออกมา ทัพมองเป็นห่วง เฟื่องหันหลังวิ่งไปบ้วนน้ำลายที่โคนต้นไม้ ทัพเดินตามมาดู
"เฟื่อง"  
"ไม่เป็นไรจ้ะ พี่ทัพ ฉันเวียนหัว"
"สีหน้าเฟื่องไม่ดีเลย"
"ไม่เป็นไรจ้ะ สงสัยจะอยากของเปรี้ยว ฉันเห็นมะขามอ่อนตรงโน้นอยู่สองสามต้น"
ทัพมอง เห็นเฟื่องยิ้มตอบ ทั้งที่สีหน้าอิดโรย จึงไปเอาไม้สอยฝักมะขามอ่อนลงมาให้เฟื่อง เฟื่องรับมาแกะกิน เอร็ดอร่อยมาก ทัพมองกลัวๆ ความเปรี้ยวเข็ดฟันของมะขาม เฟื่องกินเอากินเอาจนหมด
"เอาอีกมั้ย เฟื่อง อร่อยใช่มั้ย"
"จ้ะพี่"
ทัพยิ้มมองเฟื่อง รุ่งเดินมาเห็นทัพกับเฟื่องก็หลบมอง ทัพเดินไปสอยมะขามให้เฟื่อง รุ่งมองสอดรู้สอดเห็นเต็มที่ ทัพเอาฝักมะขามมาส่งให้เฟื่อง เฟื่องแกะกินทันที รุ่งมองแล้วรีบหลบไป คันปากอยากเล่า
รุ่งมาที่โรงครัว เล่าเรื่องทัพกับเฟื่องที่เห็นมา กับชาวบ้านหญิงที่จับกลุ่มกัน
"ให้สาบานต่อหน้าพระประธานสามวัดเจ็ดวัด ถ้านังรุ่งมันปดแม้สักคำเดียว ขอให้ไม่ตายดี"
"เอ็งจะเล่าอะไร ก็รีบเล่ามา
"จะเล่าดีหรือป่าวนะ แต่เล่าก็ได้นะ คือเมื่อกี้ ฉันไปที่คลองท้ายค่าย" 
สไบเดินมาพอดี หยุดฟังเงียบๆ
"นังเฟื่องพี่สาวนังแฟงน่ะสิ เขาว่ามันมาอยู่ที่นี่กับผัวใช่มั้ย"
"ไอ้ขาบ"
"นั่นแหละ เขาว่าแต่ก่อนน่ะเป็นหมู่ขาบ แต่เมื่อตะกี้ข้าเห็นแม่เฟื่องคนงามอยู่กับพี่ทัพ"  
"อ้าว ก็เขาคนบ้านเดียวกัน"
"ช่าย คนบ้านเดียวกัน แต่แม่เฟื่องคนงามเขาให้พี่ทัพสอยมะขามให้กิน พี่ทัพก็ทำยังกะเป็นผัว ดูแลเมียท้องสาว เฟื่องจ๊ะ เอาอีกมั้ย"
"เอ็งน่ะพูดเรื่อย แม่เฟื่องเขาก็ดูหงิมๆ"
"หงิมๆ แล้วจะหยิบชิ้นปลามันทีละชิ้นสองชิ้นไม่ได้เหรอ"  
รุ่งหัวเราะ ชาวบ้านหญิงพากันหัวเราะไปด้วยกับเรื่องเล่าสนุกปาก สไบได้ยินทั้งหมด สีหน้าไม่ดี
แฟงลุกพรวดเดินเข้าหาสไบที่มาเล่าเรื่องที่เพิ่งได้ยิน
"ปากอย่างนี้ มันต้องตำด้วยสากตำข้าว"
แฟงเดินพุ่งออกไป สไบดึงไว้ไม่ทัน เฟื่องเดินเข้ามาจากอีกทาง ในมือยังมีฝักมะขามอ่อน   เห็นท่าทางน้องสาวเดินฉุนเฉียวออกไป 
"แฟงจะรีบไปไหน"
"ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ พี่เฟื่อง"
เฟื่องยื่นมะขามอ่อนส่งให้สไบ
"เอามั้ย"
"พี่เฟื่องกินเถอะจ้ะ ท่าทางจะเปรี้ยวเข็ดฟัน"
"ไม่เปรี้ยวเลย กำลังกิน" 
เฟื่องยื่นให้หน้าตาเฉย สไบมองแล้วยิ้มแหยๆ ไม่กล้ากิน
รุ่งกำลังหัวเราะสนุกในโรงครัว ชาวบ้านหญิงคนหนึ่งกำลังตำน้ำพริก แฟงโดดพรวดเข้ามา ชาวบ้านตกใจ รุ่งหัวเราะค้าง แฟงกระชากรุ่งมาใกล้ตะคอกถาม
"ใครพูดว่าพี่เฟื่องของฉัน หงิมๆ แล้วจะหยิบชิ้นปลามัน"
ชาวบ้านหญิงพากันหลบ รุ่งแข็งใจ ทำลอยหน้า ไม่กลัว
"ใคร ใครพูด"
"คนพูดปากมันคงว่าง" 
"ใช่ ปากข้าว่าง มีอะไรมั้ย นังแฟง"
แฟงหันไปคว้าสากตำน้ำพริกจากแม่ครัว
"ไม่มีอะไรหรอกพี่ ฉันอยากให้พี่ลองชิมน้ำพริกจากสากกะเบือนี่ดูสักที"
รุ่งตาเหลือก แฟงจะทิ่มสากเข้าหน้า รุ่งร้องดังลั่น ชาวบ้านหญิงพากันมาดึงมือแฟง แยกแฟงห่างจากรุ่ง แฟงแกว่งสากไปรอบๆ ทุกคนพากันถอย รุ่งจะวิ่งหนี แฟงเห็นก็เขวี้ยงสากเฉียดหน้ารุ่งไป รุ่งร้องลั่น
"กลัวแล้ว นังแฟง ข้ากลัวแล้ว" 
รุ่งยกมือไหว้ 
"พี่สาวฉันเป็นคนดี ถ้าใครปากมาก เอาเรื่องพี่เฟื่องมาพูดสนุกปากอีก จำไว้ ต่อไปจะเป็นสากตำข้าว" 
"สากตำข้าว"
รุ่งฟังแล้วเข่าอ่อนพับลงไปกอง ชาวบ้านหญิงพากันเงียบเพราะเห็นแฟงเอาจริง แฟงเดินฉับๆ ออกไป ยังไม่หายโกรธ
ทัพนั่งเช็ดดาบคู่กายอยู่หน้าเรือน แฟงเดินพรวดๆ เข้ามาหา ทัพอาศัยแสงไต้หน้าเรือนมอง เห็นว่าเป็นแฟง ก็วางดาบ  
"มาทำไมมืดๆ ค่ำๆ น่ะ แฟง"
"ฉันก็ไม่อยากมาเหยียบที่เรือนพี่นักหรอก"  
"อ้าวมึงนี่ พูดจาไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่แล้วนะ"
"ว่าแต่ฉัน แล้วพี่ล่ะ เป็นผู้ใหญ่ รู้อะไรควรไม่ควรดีแล้วใช่มั้ย"
"แฟง มึงอย่ามาตีฝีปาก มีอะไรก็ว่ามา"
"รู้มั้ย พี่เฟื่องเขาถูกชาวบ้านนินทาเพราะพี่"
"ถูกนินทา"
"ใช่สิ พี่ทำอะไรลงไปรู้บ้างมั้ย พี่กำลังทำให้พี่เฟื่องกลายเป็นหญิงสองใจ"
"แฟง มึงจะพูดอะไร ให้นึกบ้างว่ากูไม่เคยคิดชั่วอย่างที่มึงพูด เฟื่องเองก็พี่สาวมึง"
