ชีวิตวันนี้ของ ‘พีค’ ภัทรศยา
วันนี้ "พีค” ภัทรศยา เครือสุวรรณศิริ จะเปิดใจทุกเรื่องราวกับ "บันเทิงคมชัดลึก"
ประเดิมละครเรื่องแรกกับทางช่อง 7 สี ในเรื่อง “โซ่เสน่หา” ซึ่งเรื่องนี้ “พีค” ภัทรศยา เครือสุวรรณศิริ ได้ประกบคู่กับพระเอก “พอร์ช” ศรัณย์ ศิริลักษณ์ แถมยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เป็นที่ยอมรับของแฟนๆ ละครช่อง 7 ไปแล้ว วันนี้ “บันเทิง คมชัดลึก” เลยขอคว้าตัวนางเอกสาวมาเปิดใจกับทุกเรื่องราวในชีวิต ว่าแล้วไปสัมผัสตัวตนของเธอกันเลย...
@@ ละครเรื่องแรกกับวิก 7 สี
กระแสตอบรับเรื่อง “โซ่เสน่หา” เป็นอย่างไรบ้าง
กระแสตอบรับดีมาก ส่วนใหญ่จะรู้สึกแปลกตา เพราะละครเรื่องนี้เป็นละครยาวเรื่องแรกของปีกับทางช่อง 7 ได้รับความชื่นชมว่าเล่นละครดี ทำให้เรารู้สึกปลื้มใจมาก ตอนที่เราทำงานเราก็ทำเต็มที่ แต่ในช่วงนั้นเราไม่มีเวลาที่จะมาเช็กผลงานของเราหน้าจอมอนิเตอร์ เพราะฉะนั้นวันแรกที่ละครออนแอร์ เราก็ลุ้นไปกับทีมงานและคนดู และรอเช็กตัวเองด้วย วัดผลงานที่ออกมาผ่านหน้าจอทีวีว่าเราทำได้อย่างไรบ้าง มันเลยเป็นความรู้สึกหลายๆ อย่างปนกันทั้งลุ้นทั้งตื่นเต้น ทั้งดีใจ แล้วพอได้รับเสียงชื่นชมเราก็ดีใจ เพราะงานตรงนี้เป็นงานที่ใหม่มากสำหรับเรา ความรู้สึกเหมือนเราเพิ่งเริ่มเข้าวงการใหม่เลย มันเหมือนเราต้องมานั่งคอยเก็บประสบการณ์ใหม่ๆ เรียนรู้อะไรใหม่ๆ เพราะพีคมีความตั้งใจที่อยากทำผลงานออกมาให้ดี อยากเรียนรู้เพื่อจะได้ทำผลงานออกมาให้เป็นที่ประทับใจของแฟนละครช่อง 7
เห็นว่าลงทุนเอาเสื้อผ้าของตัวเองไปใส่ในละครด้วย
ในเรื่องของเสื้อผ้าเป็นชุดที่พีคเตรียมมาเอง มันเป็นความโชคดีที่พอเราดูคาแรกเตอร์ “ปราลี” แล้ว พีคเองมีเสื้อผ้าที่เป็นเหมือนคาแรกเตอร์ตัวละครตัวนี้อยู่ ในเรื่องปุ๋ม (ปราลี)จะต้องเป็นคนที่เปรี้ยวและมั่นใจ ทำให้เรารู้สึกว่าเราสามารถขนเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้าของเราเองไปได้ เลยขนไปใช้ในเรื่องนี้ประมาณ 95 เปอร์เซ็นต์ของเรื่องจะเป็นชุดของพีค คือเราเห็นตั้งแต่วันที่ฟิตติ้ง แปลว่าคาแรกเตอร์ตัวนี้เป็นแบบนี้เลยคุยกับทางทีมเสื้อผ้าว่าพีคขอเอาเสื้อผ้าของตัวเองมาแชร์ได้ไหม เพราะเรามีเสื้อผ้าที่มันพอดีตัว และเข้ากับคาแรกเตอร์ หลังจากนั้นพีคก็เลยขนเสื้อผ้าของตัวเองไปประมาณ 30 ชุดได้ที่เอาไปใช้
