'จ๋า-หนึ่ง'เปิดใจเคลียร์ดราม่าครั้งแรก!ทำไมถอดเพลง'เพลิงบุญ'
เคลียร์ครั้งแรก!!! "จ๋า" ยศสินี และ "หนึ่ง" ณรงค์วิทย์ เปิดใจเหตุผลที่ถอดเพลงประกอบละคร "เพลิงบุญ" จากเสียงร้องของ "เพลง" ชนม์ทิดา อัศวเหม
กลายเป็นเรื่องดราม่ายาวในโลกโซเชียล เมื่อมีข่าวลือว่า "เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์" สั่งถอด "เพลง" ชนม์ทิดา ออกจากการร้องเพลง "ทำกับฉันได้ลง" ประกอบละคร "เพลิงบุญ" จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ล่าสุด "หนึ่ง" ณรงค์วิทย์ และ "จ๋า" ยศสินี ในฐานะของผู้ทำเพลงและผู้จัดละครเรื่องนี้ ได้ตัดสินใจเปิดใจเรื่องนี้ครั้งแรกกับทาง "บันเทิง คมชัดลึก" สื่อเดียวเท่านั้น
หนึ่ง ณรงค์วิทย์ - จ๋า ยศสินี
หนึ่ง : ก่อนอื่นเลยนะ ถึงแม้เราจะไม่ใช่คนที่แต่งเพลงนี้ ด้วยหน้าที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เราเลยอยากจะพูดความจริงสิ่งที่มันเกิดขึ้น ว่าอะไรเป็นอะไร และขอพูดทีเดียวจบ จริงๆ เราเองก็ติดตามเรื่องราวมาพอสมควร เพลงนี้มันเป็นความผิดเราเอง ที่เราโทรไปชวนน้องเพลงให้มาร้องเพลงประกอบเพลงละครเรื่องเพลิงบุญ ชื่อเพลงทำกับฉันได้ลง ตอนเราทำก็ไม่ได้คิดอะไร ความผิดของเรา เราผิดเองที่เราโฟกัสไปที่ความสามารถและก็คาแรกเตอร์เสียงของเขา ซึ่งเราก็หาคนมาร้องเพลงด้วยวิธีแบบนี้มาตลอด ซึ่งเราผิดตรงที่ว่าเราไม่ได้ไปสนใจเรื่องอื่นๆ เลยได้มีการโทรไปติดต่อ มาร้องโดยที่ไม่ได้คิดอะไรเลย จากใจจริงเขาจะเคยมีเรื่องอะไรมาก็ตาม เราลืมไปหมดแล้ว จริงๆเราก็ควรคิดมากไปกว่านี้ แต่ด้วยความที่ว่าเดือนๆหนึ่งงานที่เราทำมีปริมาณเยอะมาก พอเราได้มีการปรึกษากันแล้วเรารู้สึกว่าน้องเขาร้องได้เขาโอเค ตอนนั้นสิ่งที่เราห่วง คือเขาจะร้องได้ไหมเพราะว่าเพลงค่อนข้างที่จะร้องยาก ซึ่งเราก็คุยกันแต่เรื่องงาน ไม่เคยคุยเรื่องนี้กันเลย
ซึ่งพอปล่อยทีเซอร์นี้ออกไปก็มีคนทักมา พอมีคนทักมาปุ๊บ เราก็ตกใจแล้วก็รู้ว่าตัวเองพลาดแล้ว เรารู้เลยว่าเราพลาดจริงๆ ซึ่งเราลืมคิดถึงเรื่องนั้นไปได้ยังไง พอถูกคนทักเราก็ตัดสินใจระงับเพลงนี้ทันที โดยที่ไม่มีใครสั่ง เรื่องการตัดสินใจระงับเพลงนี้ เราเป็นคนตัดสินใจเอง เพราะเรารู้สึกว่าเราแคร์ความรู้สึกของคนอื่น รู้สึกว่าเขาจะมีผลกระทบอะไรกับเพลงนี้หรือเปล่า เราเลยตัดสินใจที่จะขอหยุดมันไว้ก่อนดีกว่า แล้วก็ตัดสินใจโทรไปหาน้องเพลงด้วยตัวเอง ก็ได้บอกกับน้องเพลงว่า "น้องเพลงพี่หนึ่งขอโทษ" อย่างจริงจังและจริงใจ เราก็บอกกับเขาเราอยากให้เข้าใจ และบอกน้องเพลงว่า ยังไงเพลงนี้ก็ยังเป็นเสียงร้องของเพลงอยู่และเราจะไม่เอาใครมาร้องแทนเพลง เพลงนี้ยังเป็นเสียงของเพลงอยู่ เราก็บอกเขาไปว่าแต่เราขอเอาไปใช้ ในเรื่องที่มันเหมาะสมนะ