"ก็เพราะพี่เฟื่องเป็นพี่สาวฉัน ฉันถึงต้องตามมาเอาเรื่องไอ้คนที่มันเป็นต้นเหตุให้พี่สาวฉันถูกด่า บอกมาตรงๆ ดีกว่าพี่ทัพ ที่พี่ไปเกาะแกะพี่เฟื่อง เพราะพี่ยังรักพี่เฟื่องใช่มั้ย"
ทัพนิ่งอั้น ไม่ตอบ แฟงยิ่งรุกไล่
"พี่ยังรัก ยังหวังในตัวพี่เฟื่อง"
"มึงคิดว่ากูจะเป็นชายชั่วได้ถึงเพียงนั้นหรือ แฟง"
ทัพเสียงดุดัน จนแฟงตกใจ
ขาบเดินมายืนมองหน้าเรือนแฟง สไบกำลังเก็บผ้าที่ราว จะเอาเข้าบ้าน
"พี่ขาบ มาหาพี่เฟื่องเหรอจ๊ะ"
"เฟื่องอยู่มั้ย สไบ"
"อยู่จ้ะ กำลังบีบนวดให้น้าเฟี้ยม พี่ขาบจะให้ฉันเรียกมั้ยจ๊ะ"
"ไม่ต้องก็ได้" 
ขาบมองไปด้านในอย่างเสียดาย
"พี่ไปนะ"
ขาบเดินออกไป สไบได้แต่มองอย่างเห็นใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ เฟื่องค่อยๆ ขยับออกมาจากหลังประตูมอง สไบเดินเข้ามาใกล้  
"ฉันบอกอย่างที่พี่สั่งแล้วจ้ะ"
"คราวหน้า สไบก็บอกว่าพี่ดูแลแม่"
"สงสารพี่ขาบ คงคิดถึงพี่เฟื่อง"
เฟื่องไม่พูดอะไร เบือนหน้าหนี สไบเดินเลยเข้าบ้านไป เฟื่องตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมไปอยู่ที่เรือนขาบ
แฟงมองทัพ ที่จ้องหน้า บีบไหล่แรงขึ้น อย่างคุกรุ่น
"แฟง มึงมองหน้ากู แล้วบอกว่าเป็นกูที่เป็นคนผิดสัตย์สาบานที่มีต่อเพื่อนรัก มองกูแฟง  แล้วบอกว่ากูจะแย่งเฟื่อง เมียรักของเพื่อนได้"
"ฉัน" 
"บอกสิ แฟง"
แฟงจ้องตาทัพที่หลากหลายอารมณ์ทั้งผิดหวัง ทั้งโกรธ ทัพขยับมาใกล้ หัวใจแฟงเต้นแรง  เริ่มขยับตัว
"ฉันไม่อยากให้พี่มาเข้าใกล้พี่เฟื่องอีก ถึงพี่จะรู้สึกยังไงกับพี่เฟื่อง หรือพี่เฟื่องจะรู้สึกยังไงกับพี่"  
แฟงพูดแล้วหยุดนิ่งไป สะเทือนใจที่รู้ว่าเฟื่องเองก็ยังอาวรณ์ทัพ ทัพมองแฟงด้วยแววตาวูบไหว
"พี่ต้องลืมพี่เฟื่อง"
"เอ็งจะสั่งพี่"
"ฉันขอร้อง จะให้ฉันไหว้ฉันก็ยอม"
แฟงสะบัดหลุดจากแขนทัพ ก้มลง คุกเข่า พนมมือ ตรงหน้าทัพ
"ฉันรู้ว่าพี่กับพี่เฟื่องรักกันมาหลายปี" 
แฟงยิ่งสะเทือนใจ น้ำเสียงสั่นเครือ ที่ต้องพูดในสิ่งที่ฝืนความรู้สึกจากใจจริงของตัวเอง
