บันเทิง

คุยกับ‘เต๋อ-นวพล’คนทำหนังรุ่นใหม่ไฟแรง

คุยกับ‘เต๋อ-นวพล’คนทำหนังรุ่นใหม่ไฟแรง

03 ก.ย. 2558

คุยกับ“เต๋อ”นวพลคนทำหนังรุ่นใหม่ไฟแรง : สกู๊ปบันเทิง

 
          หลายคนอาจจะคุ้นหูชื่อ “เต๋อ” นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ในฐานะผู้ร่วมเขียนบท ให้หนังท็อปฮิตของค่ายจีทีเอชไม่ว่าจะเป็น รถไฟฟ้ามาหานะเธอ, วัยรุ่นพันล้าน และ รัก 7 ปี ดี 7 หน กระทั่งวัยรุ่นหนุ่มสาวหลายคน ยกให้เขาเป็นไอดอล หลายคนอาจรู้จักเขาในฐานะผู้กำกับหนังอินดี้ มือรางวัลจากภาพยนตร์เรื่อง “36” มาจนถึง “แมรี่ อิส แฮปปี้ แมรี่ อิส แฮปปี้” (Mary is Happy, Mary is Happy) และ The master ที่แม้หนังจะเข้าฉายแบบจำกัดโรงภาพยนตร์ แต่รายรับกลับมากเกินกว่าหนังหลายเรื่องที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เสียอีก และล่าสุดกับบทบาทผู้กำกับฯ ภาพยนตร์เรื่อง “ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ” ของค่ายจีทีเอช ที่ได้นักแสดงเงินล้านอย่าง ซันนี่ สุรรณเมธานนท์ และ “ใหม่” ดาวิกา โฮร์เน่ มาแสดงนำ นาทีนี้หนุ่มเต๋อน่าจะเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่น่าสนใจและน่าจับตามองมากที่สุดในยุคนี้ วันนี้คมชัดลึก มีบทสัมภาษณ์ที่ทำให้คุณรู้จักเขาคนนี้มากยิ่งขึ้น 
 
 
@ กระแสตอบรับภาพยนตร์เรื่อง ฟรีแลนซ์ฯ เป็นอย่างไรบ้าง
          มันดีมาก ดีจนผมตกใจ เพราะรู้สึกว่าเราทำหนังแบบเดิมไม่ได้เปลี่ยนอะไรขนาดนั้น ที่ผ่านมา เราเคยเห็นแต่แฟนหนังเป็นกลุ่มเล็กๆ เราไม่รู้ว่าหนังที่เราทำเมื่อมันไปสู่กลุ่มคนมากๆ จะเป็นอย่างไร แต่ดูจากเทลเลอร์ ก็รู้สึกว่าคนที่ดูก็เก็ตเหมือนกันเขาตลกมุกที่เราใช้ เขินในตอนที่เราอยากให้เป็น ถือว่าค่อนข้างดี แต่ตอนนี้ก็เหลือว่าตอนที่เขาไปดูหนังจริงๆ แล้วจะเป็นอย่างไร โดยส่วนตัว ก็จะแอบกดดันเล็กๆ เพราะดูเหมือนความคาดหวังจะดูสูงมาก แต่เราก็รู้สึกว่า เราทำได้ดีที่สุดแล้ว อาจเป็นเพราะที่ผ่านมาผมทำหนังทุกปี แต่ก็ยังตื่นเต้นเหมือนเดิม
 