เรื่องนี้บทปรับเปลี่ยนไปจากเวอร์ชั่นก่อนมากพอสมควร
ใช่ เพราะว่ามันเป็นคนละเวอร์ชั่นกัน และเป็นเรื่องของคนละยุค เวอร์ชั่นเก่าก็ค่อนข้างนานแล้วเหมือนกัน มันเลยเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้
การร่วมงานกับ “พอร์ช” ศรัณย์ เป็นอย่างไรบ้าง
เป็นครั้งแรกที่ร่วมงานกันถือว่าสนุกมาก เพราะในเรื่องตัวละครจะต้องปะทะกันบ่อยทั้งเรื่องของอารมณ์และร่างกาย พีคก็จะบอกพอร์ชเลยว่าเต็มที่เลยนะ เพราะเราอยากให้มันออกมาดี เพราะฉะนั้นต้องร่วมมือกันทั้งคู่ ซึ่งเราสองคนก็เต็มที่ด้วยกันทั้งคู่ เรื่องของอารมณ์มันจะต้องมีการใช้ความรุนแรง ซึ่งถ้าเรากลัวฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะเจ็บ ก็จะไม่สนุก อารมณ์ก็จะไม่ได้ ถามว่าเราร่วมงานกันแล้วเราคลิกกันไหม ความรู้สึกของพีคคือเราคลิกกันนะเพราะเวลาเล่นกันไป เราก็รู้สึกว่าเรามีอารมณ์ร่วมกัน เพราะเรื่องนี้ต้องมีถึงเนื้อถึงตัว ตอนแรกพีคก็มีความรู้สึกกังวลในตรงนี้เหมือนกัน แต่เราก็ได้มีการคุยกันและมีการเวิร์กช็อปกัน ทำให้เราได้เรียนรู้และรู้จักกันมากขึ้น เพราะมีหลายฉากที่เราจะต้องใกล้ชิดกันมากๆ อย่างตอนที่เราต้องรักกัน การเวิร์กช็อปช่วยได้มาก เลยทำให้เราช่วยได้มากเลย ทำให้เรา 2 คนเวลาเล่นตัดความเป็นพีคเป็นพอร์ชออกไปได้
เรื่องชุดว่ายน้ำที่ใส่เข้าในฉากกลายเป็นกระแสฮือฮาพอสมควร
พอได้ไหมอะ(หัวเราะ) คือพีครู้สึกว่าเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลกับการใส่ชุดนั้น มันเป็นเรื่องปกติกับฉากนั้น มันต้องใส่แบบนั้น และด้วยคาแรกเตอร์ของตัวละคร ที่จะต้องแต่งตัวแบบนั้นอยู่แล้วเราก็โอเค ถ้าเราต้องใส่ชุดนั้นเพื่อถ่ายในฉากละคร เพราะสำหรับพีคแล้วถ้าทำเพื่อให้งานแสดงออกมาดีพีคก็เต็มที่ เพราะถ้าเป็นในชีวิตจริงเราคงไม่แต่งแบบนั้น(หััวเราะ)
@@ นางเอกช่อง 7
ทำไมถึงตัดสินใจมาเซ็นสัญญากับทางวิกหมอชิต
ที่ตัดสินใจมาเซ็นสัญญากับทางช่อง 7 เพราะพีครู้สึกว่าอยากจะเล่นละคร และตอนนี้พีครู้สึกว่าเล่นละครได้รู้สึกว่าด้วยร่างกาย ความแข็งแรงของร่างกาย หรือด้วยพลังที่เรามี ทำให้เรารู้สึกว่าเราเล่นละครได้และเราอยากเล่นละครและเผอิญมีโอกาส ที่ได้มีการพูดคุยกับช่อง 7 ทำให้พีครู้สึกว่าเราสบายใจ และอยากอยู่ตรงนี้ เลยได้มาอยู่กับทางช่อง 7 ซึ่งพีคเซ็นสัญญาอยู่กับทางช่อง 3 ปี”