"ความรักของพี่กับพี่เฟื่องยากจะลืมกันได้ ฉันขอนะ พี่ทัพ ฉันขอ อย่าทำให้พี่เฟื่องต้องถูกนินทาว่าเป็นหญิงสองใจอีก"
ทัพคุกเข่าลงมองแฟง แฟงน้ำตาหยดลงมา
"แฟง ถึงมึงไม่ขอ กูก็ต้องทำ เฟื่องเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุด กูจะไม่ทำให้เฟื่องหมองมัว"
แฟงน้ำตาไหลจนหยุดไม่ได้ อัดอั้นจนสะอื้นออกมา ทัพมองสงสาร ดึงแฟงมากอดไว้เบาๆ
"นิ่งซะ นิ่งซะ"
ทัพลูบผมแฟงเบามือ แฟงยิ่งรู้สึกอบอุ่น แต่ก็ต้องหักห้ามใจ ดึงตัวออกจากทัพ ทัพยิ้มให้
"มึงเป็นผู้หญิงขี้แยตั้งแต่เมื่อไหร่" 
"พี่ทัพก็เห็นฉันเป็นเด็กวันยังค่ำ"
แฟงย้อนด้วยเสียงเง้างอด ทัพยิ้ม
"ใช่ กูเห็นมึงเป็นเด็ก เด็กขี้แย"
ทัพยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้แฟงเบาๆ แฟงจ้องมอง ใจเต้นโครมคราม
"งั้นก็อย่ามายุ่งกับเด็กขี้แย"
แฟงลุกขึ้นเดินหนี ออกไปอย่างแง่งอน ทัพมองตามด้วยรอยยิ้ม 
สังข์นอนเมาไม่ได้สติอยู่ที่หน้าแคร่ ขาบเดินมาใกล้  
"น้องจวง ทำไมไม่กลับมาหาพี่สังข์" 
สังข์กอดไหเหล้า เพ้อหา
"จะให้พี่สังข์กอดไหแทนเมียไปอีกกี่คืน"
ขาบมองเพื่อนที่เมาไม่ได้สติ เพ้อหาแต่จวง แล้วคว้าไหเหล้าจากมือสังข์ กรอกเหล้าเข้าปากดับความผิดหวังเสียใจ
 
0000000000000000
 
ตอนเช้า สไบป้อนข้าวดอกรักที่แววตาเหม่อลอย เซื่องซึม กินข้าวอย่างซังกะตาย ไม่อาละวาดเหมือนเมื่อวาน ฟัก เอิบ ช่วง หมู่เคลิ้มคอยระวังอยู่ใกล้ๆ
"พี่ดอกรักจ๋า กินอีกคำนะจ๊ะ ฉันทำแกงส้มปลาช่อนมาให้"
สไบป้อน ดอกรักหุบปากนิ่ง 
"พี่ดอกรักจ๋า"
ดอกรักหันมามองสไบตาขวาง  
"พอก่อนเถอะสไบ ออกมาห่างๆ มันก่อน"  
สไบจำต้องถอยออกมาอย่างที่ฟักเตือน
"อิ่มแล้วก็นอนซะ ไอ้ดอกรัก ไม่ต้องโวยวายให้ชาวบ้านเขาตกใจอีก"
ดอกรักมองตาขวางมาที่เอิบ ช่วง สองคนมองแหยงๆ ดอกรักวันนี้เหมือนคนว่าง่าย เอนตัวลงนอนหันหลังให้ทุกคน เอิบ ช่วงถึงกับถอนใจเฮือก
"วันนี้เชื้อบ้ามันคงหลบใน"
"พวกเอ็งอย่ามัวพูดมาก ไปซ้อมดาบกันได้แล้ว" หมู่เคลิ้มเร่ง 
"ไปเถอะสไบ ปล่อยมันนอนอยู่ในนี้แหละ" ฟักบอก
"รีบๆ หายนะพี่ดอกรัก"
