บันเทิง

กวนเพลงให้น้ำใส - เพลงป๊อปในเทศกาลแจ๊ส
กุศโลบายในการสร้างคนฟัง

กวนเพลงให้น้ำใส - เพลงป๊อปในเทศกาลแจ๊ส กุศโลบายในการสร้างคนฟัง

23 ก.ค. 2552

เพื่อนหลายท่านที่ร่วมเดินทางกับผม เพื่อไปชมเทศกาลดนตรีแจ๊สนอร์ธ ซี (North Sea Jazz Festival) ที่เมืองร็อตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อสัปดาห์ก่อน ตั้งคำถามขึ้นมาอย่างน่าสนใจว่า “ศิลปินพวกนี้ จัดเป็นแจ๊สเหมือนกันหรือ ?”

  “ศิลปินพวกนี้” หมายถึง บรรดานักร้องชื่อดังที่รู้จักกันในวงกว้าง เพลงของพวกเขาได้รับการเผยแพร่ทางสื่อต่างๆ อย่าง ดัฟฟี, อะเดล, เจมี คัลลัม, เอริกาห์ บาดู, ซีล หรือรุ่นใหญ่ขึ้นไป อย่าง บี.บี.คิง, เจมส์ เทย์เลอร์, สตีฟ วินวูด ซึ่งสามารถดึงดูดคนฟังจำนวนมากได้ตามความคาดหมาย

 หากพิจารณาจากนิยามของสไตล์ดนตรีแล้ว ศิลปินพวกนี้คงไม่ใช่ศิลปินแจ๊สหรอกครับ แต่เมื่อขึ้นชื่อเป็น “เทศกาลดนตรี” ทั้งที ก็ไม่ควรใจแคบปิดกั้น และสมควรจะมีเพื่อนพ้องน้องพี่ที่มีความเกี่ยวข้องกันมานำเสนอสีสันอื่นๆ ด้วยเหตุผลบางประการ ดังจะขยายความในบรรทัดถัดไป

  อย่าลืมว่า ครั้งหนึ่งเพลง สโม้ค ออน เดอะ วอเตอร์ (Smoke on the Water) ของวงร็อกรุ่นครู อย่าง ดีพ เพอร์เพิล (Deep Purple) ก็แต่งขึ้นจากแรงบันดาลใจในเหตุการณ์ไฟไหม้ที่กาสิโนในเมืองมงโทรซ์ สวิตเซอร์แลนด์ และมีเนื้อความพูดถึง โคล้ด น็อบส์ ผู้อำนวยการของ มงโทรซ์ แจ๊ส เฟสติวัล มาแล้ว

 แม้ผู้จัดงาน นอร์ธ ซี จะไม่ขยายความในเรื่องนี้โดยตรง แต่ผมเห็นว่าการจัดส่วนประสมของการแสดงที่มีความหลากหลายคละเคล้ากันไปนั้น ก็น่าจะเพื่อหวังผลไปยังผู้ชมวงกว้าง เพราะการดำรงอยู่ของเฟสติวัลที่ขายบัตรเข้าชม (โดยเปรียบเทียบ) ในราคาถูกกว่า “คอนเสิร์ตเดี่ยว” นั้น ก็เพราะต้องการฐานผู้ชมจำนวนมากเพื่อนำมาเป็นรายได้นั่นเอง

  ยิ่งเมื่อดูจากเวที 13 เวทีเล่นพร้อมกัน ภายใต้หลังคาเดียวของ อะฮอย คอมเพล็กซ์ (AHOY Complex) ศูนย์จัดแสดงดนตรีทางตอนใต้ของเมืองร็อตเตอร์ดัม ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน (คล้ายๆ กับอิมแพ็คอารีนาบ้านเรา) ที่มีขนาดเวทีใหญ่-น้อย ลดหลั่นไปตามแนวเพลงและชื่อเสียงของศิลปิน โดยมีตั้งแต่เวทีที่จุคนระดับร้อย ระดับพัน ไปจนถึงระดับหมื่น (มากสุดน่าจะราวเกือบ 2 หมื่นคน) ยิ่งบ่งชี้ถึงสัดส่วนของผู้ชมว่า ... อย่างน้อยเกือบครึ่งหนึ่ง (ราวๆ หนึ่งหมื่นห้าพันคน จากสามหมื่นคนในแต่ละวัน) ตั้งใจเลือกมาชมการแสดงของศิลปินป๊อปโดยเฉพาะ

