บันเทิง

ช็อก! "ชิน อีกแล้วครับท่าน" โรครุมหนี้ท่วมทำใจติดคุก

ช็อก! "ชิน อีกแล้วครับท่าน" โรครุมหนี้ท่วมทำใจติดคุก

03 ส.ค. 2559

สุชิน ควรสงวน เจ้าของวลี “อีกแล้วครับท่าน” หรือ “ชินโฟร์เอส” เตรียมใจชีวิตดิ่งเหว ป่วยหนัก แถมเจ้าหนี้ฟ้องเช็ค เตรียมขึ้นศาล 9 สิงหาคม นี้

         ท่ามกลางกระแสข่าวในวงการเพลงลูกทุ่งว่าเจ้าของวลีฮิต “อีกแล้วครับท่าน” ป่วยหนักใกล้เสียชีวิต  ผู้สื่อข่าวบันเทิง “คมชัดลึก” จึงเดินทางเข้าเยี่ยม สุชิน ควรสงวน ที่หมู่บ้านกฤษดานคร 10 ถนนรัตนาธิเบศก์  นนทบุรี  ชายกลางคนกับเสื้อตัวเก่ง หมวกแว่นอันเดิม และ สวมพระนอกเสื้อ เปิดบ้านต้อนรับ และกล่าวกับผู้สื่อข่าว คมชัดลึก ทันทีที่พบหน้าว่า

ช็อก! \"ชิน อีกแล้วครับท่าน\" โรครุมหนี้ท่วมทำใจติดคุก

ชิน โฟร์เอส

          "ต้องขอบพระคุณ น้องนักข่าวที่มาเยี่ยมกัน เพราะบ้านผม อย่าว่าแต่คนมาเยี่ยมหาเลย สามวัน โทรศัพท์ไม่เคยจะดัง  เสียงโทรศัพท์ที่ดัง คือเจ้าหนี้  ชีวิตผม 4-5 ปีมานี้  ป่วยด้วยอาการไซนัส ภูมิแพ้ และเส้นเลือดในสมองตีบ  ชีวิตผมเหมือนตกอยู่ก้นเหว เขาเปรียบเหมือนเม็ดข้าวเปลือกที่กำลังจมดิน คนย่ำไปย่ำมา  เรายังหวังว่า เทวดาฟ้าดินจะหลั่งน้ำอันประเสิรฐให้ เราก็จะงอกเงยได้ แต่ถ้าไม่มีก็ยังหวังว่าอย่างน้อยอาจจะมีหมาสัปดนมาเยี่ยวรดใส่ ให้งอกได้ ตอนนี้ผมเหมือนตกก้นเหว ดินทรายใบไม้ใบหญ้าหล่นทับถม พยายามปีนป่ายต้นไม้เก่าๆ ไม่ทันถึงปากเหว ต้นไม้มันผุก็หัก  ผมหวังว่าจะมีต้นไม้สดๆ งอกจากก้นเหว เราถึงจะมีโอกาสปีนป่ายขึ้นไปสู่ปากเหวได้ แต่นั่นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เป็นเพียงแค่ความหวัง” สุชิน กล่าวอย่างมีสำบัดสำนวน

          ผู้สื่อข่าว คมชัดลึก ถามว่า ในอดีตที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ไม่มีเงินสะสมไว้เพื่อดูแลตัวเองบ้างเลยหรือ สุชินกล่าวอย่างหนักแน่น 

          “ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันที่เป็นอย่างนี้ โทษใครไม่ได้ ผมผิดเอง ยอมรับเอง   เราทำตัวของเราเอง  ยอมรับว่า 4-5 ปีที่ผ่านมา ผมลำบากที่สุด  สมบัติที่มี รถ ทอง ผมขายหมด เพราะไม่งั้นไม่มีให้ลูกไปโรงเรียน  แต่แม้ว่า ผมไม่มีกิน พยัพ คำพันธุ์ ให้พระกรอบทองมา ผมไม่ขาย นึกถึงบุญคุณของท่าน ค่าน้ำใจ แต่ต้องขอบคุณน้องคู่หนึ่งให้พระมเหศวรมา พระยังอยู่ แต่กรอบทองไปขายให้ค่ารักษาตัวในโรงพยาบาลแล้ว”