สไบบอกเหมือนอยากให้ดอกรักรับรู้ แล้วเดินออกไปกับกลุ่มฟัก ดอกรักนอนนิ่ง มือถูกมัดโยงไว้กับเสา กันหนี 
"ฉันเห็น ไอ้ใจมันเป็นทหารอังวะ ไอ้ใจมันหลอกเรา"
ดอกรักพึมพำออกมา แต่ไม่มีใครได้ยิน 
ใจแบกฟืนมาให้โรงครัว เฟื่องเดินเข้ามาจากอีกทาง ใจวางฟืนลง รุ่งกับชาวบ้านหญิงที่นั่งกันอยู่มองเฟื่อง เฟื่องถามขึ้นด้วยสีหน้าสดชื่น  
"วันนี้จะทำแกงอะไรกันจ๊ะ"
ทุกคนเงียบไม่ตอบเฟื่อง รุ่งทำปั้นปึ่งนั่งห่าง เฟื่องเริ่มหน้าเจื่อนลง หันไปถามแม่ครัวใหญ่ 
"ป้าจะให้ฉันปอกหอม ปอกกระเทียมเลยมั้ยจ๊ะ"
ชาวบ้านทุกคนเงียบ ไม่คุยกับเฟื่อง ทั้งเฟื่องทั้งใจ งง
"วันนี้โรงครัวมันเงียบๆ นะ พี่รุ่ง"
รุ่งเห็นใจถาม ก็เผลอคุย 
"แหม ก็ใครจะกล้าคุย เดี๋ยวเจอสากกะเบือลอยลม"
เฟื่องเริ่มมองจับความ ใจแกล้งเข้าไปเช็ดเหงื่อใกล้ๆ รุ่ง
"สากกะเบืออะไรกัน"
รุ่งทำพูดเบาๆ มองไปทางเฟื่อง
"นังแฟงน่ะ มันบอกใครพูดถึงพี่มัน มันจะเอาสากตำปาก พวกฉันเลยไม่กล้าคุย เดี๋ยวพูดอะไรผิดหู จะมีคนเอาไปฟ้อง"
ใจฟังแล้วเข้าใจทันที หันไปมองเฟื่องด้วยความสงสาร
"พี่เฟื่องเขาไม่ใช่คนขี้ฟ้อง"
"ไม่รู้ ข้าขี้กลัว"
เฟื่องเริ่มรู้ว่าตัวเองคงเป็นส่วนเกินของทุกคนที่นี่ จะหันหลังไป ใจรีบหันไปทางรุ่ง
"รุ่งไม่กลัวเฟื่องกลับไปบอกแฟงเหรอ ว่าคนที่นี่ไม่ยอมคุยด้วย"
รุ่งทำหน้าตกใจเหมือนนึกขึ้นได้ 
"ไหนว่าเฟื่องมันไม่ขี้ฟ้อง"
"ก็ถ้าเฟื่องกลับไปหน้าอย่างนั้น แฟงก็รู้น่ะสิ"
รุ่งเชื่ออย่างที่ใจแหย่ รีบหันมาเรียก
"เฟื่อง มานี่สิ"
เฟื่องหันมา รุ่งทำเป็นเรียก ทุกคนที่เหลือมองท่าทีของรุ่ง
"ช่วยขูดมะพร้าวหน่อย" 
"ได้จ้ะ"
เฟื่องนั่งลงที่กระต่ายขูดมะพร้าว ไม่มีอิดออด รุ่งมองโล่งใจ แต่ก็ยังรักษาหน้าเดินห่างออกไปอีกทาง แม่ครัวใหญ่มองแล้ว อดปากไม่ไหว กระเถิบเข้ามาคุยกับเฟื่อง
"นังรุ่งน่ะสิมันบ้า ไม่ให้พวกเราพูดกับเอ็ง นังนี่มันท่าจะบ้าตามไอ้ดอกรัก"
เฟื่องแค่ยิ้ม ไม่พูดอะไรต่อ แม่ครัวใหญ่เดินไปดูข้าวที่กำลังเดือดในหม้อ ใจเดินมาใกล้
