‘นาคี’ แรง! ‘อ๊อฟ’ เผย ‘ตำนาน-ซีจี-นักแสดง’ รวมพลังทำเรตติ้ง
“อ๊อฟ” พงษ์พัฒน์ ขอบคุณกระแสชื่นชม “นาคี” แรง เผยหมดเปลือกกว่าจะมาเป็นซีจีในละคร
กระแสความแรงของละครเรื่อง “นาคี” นำแสดงโดย “แต้ว” ณฐพร เตมีรักษ์ และ “เคน” ภูภูมิ พงษ์ภาณุ แห่งค่าย “แอคอาร์ต เจเนเรชั่น จำกัด” ของผู้จัดมากฝีมือ “แดง” ธัญญา กำกับการแสดงโดย “อ๊อฟ” พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ที่ออกอากาศทาง “ช่อง 3” กำลังพุ่งทะยานไปไม่หยุด ถือเป็นละครที่เปิดตัวด้วยเรตติ้งแรงที่สุดของช่อง 3 ในรอบปีนี้
แต้ว - ณฐพร (ภาพจากละคร นาคี)
หลังจากออกอากาศไปเพียง 2 ตอน โดยตอนแรก (26 ก.ย.) ทำเรตติ้งเฉลี่ยทั่วประเทศได้ 5.9 ตอนที่ 2 (27 ก.ย.) ทำเรตติ้งเฉลี่ยทั่วประเทศสูงถึง 7.9 เฉพาะในกรุงเทพฯ 10.9 เรียกว่า เปิดตัวไปได้อย่างสวยงาม
ไม่นับกระแสในโลกโซเชียลมีเดีย ที่ถาโถมเข้ามาชื่นชมทั้งเนื้อเรื่องที่เข้มข้น การพูดภาษาอีสานของนักแสดง และภาพซีจีประกอบเรื่องว่า ดีสมมาตรฐานละครค่ายดัง แม้จะมีเสียงติในเรื่องซีจีไปบ้างเล็กน้อย แต่โดยรวมกล่าวว่า ไม่เสียดายที่แฟนๆ รอคอย
ผู้สื่อข่าว “บันเทิง คมชัดลึก” ได้ต่อสายตรงไปสอบถามถึงกระแสดังกล่าวกับ “อ๊อฟ” พงษ์พัฒน์ ผู้กำกับมากฝีมือ ได้รับคำตอบว่า ผลตอบรับของละครดีมาก
อ๊อฟ - พงษ์พัฒน์
"ผลตอบรับถือว่าดีมาก ผมต้องขอบคุณคนดูทุกคนจริงๆ กระแสดีมากและอยากให้มากยิ่งขึ้น เพราะว่าเราทำเรื่องราวความรักที่เกี่ยวข้องกับพญานาค ซึ่งเป็นความเชื่อของคนอีสาน ขอบคุณช่อง 3 ขอบคุณทีมงานทุกฝ่าย ขอบคุณดารา ขอบคุณทีมซีจี ที่ตั้งใจทำงาน งานแบบนี้ไม่สามารถทำคนเดียวได้ สิ่งหนึ่งที่มีนอกเหนือจากความสามารถของเรา คือละครเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกๆ ของเรา ที่มีซีจีเป็นหลัก ความยากของเรื่องนี้คือการสร้างสิ่งที่ไม่มีชีวิต ให้มีชีวิตขึ้นมา ทุกอย่างต้องเขียนผ่านโปรแกรมทั้งหมด
หลายคนอาจจะมองว่า ซีจีตรงนี้เหมือน หรือ ตรงนี้ไม่เหมือน แต่ผมอยากจะใช้คำว่า จริงๆ ทีมซีจีบ้านเราเก่งมากนะ เมื่อเทียบกับเม็ดเงินที่เขาได้ไปจากการทำงานตรงนี้ หลายคนอาจจะพูดว่า ฝรั่งทำเหมือนกว่า แต่ฝรั่งได้เงินไปเท่าไหร่ ที่สำคัญทุนของเขาสูงมาก ส่วนของเรามีทุนจำกัด บริษัทที่ทำซีจีของฝรั่งต่อภาพยนตร์หรือซีรีส์ 1 เรื่อง บางครั้งเขาใช้หนึ่งบริษัททำแค่ 1 ฉาก และใช้อีกบริษัทเพื่อทำฉากอื่น เขาไม่ได้ทำเยอะ แต่ค่าตอบแทนของเขาสูงมาก ในขณะที่บ้านเรา มีทุนน้อยกว่าเขา แต่ทำได้เท่านี้ ผมถึงบอกว่า ทีมซีจีบ้านเราเก่งมากๆ และผมขอบคุณเขามาก" ผู้กำกับชื่อดังกล่าว
ผู้สื่อข่าว “บันเทิง คมชัดลึก” ถามต่อว่า เรื่องซีจีในละครที่เพียงแค่ยิงทีเซอร์ออกไปก็มีเสียงติติงจากโซเชียล เห็นว่าทางผู้กำกับชื่อดัง เรียกทีมงานมาปรับแก้ทันที อ๊อฟกล่าวว่า ส่วนตัวเป็นคนชอบคำติ เพราะคำติ สามารถเอามาใช้ได้