 นี่คือกุศโลบายในการดึงผู้ชมทั่วไปให้จ่ายเงินมาชมการแสดงที่พวกเขาชื่นชอบ ในเวลาเดียวกัน ผู้จัดงานสามารถจัดสรรรายได้ที่เป็นกอบเป็นกำเหล่านี้ เพื่อไปว่าจ้างศิลปินแจ๊สระดับอื่นๆ รวมถึงสร้างสรรค์กิจกรรมอื่นๆ เพื่อให้บรรลุถึงอุดมคติในความเป็นเทศกาลแจ๊ส ซึ่งบางครั้งก็ต้องทำอะไรมากกว่าผลลัพธ์ในเชิงพาณิชย์

 เราจึงมีโอกาสชมการแสดงของ ซีซิล เทย์เลอร์ นักเปียโนอวอง-การ์ด ระดับตำนานจากยุคซิกซ์ตี้ ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องความยากแก่การเข้าถึง ในเวทีนี้ก็จุผู้ชมได้เพียงหลักร้อยเท่านั้น

 เช่นเดียวกันกับการจัดกิจกรรมประกวดวงดนตรีแจ๊ส, การให้ทุนสำหรับว่าจ้างนักประพันธ์ดนตรีแต่งเพลงใหม่ๆ , การแต่งตั้ง “อาร์ติสต์ อิน เรสซิเดนซ์” (Artist in Residence) เพื่อทำงานเฉพาะกิจ, การเปิดเวทีเพื่อแนะนำนักดนตรีดาวรุ่ง ฯลฯ

 และเช่นเคย ทุกปีมีการแนะนำศิลปินจากส่วนต่างๆ ของโลก ในปีนี้จึงมีการแนะนำศิลปินแจ๊สจากญี่ปุ่น ขณะที่ปีที่แล้วมีการแนะนำศิลปินแจ๊สจากยุโรปตะวันออก เป็นต้น

 ผลลัพธ์ที่ปรากฏ เป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึง “กึ๋น” ของผู้จัดงาน ว่ามิได้ “เบี่ยงเบน” หรือ “ผิดเพี้ยน” หรือขาดความรู้ความเข้าใจ ด้วยการนำศิลปินป๊อปหรือระดับสตาร์มาประสมเข้ากับการแสดงในภาพรวม แต่เป็นการจัดสมดุลได้อย่างลงตัว และยังเป็นการบริหารจัดการเพื่อนำมาซึ่งรายได้ และในขณะเดียวกันก็เพื่อเชื่อมโยงดนตรีเหล่านี้เข้าไว้ด้วยกัน

 เพราะอย่างน้อยๆ หลังจากคนหมู่มากชมการแสดงของศิลปินที่ตนชื่นชอบจบลง ก็ยังมีโอกาสไปละเลียดการแสดงของศิลปินแจ๊สแท้ๆ ในเวทีอื่นๆ ได้ นับเป็นการลดช่องว่างของรสนิยมที่แยบยลไม่น้อยทีเดียว

 เพราะไม่มีอะไรจะมีค่ายิ่งไปกว่าการได้ชมดนตรีดีๆ จากศิลปินที่มีความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นดนตรีประเภทใด สักวัน คุณย่อมซาบซึ้งได้ในความเป็นคุณค่าสากลดังกล่าว และยุโรปสร้างคนฟังที่มีคุณภาพของเขาได้ด้วยวิธีการนี้

"อนันต์ ลือประดิษฐ์"