"ไม่มีอะไรหรอกพี่เฟื่อง เรื่องเข้าใจผิดกัน อย่าถือสาแม่รุ่งเลย" 
"เอ็งนี่ชอบช่วยคนอื่น เป็นคนดีจริงๆ นะ ใจ" 
เฟื่องมองใจด้วยสายตาชื่นชมจริงใจ
สังข์กับขาบซ้อมอาวุธกับคนอื่นๆ ขาบไม่มีสมาธิ เพราะคิดกังวลเรื่องเฟื่องจนถูกคู่ซ้อมจ่อดาบเข้าที่ท้อง ทุกคนมอง ขาบยืนไหล่ตก สังข์แปลกใจ
"เป็นอะไรวะ ไอ้ขาบ ท่าทางยังกับคนไม่มีแรง"
"นังเฟื่องมันสวย ก็อย่างว่าข้าวใหม่ปลามัน ไอ้ขาบมันก็คงกินซะจนจุก มือไม้แข้งขาอ่อนปวกเปียก" 
เอิบกระเซ้าอย่างไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง ชาวบ้านชายฉกรรจ์พากันเป่าปากแซว ขาบกดดัน กำดาบแน่น สังข์มองเพื่อนอย่างเห็นใจ
ทัพนั่งมองดอกรักซึ่งนอนหันหลังให้
"ดอกรัก เอ็งจำอะไรได้บ้างมั้ย"
ดอกรักพรวดลุกขึ้น ทัพมองระวัง ดอกรักกุมหัว
"เอ็งปวดหัวเหรอ"
"เจ็บ"  
ทัพมองลุ้น รอฟัง ดอกรักแว่บความคิดเข้ามา ตอนที่ถูกใจศอกลงกลางหัว
"ไอ้ใจ มันศอกลงตรงนี้"  
ดอกรักพูดออกมาอย่างที่จำได้
"ว่ายังไงนะ พูดอีกทีสิ เอ็งจำได้ว่ายังไง" 
"ไอ้ใจเป็นข้าศึก มันหลอกเรา"
ดอกรักทวนคำซ้ำๆ
"ไอ้ใจ มันกับพวก รวมหัวกันหลอกเรา"
ทัพฟังเครียด กังวล ไม่รู้จะเชื่อถือคำของดอกรักได้มากแค่ไหน
ด้านหน้าระเนียดค่าย ชาวบ้านชายที่เป็นยาม หามร่างชายคนหนึ่ง เนื้อตัวมีแต่รอยช้ำ  ถูกทุบตี มีเลือดเลอะตามเนื้อตัว เสื้อผ้า เข้ามาวาง ชาวบ้านอื่นๆ พากันมาดู
"เจอที่ไหน"
"นอกค่าย มันนอนสลบอยู่"
"คงถูกพวกข้าศึกไล่ฟันมา"
ใบหน้าชายที่ถูกหามเข้ามานอนแน่นิ่งคือเจิดนั่นเอง
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้คือ เจิดเดินย่ำมาช้าๆ จนมาถึงต้นไม้ใหญ่ หยุดมองหาใครสักคน  จนกระทั่งชุกคยีโผล่ออกมาจากหลังต้นไม้ ทั้งคู่มองหน้ากันนิ่ง จ้องกันไม่กระพริบ โตกับเสริฐวิ่งฝ่าฝนตรงมาทางเจิดกับชุกคยี แต่ก่อนที่ทุกคนจะคาดคิด ชุกคยีตวัดมืออย่างเร็วเข้าที่หน้าเจิด แทบไม่ทันเห็นว่าชุกคยีใช้อะไรปาดหน้าเจิด เห็นแค่เงาเหล็กสะท้อนวับเดียว แต่ใบหน้าเจิดก็เต็มไปด้วยเลือดเสียแล้ว ชุกคยีมองเจิดนิ่ง
"ฆ่ามัน เอาตัวอองนายกลับมา"