ณ ตอนนี้ได้ชื่อว่าเป็นนางเอกของช่อง 7 แล้วรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง
รู้สึกดีใจมาก เพราะไม่เคยคิดเหมือนกันว่าวันหนึ่งเราจะได้มาเป็นนางเอกของทางช่อง 7 ตอนเด็กๆ เราได้ดูละครของทางช่อง 7 มาตั้งแต่เราจำความได้ มันเลยเป็นความผูกพัน จนมาถึงวันนี้ที่เราตัดสินใจว่าเราจะมาเป็นคนเล่นละครและให้ผู้ชมได้ชม ซึ่งแฟนละครของทางช่อง 7 ก็เยอะมาก ซึ่งเราจะทำโอกาสตรงนี้ให้ดีที่สุด อยากที่จะให้ผู้ชมชื่นชมในผลงานของเรา ดูละครของเรา แล้วเขาชอบและคอยติดตามเรา ซึ่งแฟนละครของทางช่อง 7 ก็อาจจะเป็นแฟนที่ไม่ค่อยได้รู้จักพีคมากนัก แต่เมื่อมาเล่นละครเรื่องนี้เรื่องแรกกระแสตอบรับที่กลับมาค่อนข้างดีมาก ก็ต้องยอมรับว่ากลุ่มแฟนก่อนหน้านี้ของพีคก็จะเป็นคนละแนวกับแฟนละครทางช่อง 7 ซึ่งแฟนละครของทางช่อง 7 มีทุกรุ่นตั้งแต่เด็กยันผู้ใหญ่ ซึ่งกว้างมาก
มีคนแอบเม้าท์ว่าพีคขึ้นหม้อมาก เพราะเล่นละคร 2 เรื่องแรกได้ประกบกับพระเอกตัวท็อปของช่องอย่าง “พอร์ช" และ "เวียร์" ศุกลวัฒน์ คณารศ
พีคดีใจที่ได้เล่นละคร 2 เรื่องนี้ซึ่งมีบทที่แตกต่างกัน และสนุกทั้งสองเรื่อง ก็จะทำให้เต็มที่ ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ทุกคนและพี่ๆ ที่ช่อง 7 ทุกคน ที่ดูแลพีคดีมากทำให้รู้สึกอบอุ่น รู้สึกว่าเราเป็นครอบครัวเขา และเขาก็เป็นครอบครัวของเราด้วย เพราะจริงๆ แล้วพีคก็อยู่กับทางช่อง 7 ได้ไม่นาน แต่เราก็สัมผัสได้ถึงความรักและความอบอุ่นที่ทางช่องมีให้ ในส่วนของพีคว่าขึ้นหม้อหรือไม่ขึ้นหม้อ พีคมองว่ามันเป็นโอกาสมากกว่า การทำงานกับพี่เวียร์หรือกับพอร์ชเอง ทำให้เราได้เรียนรู้หลายๆ อย่าง ทั้งสองคนเป็นนักแสดงที่มากความสามารถ และมีประสบการณ์ในเรื่องของตัวละคร สอนพีคได้หลายๆ อย่าง เราเป็นคนโชคดีมากกว่าที่ได้ร่วมงานกับคนเก่งและมีประสบการณ์ ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรมากขึ้นเกี่ยวกับการทำงานและการแสดงละคร
การเป็นนางเอกละครทำให้พีคเป็นที่รู้จักมากขึ้นไหม