ภาพ งูพญานาคี ในละคร
“ผมเป็นคนที่ชอบคำติติงนะ เพราะคำติเราสามารถเอามาปรับใช้ได้ คำชมบางครั้งเอามาปรับใช้ไม่ค่อยได้ แต่ใช้เป็นกำลังใจได้ แต่ทั้งนี้เราต้องพิจารณาก่อนนะว่าสิ่งที่เขาติใช่หรือเปล่า ถ้าใช่เราแค่แก้ไขเท่านั้นเอง ไม่ได้เสียหายอะไร ต้องขอบคุณเขาด้วยซ้ำ พอเราฟังคำติ เราแค่หันมาถามทีมงานกันว่า สิ่งที่เขาติมาจริงมั้ย ทีมงานก็ให้ข้อเสนอว่า ลองปรับให้เป็นแบบนั้น แบบนี้ดูมั้ย ทำให้เราหันมาคุยกันอีกที ซึ่งทั้งหมดเริ่มจากสิ่งที่เขาติติงมา เรียกว่าคนดู เขาดูแลเราในเรื่องนี้ ส่วนซีจีในฉากต่อๆ ไป จะยากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เรามีงูเขียว 2 ตัว แต่วันต่อๆ ไปเราจะมีนางพญานาคี เดี๋ยวจะต้องมีฉากเมืองถล่ม เมืองพัง น้ำท่วม น้ำลด แต่ทั้งหมดคือการเล่าเรื่องในละคร ส่วนงานตัดต่อตอนนี้มันเดินไปข้างหน้าอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ช้าอยู่ทุกวันนี้ คือเรื่องการปรับปรุงสเปเชียลเอฟเฟกท์ให้ดีและเนียนขึ้น ซึ่งเราต้องทำในเวลาที่จำกัด ช่องให้เวลาเท่าไหร่ เราปรับปรุงกันจนวินาทีสุดท้ายเลย” อ๊อฟกล่าว
นอกจากนี้ผู้กำกับมากฝีมือยังเล่าต่อว่าตัว “งูเขียว” ที่หลายคนชมว่า “น่ารัก” คืองานดีไซน์ใหม่ขึ้นมาทั้งหมด
งูเขียวในละคร
“งานชิ้นนี้เป็นงานดีไซน์ เราดีไซน์งูเขียวขึ้นมาให้เป็นแบบนี้ งูเขียวที่เห็นจะไม่ใช่งูเขียวจริงๆ มีการเติมหงอนนิดๆ เติมเกร็ดหน่อยๆ งูใหญ่เป็นอีกแบบหนึ่ง งูพญานาคให้เป็นแบบที่เห็นกัน หรือแม้กระทั่งตัว “เปรตงู” เราก็ดีไซน์ขึ้นมาเอง ทุกอย่างเป็นงานจินตนาการ เราคิดออกมาใหม่หมด มีการเติมแต่งขึ้นมา (งูนางพญานาคี ตัวสีขาวเหมือนงูเผือก มีหงอนก็ไม่ใช่งูจริง) ถูกต้อง เป็นงูที่เราทำขึ้นมาใหม่หมดเลย เขียนขึ้นมาเป็น ทรีดี (3D)หมดเลย” อ๊อฟอธิบาย
ภาพ งูเผือก หรือ งูพญานาคี ที่ชาวบ้านนับถือในละคร
ถามต่อถึงเรื่องการพูด ภาษาอีสาน ของนักแสดงในเรื่อง เห็นว่านักแสดงส่วนใหญ่ ไม่ใช่คนอีสาน แต่ต้องมีการฝึกพูดกันใหม่ทั้งหมด เพื่อความสมจริงมากที่สุด
"ต้องขอบคุณความวิริยะอุตสาหะของนักแสดง สิ่งหนึ่งที่ยากของนักแสดงคือการเข้าไปเป็นตัวละคร แต่สิ่งที่ยากกว่าในเรื่องนี้ คือเรื่องสำเนียงภาษาอีสานบอกได้เลยว่า ยังไงก็ไม่มีทางเหมือนร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เราพยายามทำให้ใกล้เคียงมากที่สุด แต่สิ่งหนึ่งที่คนดูจะเห็นคือเรื่องของความพยายามของนักแสดง ต้องใช้คำว่า “ท่อง” เลยนะ เขาไปเลียนแบบสำเนียง ฟังตัวโน๊ตของเสียงที่พูด เพื่อแกะสำเนียงให้เหมือนมากที่สุด เขามุมานะ วิริยะ อุสาหะ ไปกับเรา แล้วทำให้ชิ้นงานออกมาสวยงามได้ ส่วนสิ่งที่เป็นผลพวงจากละครก็คือ ความน่ารักของคนดู บางครั้งเราจะเห็นคนอีสาน แปลภาษาอีสานให้เพื่อนๆ ฟัง นอกจากคนจะได้ดูละครหนึ่งเรื่องที่เขาคิดว่าสนุกตามรสนิยมของเขาแล้ว เรายังได้เห็นความน่ารักตรงนี้ด้วย ดูไป แปลไป ผมว่าน่ารักดี (มีครูมาสอนภาษาอีสานในกองด้วย) ใช่ เรามีครูมาแปลภาษาอีสานโดยเฉพาะ เพื่อแปลบทที่เป็นภาษากลาง ให้เป็นภาษาอีสาน พูดออกเสียงแล้วอัดใส่ที่อัดเสียง ส่งให้นักแสดงแต่ละคนฟัง แล้วท่องจำสำเนียงจนคุ้นหู ก่อนจะเอามาพูดในฉากที่ต้องแสดง ส่วนนักแสดงบางท่าน ที่เป็นคนอีสานอยู่แล้วจะง่ายหน่อย" ผู้กำกับมากฝีมือกล่าว
เคน ภูภูมิ - แต้ว ณฐพร (ภาพจากละคร นาคี)
ส่วนเกร็ดความเชื่อเรื่อง “พญานาค” ของชาวอีสาน ตามความเข้าใจของผู้กำกับมากฝีมือได้บอกกับ “บันเทิง คมชัดลึก” ว่า พญานาค เป็นเรื่องตามความเชื่อของชาวพุทธ
"เราเป็นชาวพุทธ ตามพระไตรปิฎกจะมีสวรรค์ชั้นต่างๆ สวรรค์ชั้นหนึ่งก็คือ สวรรค์ชั้น "จาตุมหาราชิกา" เทพทั้งหลายที่อยู่ในสวรรค์ชั้น จาตุมหาราชิกา จะมี ครุฑ นาค กินร กินรี สรรพสัตว์ทั้งหลายที่อยู่ในป่าหิมพานต์ และ “พญานาค” คือหนึ่งในเทพที่อยู่บนสวรรค์ชั้นนี้ เป็นความเชื่อตามพระไตรปิฎกอยู่แล้วว่ามีอยู่จริงตามที่เราเห็นแบบนี้ ถ้าหากว่าเราเป็นชาวพุทธ และเราเชื่อในพระไตรปิฎก คงไม่ยากที่เราจะกราบไหว้บูชา
เคน ภูภูมิ - แต้ว ณฐพร (ภาพจากละคร นาคี)
ส่วนตัวผมเวลาที่สวดมนต์หรืออุทิศส่วนกุศล เราจะระลึกถึง อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ คนธรรพ์ นาคา พระเพลิง พระพาย พระพิรุณ อยู่แล้ว อุทิศส่วนกุศลให้เทพในสวรรค์ชั้นต่างๆ อันนี้คือสิ่งที่เราท่องอยู่ทุกวัน เราอุทิศส่วนกุศลให้คนที่เราระลึกถึง เพราะท่านปกป้อง คุ้มครองเรา หนึ่งในนั้นมีคำว่า “นาคา” คือ “พญานาค” เป็นความเชื่อที่มีมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์และสืบทอดต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะคนอีสานจะนับถือเรื่องพญานาคมาก
เราไม่ได้สร้างละครเพื่อให้เกิดความงมงายหรืออะไรทั้งสิ้น ละครคือสิ่งบันเทิง ที่สร้างเพื่อความสนุกสนาน เป็นอรรถรสที่เราปรุงแต่งเข้าไป แต่สิ่งหนึ่งที่มีในละครเรื่องนี้ คือการเชิดชูความรักของพญานาคที่มีต่อมนุษย์ เราไม่ได้พูดถึงอะไรที่ลบหลู่เลย" อ๊อฟเล่า
นอกจากกระแสชื่นชมแล้ว ยังมีเหล่านักแสดงเด็กอย่าง “น้องไข่มุก” ด.ญ.ชนัญญา เลิศวัฒนามงคล “น้องแพรว” ด.ญ.ดวงกมล ศรีหนองหว้า “น้องขวัญข้าว” ด.ญ.กชพร ภู่อร่าม และ “น้องมิ้นท์” ด.ญ.ปาริดา กิจนิธิประมวล ถูกพูดถึงในโซเชียลเป็นอย่างมาก “อ๊อฟ” พงษ์พัฒน์ กล่าวว่า ไม่คาดคิดมากก่อนเหมือนกัน
ไข่มุก - ขวัญข้าว - แพรว - มิ้นท์
