บันเทิง

'13 Hours: The Secret Soldiers of Benghazi'

'13 Hours: The Secret Soldiers of Benghazi'

28 ม.ค. 2559

'13 Hours: The Secret Soldiers of Benghazi ' : คอลัมน์ เอกเขนกดูหนัง โดย... ณัฐพงษ์ โอฆะพนม

 
          วีรกรรมทหารอเมริกันถูกนำมาเล่าขึ้นจออีกครั้ง และก็น่าแปลกใจที่ผู้กำกับหนังแอ็กชั่นฟอร์มยักษ์ สนใจมาจับงานที่แตกต่างจากแนวทางที่ตัวเองเคยทำมาก่อนเมื่อเจ้าพ่อหนังหุ่นยนต์ ถนัดนักกับการเสกสรรค์จินตนาการ จับเอาหุ่นยักษ์มาห้ำหั่นราวีกันกลางเมือง หันมาทำหนังสงครามแบบสมจริงของนายทหารไม่กี่นายต่อสู้กับกลุ่มกองกำลังเหยียบร้อย ด้วยบรรยากาศราวกับพาคนดูเข้าไปอยู่ร่วมในเหตุการณ์ยังไงยังงั้น
 
          แม้หนังถ่ายทำในมอลตาและโมร็อกโก แต่การออกแบบงานสร้างก็จำลองสภาพบ้านเมืองของกรุงเบงกาซี ประเทศลิเบียสถานที่เกิดเรื่องราวได้อย่างสมจริง สำหรับเหตุโจมตีอันลือลั่น “เบงกาซี แอทแทค” เมื่อกองกำลังอิสลามติดอาวุธ บุกเข้าโจมตีสถานทูตสหรัฐอเมริกาสาเหตุมาจากต้องการประท้วงคนทำหนังอเมริกันที่ทำหนังดูหมิ่นศาสดาของศาสนาอิสลาม การประท้วงอันนำมาซึ่งการบุกจู่โจมด้วยอาวุธหนักลามไปถึงฐานปฏิบัติการลับของซีไอเอในลิเบียที่ห่างออกไปราวหนึ่งไมล์กินเวลานานหลายชั่วโมงในช่วงค่ำวันที่ 11 กันยายน 2012 หลังพิธีรำลึกครบรอบ 11 ปีเหตุวินาศกรรม 9/11 ผ่านไปไม่นาน เหตุการณ์ครั้งนี้ สะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วโลกเนื่องจากมีการเสียชีวิตของเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา รวมทั้งเจ้าหน้าที่กงสุลอีก 3 คน แต่ทว่าเบื้องหลังยังมีเรื่องราวความกล้าหาญของทหารรับจ้าง อดีตเจ้าหน้าที่มือดีของซีไอเอ ที่พยายามต่อสู้เพื่อช่วยเจ้าหน้าที่ทางการทูตอีกหลายคนในเบงกาซีให้รอดพ้นจากการโจมตีโดยกองกำลังติดอาวุธอิสลามในลิเบีย
 
          เหตุปะทะกินเวลายาวนานถึง 13 ชั่วโมง ได้ถูกบันทึกเป็นหนังสือชื่อ 13Hours โดย มิทเชล ซัคคอฟ ก่อนจะได้รับการดัดแปลงเป็นบทหนัง และกลายมาเป็นหนังแอ็กชั่นทริลเลอร์โดยผู้กำกับ ไมเคิลเบย์ ที่เรียกว่าทำออกมาได้ระทึกขวัญ เป็นหนังสงครามที่สมจริงอีกเรื่องหนึ่ง หนังเปิดด้วยการแนะนำตัวละครทหารรับจ้างไม่กี่นายโดยใช้เวลาไม่นานนัก ก่อนจะค่อยๆ เล่าภารกิจของพวกเขาในเบงกาซี และหน้าที่ของซีไอเอในฐานปฏิการลับที่นั่น ไม่ว่าจะเป็นการล่อซื้ออาวุธสงครามในตลาดมืดเพื่อหาตัวพ่อค้ารายใหญ่ (แต่กลับถูกตลบหลัง กลายเป็นคนถูกไล่ล่าเสียเอง) ก่อนจะมาถึงเหตุการณ์สำคัญเมื่อสหรัฐอเมริกาส่งหน้าที่ทางการทูตมาประจำที่เมืองนี้ แม้จะมีเจ้าหน้ารักษาความปลอดภัยคอยดูแล แต่เหล่าทหารรับจ้างก็คอยดูแลอยู่ห่างๆ เพราะฐานปฏิบัติการลับอยู่ห่างไปแค่ 1 ไมล์ แต่สุดท้ายก็เกิดเหตุรุนแรงไม่คาดคิดจนยากเกินควบคุม
 