ช็อก! \"ชิน อีกแล้วครับท่าน\" โรครุมหนี้ท่วมทำใจติดคุก

        นอกจากปัญหาสุขภาพที่รุมเร้า ยังมีปัญหาหนักที่กำลังเผชิญอยู่ ที่อาจจะเปลี่ยนชีวิตของเขาให้เข้าไปอยู่ในคุก

         "ตอนนี้ ผมถูกบริษัทคู่ค้า ซึ่งผลิตแผ่นซีดี ฟ้องผมในคดีเช็ค ซึ่งเป็นช่วงที่ผมเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท โฟร์เอส สตูดิโอ จำกัด จำได้ว่า ในระยะเวลา 10-20 ปี ผมจ่ายเช็คไป ไม่ต่ำกว่า 200 ล้าน  แต่ตอนนี้โดนฟ้อง เกือบ 7 แสนบาท ผมไม่โกรธเลย ด้วยใจอันแท้จริง เขาก็ยืดหยุ่นให้ตลอด เขาดีมาก แต่ภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ไม่มีโอกาสชำระเงินตามที่บันทึกถ้อยคำตกลงกับศาล  เมื่อ  14 มิถุนายน ที่ผ่านมา ศาลได้มีหมายไปติดไว้ที่ภูมิลำเนา แต่ผมอยู่ในช่วงป่วย ไม่เคยไปที่บ้านเดิมเลย ไม่รู้เรื่อง ตอนนี้เท่ากับว่า ผมหนีศาล ศาลจึงอ่านคำพิพากษา และมีหมายจับ ฝ่ายทนายโจทย์ ขอให้ไปตกลงกันวันอังคารที่ 9 สิงหาคมนี้ เวลา 09.00 น. ที่ศาลนนทบุรี ผมต้องมีเงินไปจ่ายให้ครบจึงจะรอดจากคุกได้ ด้วยภาวะที่จำยอมในปัจจุบัน ผมมาคิดว่า ถ้ามีเงิน 7  แสน ครอบครัวจะใช้ได้ทั้งปี ค่าผ่อนบ้าน สาธารณูโภค ค่าใช้จ่ายประจำวัน ค่าเล่าเรียนลูกๆ ผมมาคิดดู ผมห่วงลูก กำลังคิดว่า ผมอยากจะติดคุกใช้หนี้ ความคิดตรงนี้เถียงกันมาสิบกว่าวันแล้วทั้งน้องๆ หลานๆ ที่ดูแลผมอยู่  เขาห่วงว่า ถ้าติดคุกคงตายในคุก เพราะมีโรค 3 โรค และห่วงความรู้สึกจิตใจลูกสาวลูกชาย เขาจะอยู่อย่างไร แม่ของเขาก็ไปอยู่ที่อื่นแล้ว แล้วพ่อจะต้องไปอยู่ในคุก แต่ผมก็ยังยืนยันว่า จะติดคุก เอาเงินให้ลูกดูแลครอบครัว ดูแลบ้าน”

        เมื่อถามถึงในส่วนของเพื่อนพ้อง และบริวารที่เคยมีนับร้อยคนในช่วงที่รุ่งเรือง สุชินกล่าวอย่างปลงตกว่า