 
@ ทำไมถึงเลือกทำเกี่ยวกับอาชีพฟรีแลนซ์และโรงพยาบาลรัฐ
          บทเรื่องนี้ผมเขียนเอง เราจึงเลือกเขียนเรื่องใกล้ตัว จริงๆ แล้วผมทำงานฟรีแลนซ์นะ มีโปรเจกท์ก็มาร่วมงานกันทีหนึ่ง นี่จึงเป็นเหตุผล ที่ผมทำหนังเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะมันเป็นเรื่องใกล้ตัว และผมอยากทำหนังที่ไม่ใช่เด็กวัยรุ่น เพราะช่วงที่ผ่านมา ผมทำหนังเกี่ยวกับเด็กวัยรุ่นเยอะ อยากทำหนังเกี่ยวกับคนวัย 30 บ้าง ซึ่งเรื่องใกล้ตัวอีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องสุขภาพ ช่วงอายุ 30 เป็นช่วงก่อร่างสร้างตัว ช่วงนี้จะทำงานหาเงินกันสุดๆ และสุขภาพก็จะทรุดโทรมสุดๆ เช่นกัน คนจะปวดหลัง จะมีพุงกันตอนนี้ เราก็จะรู้สึกเป็นเรื่องใกล้ตัว และผมเคยไปโรงพยาบาลรัฐ ผมมองว่าโรงพยาบาลรัฐ มีเรื่องที่น่าสนใจ ต้องรอหมอชั่วโมง 2 ชั่วโมง กว่าจะเจอหมอในห้องตรวจเล็กๆ แบบคนแปลกหน้า 2 คน ต้องมารู้จักกันเลยในเวลาไม่กี่นาที ซึ่งผมรู้สึกว่า 2 เรื่องนี้ น่าจะเอามาทำเป็นหนังได้
 
 
@ ทำไมถึงเลือกซันนี่และใหม่ ดาวิกา มาแสดงนำในภาพยนตร์เรื่องนี้
          ตอนแรกผมตั้งใจใช้นักแสดงหน้าใหม่นะ แต่พอเราอ่านบทแล้วเรารู้สึกว่ายาก ก็เลยต้องใช้นักแสดงอาชีพ ซึ่งทุกคนต้องมาแคสติ้งก่อน เพราะเรารู้ตัวว่าเรากำกับหนังอีกหมวดมาอย่งหนังเรื่องแมรี่ อย่าง 36 แล้วหนังของเรามีแค่บทกับนักแสดง เราก็ต้องการเช็กว่านักแสดงเหมาะกับบทเราไหม ซึ่งมันก็ดีกับทุกฝ่ายนะ เริ่มจากหานักแสดงชายก่อน มาเจอพี่ซันนี่ ที่บุคลิกหลายอย่างที่เราต้องการ คือนอกจากจะเป็นคนตลกหน้าตายแล้ว ในอารมณ์นั้น เขาสามารถโรแมนติกและดราม่าไปพร้อมๆ กันได้ ซึ่งเรารู้สึกว่า พี่ซันนี่มีหมด พอได้นักแสดงชายเราก็เลือกนักแสดงหญิง ซึ่งเราก็ต้องเลือกในเบอร์ที่เท่ากัน อันนี้ไม่ได้หมายถึง เรื่องชื่อเสียงแต่หมายถึงเวลาแสดงแล้วสู้กันได้ ท้ายสุดก็ตัดสินใจเลือกใหม่ ต้องขอบคุณมากๆ ที่ยอมมาแคสกัน
 
 
@ คนมองเต๋อเป็นผู้กำกับมือรางวัล หลายคนอาจหวั่นว่าหนังมันจะอินดี้เหมือนที่ผ่านมาๆ ไหม
          ถ้าใครเข้าใจว่าหนังอินดี้ คือหนังที่ดูยาก หนังเรื่องนี้ไม่ได้ดูยากขนาดนั้น ถ้าใครเคยดูเรื่อง “พัดชาไม่เซ็กซี่” (Patcha is sexy) หรือหนังเรื่อง “มั่นใจว่าคนไทยฯ เกลียดเมธาวี” ก็จะรู้ว่าหนังผมไม่ได้ดูยากเลย ยกเว้นบางเรื่องที่เราอยากเล่นเรื่องคอนเซ็ปต์ 36 ซ็อต 36 รูป ของภาพยนตร์เรื่อง “36” หรือจะเป็นหนัง ที่ทำจากทวิตเตอร์อย่างเรื่อง “แมรี่ อิส แฮปปี้ แมรี่ อิส แฮปปี้” เพียงแต่คนอาจจะไม่ได้ตามดูหนังของเราทุกเรื่อง มันขึ้นอยู่กับว่า เขารู้จักเราจากงานชิ้นไหน ถ้าใครรู้จักผมจากหนังเรื่องแมรี่อาจจะกลัวๆ อาจจะรู้สึกเข้าใจยาก รู้สึกงงๆ แต่ถ้าเขาเคยดูงานอื่นเขาก็จะรู้ว่าผมก็มีงานอื่นเหมือนกัน
 
