‘หมอก้อง’สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ แรงจูงใจสำคัญเปลี่ยนชีวิต | คมชัดลึก

    จะมีสักกี่คนที่กล้ายอมรับว่า ตัวเองเคยเป็นคน “เลว” เหตุการณ์สำคัญ ในชีวิตของข้าราชการ “แพทย์ทหาร” และในฐานะนักแสดงของ “หมอก้อง” สรวิชญ์ สุบุญ ทำให้เขาเจอกับสถานการณ์ที่เป็น “จุดเปลี่ยน” ทางความคิดครั้งสำคัญ “ความละอายใจ” ทำให้เขาอยากจะเป็น “คนดี” ขึ้นกว่าเดิม
    หลายคนเคยฟังหลากเรื่องราวจากปาก “ข้าราชการ” หนุ่ม แต่ในวันนี้ สิ่งที่เขาจะบอกเล่า มีความรู้สึกตราตรึงปะปนคละเคล้า เขาบอกว่า ขอใช้แรงจูงใจที่เคยได้รับ มาเป็นวิทยาทาน ด้วยความตั้งใจว่า อยากจะทำดีให้ได้สักเศษเสี้ยวหนึ่ง ในล้านของ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช”

 

   คำสอน ที่เรียนรู้จาก “พ่อของแผ่นดิน” ของหมอก้อง
    จริงๆ คำสอน ของพระองค์ท่าน คือการกระทำ และความรู้สึกมากกว่า เราเห็นในสิ่งที่ท่านทำมาตลอด พระองค์ท่านไม่เคยบอกว่า สิ่งที่ท่านทำ หรือสิ่งที่ท่านสอน คือสิ่งที่ดี หรือถูกต้อง ท่านไม่เคยบอกว่า ท่านดี หรือเหนื่อยแค่ไหน แต่สิ่งที่ท่านทำมาตลอด ได้พิสูจน์ด้วยการกระทำว่า ประเสริฐที่สุด และเป็นแนวทางที่ดีมากๆ สำหรับพวกเราที่จะเดินตาม อะไรที่จะยึดเป็นหลักได้ดีที่สุดเลย คือเรื่องของคำว่า “พอเพียง” เพราะพอเราเติบโตขึ้นมา เราผ่านประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น เราได้ย้อนกลับไปทบทวนในประสบการณ์ที่ท่านสอน ทำให้เราลดความโลภ ความกระหาย อยากได้ อยากมี อยากเป็น ลงไปเยอะมาก
    หนทาง ซึ่งเรากำลังจะเดินไป ไม่ง่าย และไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เมื่อมั่นใจว่า เราได้เดินไปในหนทางถูกต้องแล้ว เราต้องอดทน และกระทำทุกวันให้ดี ผมตั้งเป้ากับตัวเองไว้ว่า ถ้ามีงานการกุศลเพื่อเป็นวิทยาทานโดยการทำหน้าที่เป็นวิทยากร แนะนำ ให้ข้อคิด ผมจะทำ ถ้าผมไม่ได้ติดปัญหาอะไร ผมจะไปไม่ว่าไกลแค่ไหนผมก็จะไปทำ
    หมอก้อง ไปเป็นวิทยากร พูดเรื่องอะไรบ้าง
    หนึ่งคือเรื่องของการทำงาน และธรรมะเกี่ยวกับการทำงาน ซึ่งผมแปลกใจเหมือนกันว่าทำไมถึงได้หัวข้อนี้ และได้บ่อยมาก (หัวเราะ) และมีเรื่องเกี่ยวกับพระองค์ท่านด้วย ซึ่งในส่วนของพระองค์ท่าน ผมจะบอกกับเจ้าของงาน โดยส่วนใหญ่จะเป็นระดับอาจารย์ว่า ส่วนผมไม่ได้ใกล้ชิดกับพระองค์ท่านเลยนะ และไม่เคยได้เห็นพระองค์ท่านตัวจริง แต่ว่าถ้าให้พูดถึงเรื่องความเปลี่ยนแปลงในความคิด ของเราสิ่งที่เห็นจากพระองค์ท่าน มาพูดเป็นแรงจูงใจให้แก่คนอื่น เรื่องแบบนี้ผมสามารถทำได้