ภาพส่วนหนึ่งจากทีเซอร์ เอ็มวีเพลง ทำกับฉันได้ลง
ซึ่งก็ยังไม่สบายใจอีก เราก็เลยเลือกโทรหาพี่ตู่ แล้วก็กล่าวคำขอโทษกับทางพี่ตู่ เพราะเรารู้ว่า เราผิดเองที่เราคิดไปไม่ถึงตรงนั้น เราก็ขอโทษ ซึ่งพี่ตู่ก็พูดกับเราดีมาก บอกว่าเข้าใจ ถามว่าเรามีความสุขหรือที่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น จะบอกว่าเราโครตทุกข์เลย พอเราได้โทรหาพี่ตู่แล้ว ก็โทรหาน้องเพลง เราก็รู้สึกสบายใจขึ้น มันไม่ใช่ว่าเราไม่เอาเขาเพราะความสามารถมันไม่ใช่ เพราะจริงๆแล้วเราแฮปปี้มาก ที่น้องร้องออกมาได้ดีขนาดนี้ และเราก็มีความสุขที่ได้ทำงานร่วมกัน เราก็ยังอยากที่จะทำงานด้วยกันอีกนะ ทั้งพี่ตู๋ทั้งน้องเพลง สิ่งสำคัญที่สุดของเราในวันนั้น คือการที่เราได้ไปขอโทษพี่ตู่และร้องเพลงด้วยตัวเอง เพราะมันเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ต้องไปคุยและเจอด้วยตัวเอง พอเรื่องมันดำเนินมาถึงวันนี้ เราเองก็เสียใจ ว่าการทำงานของเรามันไปกระทบกระทั่งกับชีวิตของคนอื่น เราขอพูดตรงๆด้วยความบริสุทธิ์ใจเลยว่าเราไม่เคยคิดถึงตรงนั้น"
จ๋า : เริ่มจากเจตนาก่อน เราไม่ได้มีเจตนาทำร้ายอะไรใคร หรือต้องการกระแส เราไม่ได้ต้องการดราม่าพิเศษใดๆ ทั้งสิ้น ประเด็นที่เกิดขึ้นเกิดจากที่เราหาคนมาร้องเพลงนี้ไม่ได้ ตอนนั้นพี่หนึ่งทำเมียหลวงและมันเป็นเพลงใกล้ๆ กัน ตอนนั้นพี่หนึ่งได้นัท มีเรียไปร้องเมียหลวง แล้วเรานึกไม่ออกแล้วว่าจะเอาใคร เพราะอยากได้ประมาณเสียสไตล์นัท มีเรีย ตอนนั้นละครยังไม่ได้จะออน แล้วเราไปงานแต่งงานพี่อั๋น (ภูวนาถ) แล้วยืนอยู่ข้างๆ กันกับน้องเพลง ก็ยืนมองน้องเพลง แล้วรู้สึกว่าเท่จังเลย ชอบเสียง ชอบบุคลิกของเขาด้วย ซึ่งเรารู้สึกตั้งแต่แรกว่าเขาเหมาะกับเพลง แล้วไลน์บอกพี่หนึ่ง แต่เป็นการพูดไปแบบที่ไม่ได้คิดอะไร
แต่พอน้องเพลงตอบรับมาในตอนนั้น เราก็มีคิดว่าเดี๋ยวๆๆๆๆ การที่เอาน้องเพลงมาร้องเพลงประกอบละครเรื่องนี้เราได้มีการเคลียร์ทุกทาง ทั้งผู้ใหญ่รับรู้ทีมงานรับรู้ และนักแสดงทุกคนรับรู้ ซึ่งไม่มีใครมีปัญหาใดๆ ความผิดคือตัวเราเอง ที่ตอนนั้นเราดันไปคิดแบบโลกสวยไปนิดหนึ่งว่า โอ้โหทุกคนใจมากเลย ทุกคนเดินหน้าไปแล้วกับทุกอย่าง เรารู้สึกว่ามันมีความรู้สึกดีอยู่ในนั้น ซึ่งตอนนั้นเราอาจจะโลกสวยเกินไป จริงๆวันนั้นเราควรที่จะปฏิเสธ แต่เราขอยืนยันว่า เราไม่ได้ต้องการกระแสอะไรเลย ความรู้สึกของเราตอนนั้น คือทุกคนใจมากทุกคนทำงานด้วยใจ และเหมือนว่าทุกคนจะก้าวข้ามผ่านทุกอย่างไปแล้ว และเรารู้สึกว่ามันเป็นสัญญาณที่ดีตอนนั้นเราคิดแค่นั้นจริงๆ"