          “ผมเข้าใจตัวเองผิดหมด ไม่เข้าใจตัวตนที่แท้จริงว่า ตัวตนเป็นใคร เงินทองมีมากมาย ใครเดือดร้อนมาขอก็ให้ นึกจะจ่ายอะไรก็จ่าย จะใช้ก็ใช้ กินอะไรก็กิน จะเล่นอะไรก็เล่นคิดอย่างเดียวว่า ตัวเองดัง เก่งมีความสามารถ หมดวันนี้ พรุ่งนี้ก็หาได้ ไม่ได้พิจารณาตรึกตรองว่า โอกาสข้างหน้า เศรษฐกิจมันตกต่ำ ธุรกิจไปไม่ได้ ตัวเองจะช่วยตัวไม่ได้  เท่าที่ผ่านมาบ้านผมคนไม่ขาด โทรศัพท์ไม่ขาด ผมเข้าใจผิดว่า เขารักและศรัทธาผม แต่เขามาตามกระแส ผมช่วยอะไรใครได้ ผมจะช่วยเต็มที่ ทั้งกำลังทรัพย์ กำลังกาย กำลังสมอง ยกตัวอย่างว่า พ่อตาเขาตาย แม่ยายเจ็บ น้องเมียติดคุก งานแต่ง งานบวช โกนจุก ผมไฟ ขึ้นบ้านใหม่ หรือตี1 ตี2 โทรมาร้องห่มร้องไห้ว่า ลูกชายโดนจับ ดึกดื่นค่อนสว่างอย่างไร ผมไปช่วยได้ผมไปทันที เรื่องเหล่านี้ คนที่เคยคบกับผมมา ทราบดี แต่ที่ผ่านมา 4-5 ปีมานี้ ปีใหม่ที สงกรานต์ที ผมไม่เคยได้รับโทรศัพท์อวยพรจากใคร หรือได้รับความกรุณาจากเพื่อนพ้องน้องพี่ ส้มสักลูกก็ไม่เคยได้กิน ผมไม่โกรธใคร และไม่เคยโทรไปรบกวนเขา ธุรกิจผมเริ่มล้มตั้งแต่ต้นปี 2556 แผ่นซีดี วีซีดี มันขายไม่ได้แล้ว ทุกวันมีขายได้ก๊อกๆ แก๊กๆ แค่ประคองชีวิตอยู่ไปวันๆและ มีหลานชายหลานสาว ที่ผมส่งเรียน และมีลูกสาวลูกชายที่กำลังเรียนอยู่ซึ่งเป็นกำลังใจที่ดีที่สุด”

ช็อก! \"ชิน อีกแล้วครับท่าน\" โรครุมหนี้ท่วมทำใจติดคุก

         เป็นที่ทราบกันดีในวงการว่า สุชิน อีกแล้วครับเป็นคนชอบทำบุญตัวยง เจ้าตัว กล่าวกล่าวทิ้งท้ายกับผู้สื่อข่าวอย่างน่าคิดว่า

        “ผมเป็นคนของสาธารณชน คนศรัทธาผม  ผมเคยทำบุญให้วัดสระแก้ว อ่างทอง มานับสิบปีทุกเดือน เดือนละ 2 หมื่น และทำทานอีกมากมาย ในฐานะชาวพุทธ บาปส่วนปาป บุญส่วนบุญ หักลบกันไม่ได้ ผมก็ไม่รู้ว่า ผมตกวิบากกรรมอะไร บ้านนี้ เมืองนี้ ชื่อประเทศไทย ถ้าคนในประเทศนี้ทำผิดแล้วยอมรับผิด ทำถูกแล้วยอมรับว่าถูก บ้านนี้เมืองนี้จะไม่การแตกแยก มีแต่ความปรองดอง   ในกรณีที่คู่ค้าที่ฟ้องร้องผม เพราะผมยอมรับผิด  ถ้าผมจะติดคุกใช้หนี้ ขอฝากเป็นอุทาหรณ์ สอนใจน้องๆ พี่ๆ หลานๆ ถ้ามีเงินอย่างผมในอดีต ควรเก็บเงินให้ดีที่สุด ใช้ที่ควรใช้ คิดก่อนใช้ แล้วครอบครัวจะไม่ลำบากตกเหวเหมือนผม ชีวิตคนเราหนีไม่พ้น เกิดขึ้น ตั้ง แตกดับ เป็นสัจธรรมความจริงบนโลกนี้”ชินโฟร์เอสกล่าว