 

       แรงจูงใจจากพระองค์ท่านคืออะไร
       มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมได้พูดไปแล้ว ในหลายที่เหมือนกันว่า ผมเคยไปออกหน่วยแพทย์ ที่ จ.เพชรบุรี ซึ่งต้องออกตัวก่อนว่า มันเป็นหน้าที่ ตอนนั้นผมไม่ได้มีจิตอาสาหรืออะไรเลย เดี๋ยวจะเข้าใจผิดว่า ผมเป็นจิตอาสา (หัวเราะ) แต่ด้วยหน้าที่ของเราคือต้องไป ตอนที่ไป ผมเลือกไปก่อนคนอื่นอีก เพราะว่าไม่อยากจะโดนไปในที่ไกลกว่านั้น แต่พอไปถึงปรากฏว่า ผิดคาด เพราะมันไม่ได้สบาย และเหนื่อย ผมเลยบ่นตลอดทางที่เดินไป แต่ถือว่า เป็นความโชคดีของผม เพราะมีพี่เจ้าหน้าที่ในจ.เพชรบุรี เขาบอกผมว่า ทางที่เรามาถือว่าสบายแล้ว ทางดีกว่าสมัยก่อนมาก ลองคิดย้อนกลับไปเมื่อ 20-30 ปี ก่อนสิ ว่าจะเป็นอย่างไร แต่ในสมัยนั้น มีคนคนหนึ่งที่เดินนำพวกเขาเลย ทั้งๆ ที่ ไม่ใช่คนในพื้นที่ แต่เดินเร็วกว่าพวกเขาอีก โดยไม่มีบ่นสักคำ
    ผมถามว่าใคร เขาบอกว่าคือ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” พอผมได้ยิน ความรู้สึกคือ ช็อตและตื้อไปเลย เกิดคำถามและหาเหตุผลว่า ท่านทำอย่างนี้จริงหรือ ซึ่งมันจริง เพราะเมื่อเรามองย้อนกลับไปสมัยเด็กๆ เราเห็นท่านทำอย่างนี้ ในภาพข่าวทุกวัน ซึ่งบางที่ลำบาก และกันดารหนักกว่านี้อีก ท่านจะเหนื่อยขนาดไหน ผมเลยคิดได้ว่า ที่ท่านทำเพราะรักประชาชน เป็นห่วงประชน แต่ตัวเราน่าอายมาก เวลามีใครถาม เราก็บอกว่า “รักในหลวง” ไม่ต้องมีใครถามเราก็บอกว่ารักท่าน แต่การกระทำสวนทางกันหมดเลย ผมรู้สึกว่าตัวเองน่าอาย แล้วยังจะไปมีหน้าบอกว่า “รักท่าน” ถ้าท่านรู้ว่าเราเป็นแบบนี้ ท่านคงเสียใจมาก ตั้งแต่วันนั้น ผมตั้งใจใหม่ เพราะเราเป็น “ข้าราชการ” ด้วย
    ในความเป็นจริง ต้องยอมรับว่า หน่วยงานที่ผมทำ ถือว่าสบายกว่าส่วนอื่นมากแล้ว ผมไม่ต้องเข้าเวรดึก ไม่มีคนไข้แอดมิท เพราะผมอยู่สำนักแพทย์ ไม่ได้อยู่โรงพยาบาล ตารางเวร สามารถจัดก่อนล่วงหน้าได้ ถ้ามีเหตุจำเป็น ยังมีคนช่วยเราได้ในการขอแลกเวร เพราะฉะนั้นเรา “ห้ามโดดเวร” อีก ต้องให้ความใส่ใจ    ในความทำงาน และใส่ใจในการตรวจกับคนไข้มากขึ้น และต้องใส่ใจตลอดเวลา เหตุการณ์นั้นเป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้หัวใจผมเปลี่ยน ผมโชคดีที่ได้เจอกับเรื่องนั้น ที่ทำให้ผมเป็น “คนเลวน้อยลง”