ชุกคยีค่อยๆ ถอยออกไป โตกับเสริฐเดินใกล้เข้ามา เสียงเจิดร้องด้วยความเจ็บปวด โตกับเสริฐตกใจ หยุดอยู่กับที่ เจิดวิ่งร้องออกมาจากในป่า หน้าตาเต็มไปด้วยเลือด
"ช่วยด้วย ช่วยด้วย"
โตกับเสริฐ ตกใจ ก้าวขาไม่ออก  
"โอ๊ย เจ้าป่าเจ้าเขาช่วยลูกช้างด้วย โอ๊ย ไอ้เสริฐช่วยกูด้วย"
เจิดเดินเข้ามาล้มตรงหน้าโตกับเสริฐ
"ช่วย ช่วย ด้วย"
เจิดพูดได้แค่นั้น
ใจเดินมาแถวเรือนดอกรัก เห็นทัพเดินหน้าเครียดออกมาจากเรือน ใจหลบวูบ มองจ้อง ทัพเครียดมาก เดินแยกไปอีกด้าน ใจมองเรือนดอกรัก สีหน้าไม่ดี
ดอกรักนอนอยู่ ใจพรวดเข้ามา ดอกรักหันมาเห็นหน้าใจ ใจพุ่งเข้าไปใกล้ดอกรัก
"แกพูดอะไรกับไอ้ทัพ"
"ไอ้ใจ มึง ไอ้ใจ มึงเป็นข้าศึก มึงกับพวกเป็นข้าศึก" 
ดอกรักเริ่มตะโกนซ้ำๆ ใจเอามือปิดปากปิดจมูกดอกรัก
"ฉันไม่อยากฆ่าแกเลย"   
ใจกดแรงขึ้น ดอกรักเริ่มหายใจไม่ออก ดิ้น ทัพก้าวเข้ามาจากด้านหลัง
"ไอ้ใจ"
ใจรีบดึงมือออก ร้องลั่น
"โอ๊ย กัดฉันทำไม"
ใจทำเป็นร้องลั่น กุมมือ ลุกขึ้นเหมือนเพิ่งหันมาเห็นทัพ
"ทัพ"
"แกเข้ามาทำอะไร"
"ฉันมาดูว่าดอกรักมันดีขึ้นหรือยัง แต่มันกัดมือฉัน"
ดอกรักยังตะโกน ทัพมองใจ ใจทำหน้าสลด
"ฉันก็แวะมาดู คิดว่าจะพอช่วยให้จำอะไรได้มั่ง แต่ดอกรักมันไม่ชอบขี้หน้าฉัน แต่ไหนแต่ไร ฉันก็คงไม่มาอีกแล้ว"
ใจทำหน้าผิดหวัง เดินออกไป ทัพมองสังเกตเห็นใจกุมมือเดินห่างไป
สไบกับแฟงเดินมาเห็นกลุ่มชาวบ้านกำลังล้อมดูอาการเจิด ชาวบ้านที่ท่าทางเป็นหมอ เอาสมุนไพรโปะลงตามร่างกายแผลช้ำ แฟงกับสไบแหวกคนเข้ามาดู พอเห็นเป็นเจิดที่นอนแน่นิ่งก็ตกใจ
"พี่เจิด นี่พี่เจิด ญาติพี่ใจ" 
สไบอุทานขึ้นด้วยความดีใจ
"เดี๋ยวฉันไปบอกพี่ใจก่อนนะ"
สไบบอกแฟงแล้ววิ่งออกไป แฟงเข้ามาดูอาการเจิดใกล้ๆ 
ใจเดินไปเดินมาในกระท่อม สไบรีบเข้ามา
"พี่ใจ พี่ใจ มีคนพาพี่เจิดมา อยู่ที่โรงตีดาบจ้ะ"
ใจอึ้งเหมือนโดนทุบหัว  
"ว่าไงนะ สไบ"
"กองตระเวนไปเจอพี่เจิดนอนเจ็บอยู่นอกค่าย เลยพามารักษา ตอนนี้พี่เจิดอยู่ที่โรงตีดาบจ้ะ"  
ใจหน้าซีดลงทั