          หนัง 13 Hours: The Secret Soldiers of Benghazi เรื่องนี้ของไมเคิลเบย์ แตกต่างไปจากหนังแอ็กชั่นหลายเรื่องก่อนหน้านี้ของเขา เพราะ เบย์ ประดิษฐ์หรือออกแบบตัวละครน้อยลง ไม่มีโพสเจอร์ (Posture)เท่ๆ บุคลิกสำอางแบบพระเอก หากแต่เน้นความสมจริงทางด้านกายภาพของรูปร่างที่กำยำลำสันแบบทหารที่การฝึกฝนและสมรภูมิรบมาอย่างเคี่ยวกรำ ไว้หนวดเครารุงรังเพื่อจะได้ใกล้เคียงกับคนท้องถิ่น ทั้งนี้ตัวละครหลักในหนังล้วนจำลองมาจากนายทหารที่ปฏิบัติการจริงทั้งสิ้น(ตอนท้ายเรื่องมีการเปิดเผยนายทหารตัวจริงด้วย)
 
          แม้ตัวละคร จะลดบทบบาทของพระเอกหนังแอ็กชั่นฮีโร่ลงไปบ้าง โดยถอดแบบมาจากบุคคลจริง มีความเป็นมนุษย์มนา มีเลือดเนื้อ มีชีวิตแบบที่จับต้องได้ แต่ห่ากระสุนและดงระเบิด ไมเคิลเบย์ ก็โถมซัดใส่ไม่ยั้ง ไม่น้อยไปกว่าหนังแอ็กชั่นมันส์ๆ หลายเรื่องก่อนหน้านี้ของเขา ไม่ว่าจะ แบดบอย, เดอะร็อค หรือ ทรานส์ฟอร์เมอร์ กระทั่งหนังสงครามอย่าง เพิร์ล ฮาเบอร์ ก็ยังไม่สมจริงเท่าเรื่องนี้ ความกดดันเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางเรื่องไป หลังบุกเข้าไปช่วยเจ้าหน้าที่กงสุลและพากลับมาในฐานลับ การถูกปิดล้อมและลอบโจมตีจากกองกำลังอิสลามติดอาวุธอยู่เป็นระยะตลอดทั้งคืนยันรุ่งสาง ถือเป็นความสนุกที่เรียกอะดรินาลีนคนดูให้สูบฉีดอยู่ตลอดเวลาหลายนาที
 
          13 Hours: The Secret Soldiers of Benghazi ทั้งยกย่องวีรกรรมกล้าหาญของอเมริกันชนและแอบจิกกัดเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงไปในเวลาเดียวกันโดยเฉพาะฉากปะทะเพื่อปกป้องเจ้าหน้าที่ซีไอเอในฐานลับโดยปราศจากการสนับสนุนของอาวุธและกองกำลังอื่นๆ เพื่อปกปิดสถานะของตัวเองที่มาแอบเปิดฐานปฏิบัติการลับในลิเบีย (เป็นเรื่องน่าสะเทือนใจที่กระทรวงกลาโหมอเมริกัน ยอมปล่อยให้ทหารตัวเองถูกรุมยิงตาย เพื่อไม่ให้โลกภายนอกรู้ว่าตัวเองเอานำทหารเหล่านี้มาปฏิบัติการลับ)
 
          น่าเสียดาย ที่ไมเคิลเบย์ ยังไม่ทิ้งวิธีการเล่าเรื่องแบบเก่าๆของเขาไปบ้าง อาทิ การปูเรื่องที่เยิ่นเย้อ เพิ่มซับพล็อตให้สับสน หรือใส่ฉากดราม่า มาผิดที่ผิดทางผิดเวลาไปบ้างในบางจังหวะ ทำให้ครึ่งแรกของหนังอาจน่าเบื่อไปบ้าง ก่อนจะกลับมาตรึงคนดูให้ติดเก้าอี้ในช่วงกลางเรื่องไปจนจบได้ในที่สุด