“ผมยังงงเลย คือนักแสดงเด็กแต่ละคนไม่ใช่เด็กอีสาน ตอนแรกผมคิดว่าเขาจะแคสเด็กอีสานมาเล่น ปรากฏว่าไม่ใช่ ผมก็รู้สึกว่าเด็กๆ เก่งกันมากนะ ท่องจำบทกัน น่ารักดี ถือเป็นเสน่ห์ และบรรยายกาศที่น่ารักในกองถ่าย ขอบคุณทุกคนที่สนใจและใส่ใจ"
ทั้งนี้ผู้กำกับชื่อดัง กล่าวกับ "บันเทิง คมชัดลึก" ต่อว่า การทำงานอาจจะมีบางอย่างผิดพลาด สามารถติติงเข้ามาได้ แต่ทั้งหมดอยู่บนพื้นฐานของความตั้งใจดี
"เราทำงาน บางอย่างอาจจะมีผิดพลาดบ้าง สามารถติติงกันเข้ามาได้เลย เราต้องยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น มันไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์เสียทีเดียว โดยเฉพาะเรื่องของความเชื่อ และขนบธรรมเนียมประเพณี ซึ่งเราสามารถทำให้ดีที่สุดโดยการเอาผู้มีความรู้ มาอยู่กับเราในกองถ่าย เพื่อสอบถาม และถ่ายทอดออกไป แต่บางครั้งผู้รู้ของเรา อาจจะไม่ได้รู้ทั้งหมด หรือบางครั้งมันอาจจะมีหลายความเชื่อ หลายเผ่าพันธุ์ อย่างภาษาอีสาน มีอีสานเหนือ อีสานใต้ สำเนียงที่พูดก็ไม่เหมือนกัน ขนบธรรมเนียบบางอย่างก็ไม่เหมือนกัน บางทีเราหยิบตรงนี้มาเล่า อาจจะไปขัดกับอีกฝั่งหนึ่ง และเราพยายามหาตรงกลาง ซึ่งตรงกลางที่เราพยายามหา ก็อาจจะมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นมาได้ แต่จงเชื่อเถอะว่าทีมงานของเรา พยายามจะทำตามขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม อยู่แล้ว แต่ข้อผิดพลาดอาจเกิดขึ้นได้ เพราะไม่มีอะไรถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์” ผู้กำกับชื่อดังเล่า
นักแสดงจากละคร นาคี
ผู้สื่อข่าว "บันเทิง คมชัดลึก" ถามต่อว่า “นาคี” ทำเรตติ้งแรงที่สุดในการเปิดตัวละครช่อง 3 ในปีนี้ และถูกพูดถึงมากมายในโลกโซเชียลว่า เป็นการกลับมากู้เรตติ้งให้ช่อง ผู้กำกับมากฝีมือเล่าว่า ช่อง 3 มีละครหลากหลาย และหลายครั้ง “คุณค่า” ของละครบางเรื่องสำคัญมากกว่าเรตติ้ง
“ช่อง 3 เป็นช่องที่มีละครน่าสนใจและน่าติดตาม เพียงแต่การหยิบละครแต่ละเรื่องมาทำไม่เหมือนกัน เชื่อเถอะว่าละครบางเรื่องใครทำ หรือช่องไหนทำ มันก็ได้เท่านี้ เพราะจะมีเรตของมันอยู่ บางครั้งช่อง 3 อาจจะทำละครที่ไม่ได้หวังเรตติ้งอะไรเลย แต่สิ่งที่ละครบางเรื่องรังสรรค์บางอย่างให้กับสังคมที่ช่อง 3 ทำ เหมือน “วัยแสบสาแหรกขาด” ไม่ได้มีเรตติ้งสูงลิ่ว แต่สิ่งที่สังคมได้รับคืออะไร เรามองข้ามไม่ได้ หรือแม้แต่เรื่อง "ดวงใจพิสุทธิ์" ดีมากๆ สิ่งที่เราได้มากกว่าเรตติ้งคืออะไร ถ้าถามผมคือช่อง 3 มีอะไรที่หลากหลาย และเป็นนโยบายของช่อง เรตติ้ง ใครๆ ก็อยากได้ แต่บางอย่างเราต้องให้คืนกลับไปแก่สังคมด้วย ถามว่าผมคือคนที่มากู้เรตติ้งหรือเปล่า ผมไม่ใช่คนมากู้เรตติ้ง แต่ต้องบอกว่า เราแบ่งแยกหน้าที่กันทำงาน มันเป็นนโยบายของช่องอยู่แล้ว” อ๊อฟกล่าวสรุป