 
@การเป็นผู้กำกับมือรางวัลทำให้กดดันไหม
          ไม่กดดัน เพราะผมไม่เคยคิดเรื่องรางวัล แค่ทำหนังออกมาอย่าให้แย่กว่าของเดิมนักก็โอเคแล้ว เพราะถึงแม้ว่าเราจะกดดดันไป เราก็ไม่สามารถที่จะควบคุมผลที่จะเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว ผมก็เลยรู้สึกว่า มันเป็นผลการเรียนรู้มากกว่า  ถึงแม้ว่าการที่เราเคยได้รางวัลมาจะช่วยเสริมเรา แต่ถ้าตัวงานชิ้นใหม่มันไม่ดึงดูดคนก็อาจจะไม่มาดูหนัง ผมไม่ได้เก่ง หรือทำอะไรได้ทุกอย่าง ทุกวันนี้แค่เขียนบทก็ยังมีปัญหามาให้แก้ตลอด ยังมีเรื่องที่เรายังไม่รู้ และต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ผมว่าแค่ตั้งใจทำและทำทุกอย่างออกมาให้เต็มที่คนที่ร่วมงานด้วยก็คงจะรู้สึกสบายใจที่ได้ร่วมงานกับเรา
 
 
@ หนังจีทีเอชส่วนใหญ่ทำเงิน ไม่ว่าจะเป็นซันนี่เองที่ขึ้นแท่นพระเอก 300 ล้านหรือจะเป็นใหม่ก็เป็นนางเอก 1,000 ล้านอยากรู้ว่าที่ค่ายคาดหวังเรื่องรายได้ไหม
          เรื่องนี้ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน ผมไม่เคยคุยกันจริงจังเรื่องนี้ แต่โดยส่วนตัวของผมแค่หนังไม่เจ๊งไม่ขาดทุนก็โอเคแล้ว ที่เหลือถือเป็นโบนัส ที่เราคาดเดาไม่ได้ เอาเป็นว่าถ้าทำเงินเกิน 30 ล้านก็ถือว่าปลอดภัย เรียกว่าไม่เยอะไม่น้อยเลขกำลังสวย ถ้าจะถามว่าหวังถึง 100 ล้านเลยไหมบอกตรงๆ ว่าผมไม่กล้าคิด หนังที่ผ่านมาผมเคยทำเงินสูงสุดแค่ 1.5 ล้านบาทแค่นั้น บอกตรงๆ แค่ 10 ล้าน ผมยังแอบหวั่น อาจเพราะเราไม่เคยเห็นตัวเลขสูงๆ แบบนี้ เราก็เลยไม่มีจินตนาการส่วนนั้นอยู่ จริงๆ ถ้าเราคิดไปก่อนก็เครียดเปล่าๆ แต่ตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะหนังเสร็จแล้วเราก็ทำได้แค่นี้่ 
 
 
@ ผู้กำกับหลายคนจะบอกว่าการทำหนังนั้นไม่สามารถยีดเป็นอาชีพได้ ต้องมีอาชีพเสริมแล้วเอาการทำหนังมาเป็นงานอดิเรก 
          ใช่ ผมก็ต้องทำแบบนั้นเหมือนกัน บางครั้งผมก็ทำหน้าที่เขียนบท เขียนหนังสือ บางทีก็หันไปทำหนังสั้นบ้างหนังยาวบ้างก็สนุกดี ซึ่งมันก็ได้สับเปลี่ยนบรรยากาศ ได้ไอเดียใหม่ๆ แต่ถ้าจะให้ผมยึดอาชีพผู้กำกับเป็นอาชีพหลัก ต้องมีวินัยมากๆ คือทำเรื่องนี้จบก็ต้องมีเรื่องต่อไป นอกจากนี้ก็ต้องมีเงินทุน จริงๆ ผมอยากทำหนังปีละเรื่อง ซึ่งที่ผ่านมาก็มีผลงานปีละเรื่องมาตลอด ก็ไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นอย่างนี้หรือเปล่า ผมมองว่าถ้าเราได้ทำหนังทุกปี ก็จะทำให้เราได้ฝึก 
 
.......................................
(หมายเหตุ คุยกับ“เต๋อ”นวพลคนทำหนังรุ่นใหม่ไฟแรง : สกู๊ปบันเทิง)