เป็นที่รู้จักมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนเลย อย่างเมื่อช่วงละครออนตอนแรกพีคไปทำบุญที่เชียงใหม่ ตอนนั้นมีคนเข้ามาเดินตาม เข้ามาทักว่าใช่ปุ๋ม โซ่เสน่หา ไหม หรือบางทีตอนที่เดินอยู่ก็จะมีคนชี้และพูดกันว่านี่ไงพีค โซ่เสน่หา ซึ่งตอนนั้นละครออนไปได้แค่ตอนเดียวเอง แต่เราได้รับฟีดแบ็กที่กลับมาดีมาก ทุกคนจำผลงานของเราได้ พีคอยู่วงการมา 10 ปี ก็จะมีนามสกุลพ่วงท้ายต่างๆ อย่างเมื่อก่อนก็จะเป็นพีคเต๋อ สักพักก็เป็นพีคขี้(หัวเราะ) ซึ่งมันก็มีหลายแบบ แต่อันนี้เขาเรียกเราจากผลงานละคร ซึ่งมันเห็นผลว่า คนดูละครเยอะมากแค่ไหน
@@ 10 ปีในวงการบันเทิง
อยู่วงการมา 10 ปี ชีวิตเปลี่ยนไปแค่ไหน
ชีวิตดีมาก และเราก็โตขึ้นตามกาลเวลา ก็ได้คุยกับพี่เวียร์(ศุกลวัฒน์)อยู่ว่าชีวิตเราเพิ่งเริ่มต้นเอง และมันทำให้เราเข้าใจอะไรทุกอย่างได้อย่างถูกต้องมากกว่าเมื่อก่อน เมื่อก่อนอาจจะมีอะไรที่เราเข้าใจผิดๆ เยอะ ใช้อารมณ์ แต่วันนี้เมื่อเราโตขึ้น เราจัดการกับความคิดตัวเองได้ เข้าใจชีวิตเข้าใจโลก ทุกๆ อย่างมันทำให้เรามีความสุขกับชีวิตของตัวเองมาก ทำให้เราเห็นคุณค่าของชีวิตและคนรอบข้างมาก ทำให้พีครู้สึกว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่ดีที่สุดของชีวิต
การอยู่ตรงนี้สอนอะไรพีคบ้าง
จริงๆ พีคก็ลองมาหมดแล้วนะ การอยู่ตรงนี้สอนให้พีครู้ว่าเราต้องลองทำอะไรด้วยตัวเอง เมื่อก่อนพีคเป็นคนที่ดื้อมาก เวลามีใครพูดอะไร เราจะได้ยิน แต่ไม่ได้ฟัง จะใช้การเรียนรู้ด้วยตัวเองไปเรื่อยๆ เมื่อก่อนตอนเราเด็กๆ เราทำงานเราจะมีความอดทนได้ไม่มากนะ เมื่อก่อนพอทนไม่ได้ก็จะร้องไห้ การอยู่ตรงนี้ทำให้พีคได้ลองอะไรหลายๆ แบบ และสุดท้ายทำให้เรารู้ว่าอะไรที่ดีและเหมาะกับตัวเราเองมากที่สุด มันเกิดจากที่เราได้เรียนรู้มาได้เรื่อยๆ ได้ลองทำทุกอย่าง จากสิ่งที่เราคิดว่ามันใช่ก็กลับไม่ใช่ แต่ตอนนี้เรารู้สึกว่าเราแฮปปี้กับจุดนี้ เราได้เห็นเส้นทางของเรา เมื่อก่อนเราก็เห็นเส้นทางของเราแต่ก็จะมีความรู้สึกว่ามันยังไม่ใช่ ซึ่งพอไม่ใช่ปุ๊บ เราก็ได้เรียนรู้ ได้ลอง จนสุดท้ายเราก็รู้ว่าในตอนนี้เราอยากจะทำอะไรไม่อยากจะทำอะไร และเราทำมันออกมาอย่างไร เราจะทำออกมาได้ดีหรือว่าเราจะทำอย่างไรกับงานของเรา กับชีวิตของเรา เพราะตอนนี้ทุกอย่างเหมือนเข้าที่หมดแล้ว เป็นความรู้สึกว่าเราได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน แล้ววันนี้เหมือนว่าชีวิตส่วนตัวและชีวิตงานของพีคสามารถเดินไปด้วยกันได้แล้ว ถ้าเทียบกับเมื่อก่อน พอเวลาเราทำ เราจะมีความรู้สึกว่าเราเต็มที่ แต่ทำไมมันไม่สุด แต่ตอนนี้เรารู้สึกว่าเราจริงใจกับงานของเรา เพราะพอโตขึ้น เราก็แข็งแรงมากขึ้น ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ เมื่อก่อนเราเอาปัจจัยภายนอกเข้ามา แต่พอตอนนี้เหมือนเราถูกต้องในทุกทาง ถ้าถามว่าชีวิตตอนนี้เป็นอย่างไร ตอบได้เลยว่าแฮปปี้มาก เรารู้สึกว่าเราชอบในทุกๆ วันของเราเอง