 

    หลังจากนั้น หมอก้อง ใช้ชีวิตอย่างไร
    หลังจากนั้น ถามว่า สิ่งไหนชัดเจนที่สุดในพระองค์ท่าน ซึ่งผมอยากจะเป็นให้ได้ในเศษหนึ่งส่วนล้านของพระองค์ คือเรื่อง “ความเมตตา” เมตตาแปลว่า “ความรัก” ท่านรักทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่มีใครน้อยหรือมากกว่ากัน ท่านไม่เกลียดใครเลย ไม่มีไม่พึงพอใจใคร มีแต่ความรัก ที่อยากจะช่วยเหลือทุกคนให้มีความสุขมากที่สุด ผมเลยอยากจะทำให้ได้เหมือนท่านสักเศษเสี้ยวหนึ่ง
    ตอนนี้คนไทยกำลังเสียใจและทุกข์มาก อยากบอกอะไรให้คนไทยผ่านช่วงนี้ไปได้ดีที่สุด
    เราจะผ่านกันไปได้ เพราะเราไม่ได้รักแค่ “ร่างกาย” ของพระองค์ท่าน แต่เรารัก “ความดี” ของพระองค์ท่าน เรารักใน “ธรรมะ” ประจำตัวของพระองค์ท่าน เพราะฉะนั้นร่างกายที่สูญสลาย ผุพัง ไปตามกาลเวลา จึงเป็นเพียงแค่ร่างกาย แต่จิตของท่าน ยังคงสว่างไสวอยู่ในใจเรา ความดีที่ท่านทำ ยังคงสว่างไสวอยู่ในใจเรา (เสียงเครือ) เราหลับตาลง เรายังเห็นพระองค์ท่าน ยังสัมผัสได้ถึงความรักที่ท่านมีให้ สัมผัสได้ถึงความดีที่ท่านมี เพราะฉะนั้นพระองค์ท่านไม่ได้ไปไหน ผมเชื่อมั่นว่า ถ้าพระองค์ท่าน สามารถกลับมาบอกกับทุกคนได้ ท่านคงอยากบอกว่า อย่าไปยึดติดกับร่างกายของท่านเลย ขอให้เอาสิ่งที่ท่านสอนไว้ มาปฏิบัติตาม นั่นเท่ากับว่า ได้ทำเพื่อพระองค์ท่านแล้ว ความรักที่เราสามารถตอบแทนท่านได้ดีที่สุด คือการทำดี และทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ไม่ทำให้เกิดความลำบาก เดือดร้อนในสังคม คือสิ่งดีที่สุดในฐานะประชาชนคนหนึ่ง
 

 

    ในช่วงเวลาเปราะบาง หมอก้อง คิดว่าคนไทยควรจะมีวิธีคิดอย่างไร
    ผมเกิดมา 30 กว่าปี เพิ่งเจอกับเหตุการณ์นี้เหมือนกัน ตอนนี้เหมือนทุกคนกำลังอึ้งอยู่ ต้องยอมรับว่า เราสูญเสียบุคคลที่เรารักที่สุดไป พอเราสูญเสียคนที่เรารักมากไป (เสียงสั่น) เลยทำให้มีอาการเคว้งคว้าง แต่อย่างที่บอกว่า พอหลับตาลง เรายังเห็นพระองค์ท่าน เรายังเป็นคนไทย ผมเกิดในแผ่นดินรัชกาลที่ 9 ผมต้องเป็นลูกที่แข็งแกร่ง เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดเหตุอะไรก็ตาม พวกเราต้องผ่านไปได้ ความรู้สึกของเราเคว้ง เพราะเราขาดเสาหลักเดิมที่เราสูญเสียไป แต่อีกไม่นานจะมีเสาหลักใหม่ขึ้นมา เป็นศูนย์รวมจิตใจ ผมเชื่ออย่างนั้น
    รักใน “ความดี” และ ธรรมะของ “พ่อ”