บันเทิง คมชัดลึก ถามต่อว่า ได้มีการบอกรายละเอียดเกี่ยวกับการมาร้องเพลงนี้กับเพลงไหม
หนึ่ง : เวลาที่เราติดต่อใครมาร้องเพลงประกอบละครของเรา เราก็จะบอกข้อมูลทุกอย่าง ขอยืนยันตรงนี้ ว่าเราไม่เคยหลอกใครมาร้องเพลงด้วยการทำงานของเราที่แต่งเพลงมา 20 กว่าปี เราไม่เคยหลอกใครมาร้องเพลง โดยที่เขาไม่เคยรู้โจทย์ แต่ยอมรับว่าเราเองผิดพลาดที่เราไม่ได้คิด ถึงเรื่องราวบางอย่างที่มันซ่อนอยู่ เพราะเราไม่ได้คิดว่ามันมีอะไรซ่อนอยู่ เพราะในส่วนของการทำงานเราเองโฟกัสแต่เรื่องของงาน แล้วเรารู้สึกว่าเมื่อเราทำผิดเราพลาดไปเราแก้ไข ทำให้เราปล่อยเพลงนี้ออกไปไม่ได้ นี่คือวิธีการแก้ไขของเราถ้าสมมุติเราทำไปเพื่อต้องการกระแสต้องการความดังมาก เราก็ต้องปล่อยเพลงนี้ออกมาสิ จะระงับไว้ทำไม แต่มันไม่ใช่วิถีของเราเราไม่สบายใจ เราจะไม่ยอมให้งานที่เรารับผิดชอบไปมีผลกระทบต่อชีวิตของคนอื่น เราเลยเลือกที่จะแก้ไขด้วยวิธีนี้ ซึ่งเราไม่รู้หรอกว่า
มันเป็นการแก้ไขที่ถูกหรือคิดผิด แต่มันเป็นความรับผิดชอบที่เราต้องทำ เพราะฉะนั้นอย่าไปโยงเลยว่า คนนั้นคนนี้สั่ง เรากล้าพูดเต็มปากว่าเราผิดเราก็เลยแก้ไข ด้วยตัวเราเอง เราขอยืนยันว่าการตัดสินใจที่ถอดเพลงนี้ออก คือการตัดสินใจของเรา เราไม่เคยทำงานด้วยวิธีแบบนี้ เราไม่ได้มีความสุขที่มันมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เราทุกข์อยู่ทุกวันตั้งแต่วันที่เราตัดสินใจถอดเพลงนี้ออก ตอนที่เราโทรไปขอโทษ เราก็ขอโทษด้วยความจริงใจ เราคุยกับพี่ตู่ในฐานะของพี่น้อง เราคุยกับน้องเพลง เราก็คือในฐานะที่คนหนึ่งที่ทำผิดแล้วเราก็ขอโทษน้อง เราถอดทุกอย่าง เพราะมันเป็นความผิดพลาดของเราจริงๆ คือพอมันเป็นประเด็นขึ้นมาทุกคนก็โจมตีไปว่าเจนี่สั่งๆ ทั้งที่จริงแล้ว มันไม่ใช่เลย คือเราต้องกราบขอโทษตรงนี้เลยสำหรับบุคคลหรือคนที่ถูกพาดพิงจากเรื่องราวดังกล่าว เราขอโทษด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ"