@@ ชีวิตโสด
ถามว่าตอนนี้ชีวิตโสดเป็นอย่างไร
จะบอกว่าเวลาผ่านไปเร็วมากเลยนะ ตอนนี้เราโสดมา 2 ปีกว่าแล้ว ถามว่าชีวิตโสดของเราเป็นอย่างไร ก็ต้องบอกว่าดี ที่ผ่านมากว่าเราจะมีวันนี้ เราก็ต้องใช้เวลาจากตอนนั้นเยอะเหมือนกัน ซึ่งเรื่องราวในอดีตทำให้เราเป็นเราทุกวันนี้ ตอนนี้พีคสามารถจัดการอะไรกับชีวิตตัวเองก็ได้ สามารถดูแลตัวเองได้ และทำให้เราแข็งแรง ถามว่าเหงาไหม ไม่เหงาเลย เพราะอยู่ที่ว่าเราโฟกัสกับอะไร เมื่อก่อนเราเอาตัวของเราไปยึดติดกับคนอื่น เหมือนกับว่าเรามีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิต แต่ตอนนี้เราเลือกที่จะโฟกัสที่ตัวเอง ตามความต้องการของตัวเอง อยากทำอะไรอยากจะไปไหน ก็คิดถึงแค่เรากับครอบครัว และก็งาน ซึ่งเป็นแบบนี้ก็สบายดี แบบที่เราสามารถเต็มที่กับตัวเองได้ เราไม่ได้รู้สึกว่าขาดอะไร เพราะว่าที่ผ่านมาก็ทำงานเยอะ และอีกอย่างยังไม่เจอใครที่เราอยากอยู่ด้วยเหมือนกัน (ตอนนี้มีใครเข้ามาหรือยัง) ก็มีบ้าง ไม่ได้รีบ ก็ดูๆ ไป
คนยังลุ้นคู่ของพีคกับ “เต๋อ” ฉันทวิชช์ ธนะเสวี อยู่
ตัวพีคเคยลุ้นมาเรื่อยๆ เพราะพี่เต๋อก็เป็นคนที่น่ารักนิสัยดี ถึงยังไงเขาก็ยังอยู่ในใจพีค อาจจะไม่ใช่ในสถานะนั้นของพีค ซึ่งนั่นก็ไม่เป็นไร เรายังเป็นห่วงกันให้กำลังใจกัน และเขาก็เป็นคนที่อยู่ในใจเราตลอด ถึงอนาคตพี่จะมีใครหรืออะไรเขาก็ยังอยู่ในใจพีคตลอดไป
พกพาความมั่นใจเต็ม 100 ในแบบ “พีค” จริงๆ
เรื่อง : ณัฏฐิรา หลอดแก้ว
ภาพ : วริศรา วุฒิกุล
ชื่อเกิด : ภัทรศยา เครือสุวรรณศิริ
ชื่อเล่น : พีค
เกิด : 18 ตุลาคม พ.ศ. 2531
การศึกษา : คณะนิเทศศาสตรบัณฑิต สาขาโฆษณา มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ผลงานที่ผ่านมา : ภาพยนตร์ "สายลับจับบ้านเล็ก" "รัก/สาม/เศร้า" ซีรี่ส์ "อุบัติรักข้ามขอบฟ้า" ซีรีส์ "เซน...สื่อรักสื่อวิญญาณ" ละคร "สองรักสองวิญญาณ ละคร "ชะนีผีผลัก" ซีรีส์ "ไดอารี่ตุ๊ดซี่ส์ เดอะซีรีส์"
ผลงานล่าสุด : ละคร โซ่เสน่หา