จ๋า : ฝั่งของนักแสดงเอง ก็จะรู้เรื่องที่ว่าใครจะมาร้องเพลงประกอบละคร และรายละเอียดจะเป็นยังไง ในส่วนของจ๋า เราเคลียร์ทุกอย่าง มีอีกหนึ่งประเด็นที่เราอยากบอก คือไม่มีใครร้องเพลงแทนใคร เรื่องนี้มีเพลงประกอบ 4 เพลง คือเพลงของใจเริงที่ปนัดดา (ปนัดดาเรืองวุฒิ) ร้อง เพลงของพี่ตุ้ย (ธีรภัทร สัจจกุล) ที่ร้องแทนตัวพี่ป้องและหลุยส์ แต่ด้วยความที่การเดินทางของพิมาลาซึ่งเป็นนางเอกของเรื่อง มันเป็นการเดินทางที่ซับซ้อน หลากอารมณ์ทำให้เราต้องการมากกว่าหนึ่งเพลง ละครค่อนข้างยาว ถ้าเราปล่อยเพลงออกมาเพลงเดียวมันก็จะตามไปจนจบ จริงๆถ้าสังเกตดีๆละครมาถึงตอนนี้ ละครออนไป 3 ตอน ยังไม่มีใครได้ยินเพลงของพิมาลาเลย เพราะว่ายังไม่ถึงเรื่องของพิมาลา เพลงของพิมาลา จะได้ฟัง ในสัปดาห์นี้ เป็นเพลงของพี่ปาน (ธนพร แวกประยูร) ซึ่งจะใช้ประมาณตอนที่ 5 ช่วงกลางเรื่อง
เพลงในส่วนของที่น้องเพลงร้องจะเป็นอารมณ์ของการงอนเพื่อนนิดหน่อย วางไว้ว่าจะใช้ตอนพิมาลามาถึงจุดที่ให้อภัย ถามว่าเพลงไหนแรงกว่ากัน เพลงของพี่ปานแรงกว่า คือจริงๆแล้วนักร้องทั้ง 4 คนถูกวางไว้ตั้งแต่แรกและไม่ได้มีการที่ใครมาแทนใคร อย่าไปโยงว่าเลือกใครมาแทนใคร
ทันทีที่ทีเซอร์ของเพลงถูกปล่อยออกไป ก็มีความคอมเม้นท์มา ทำไมให้น้องเพลงมาร้องเพลงด่าเจนี่ ซึ่งในคอมเม้นท์นี้ไม่มีใครดีเลย ทุกคนตีเจตนาผิดไปหมดเลย เราผิดที่เราคิดน้อย เราผิดเอง พอมีคอมเม้นท์แบบนี้ออกไป มันทำให้เราปล่อยเพลงนี้ออกไปไม่ได้ เราเกรงใจพี่ตู่ เราเกรงใจน้องเพลง เราเกรงใจเจนี่ เกรงใจแม่เจนี่ พี่หนึ่งก็ได้ไปขอโทษพี่ตู่ เราเองก็ส่งดอกไม้ไปให้ จ๋ากับคุณแม่ก็ถือดอกไม้ไปขอโทษเจนี่ ตั้งแต่ต้นที่เราตัดสินใจทำเพลงนี้จนถึงวันที่ตัดสินใจ ที่ไม่ปล่อยเพลงนี้ออกไปคือทีมงานทุกคนรับทราบและยินยอมทุกคนเข้าใจเพราะเราอธิบายทุกอย่างตั้งแต่ต้น ถึงวันนี้เกิดกระแสขึ้นมา เราไม่ได้อยากให้ใครต้องมาโดนทั้งสิ้น เราได้ขอโทษทุกคน ขอโทษทุกฝ่ายรับทราบและไม่ได้มีปัญหาอะไร ซึ่งเราพูดความจริงทั้งหมดนี้แล้ว ก็คงต้องดูว่ากระแสจะเข้าใจเรามากน้อยแค่ไหน
อย่างคุณแม่จ๋าเอง ท่านเองก็ยอมถอดทุกอย่าง ขอโทษเจนี่ เจนี่เองก็น่ารัก เขาก็บอกว่าไม่ต้องมาขอโทษเขาขอโทษเขาทำไม ที่จริงเราไม่ได้อยากออกมาพูดอะไรตั้งแต่แรก เพราะเรารู้สึกว่าไม่ได้อยากที่จะให้มันเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา แต่พอมีกระแสและโยงไปต่างๆนานา เราเลยรู้สึกว่าเราขอออกมาพูดแล้วจบตรงที่เราดีกว่า เพราะมันเป็นความผิดของเราเอง เราอยากให้ทุกคนเข้าใจ ว่าข้อเท็จจริงมันเป็นยังไง เราในฐานะผู้จัดละครเราเองก็ไม่อยากที่จะโปรโมทละครด้วยวิธีแบบนี้ ตอนที่มีข่าวออกมาแรกๆ จ๋าพูดกับช่องเลยว่าหากการตัดสินใจครั้งนี้ในฐานะของผู้จัดละครมันผิดพลาดมาก เราก็พร้อมพิจารณาตัวเอง" จ๋ากล่าวกับคมชัดลึกทิ้งท้ายบทสนทนา