บันเทิง

แยกออกเดี่ยว"รุ่ง"หรือ"ร่วง"นักร้องไทยยุคหากินคนเดียว

29 ก.ย. 2552

ดูเหมือนในวงการเพลง การเปลี่ยนถ่ายโยกย้ายสมาชิกวง จากวงนั้นไปอยู่วงนี้ หรือจากที่เคยเป็นวงอยู่ดีๆ ก็ขอแยกตัวออกไปเป็นนักร้องเดี่ยวมีให้เห็นมากมาย ซึ่งเป็นเรื่องปกติ การเปลี่ยนแปลง...ก็ย่อมนำมาทั้งความสำเร็จ และความล้มเหลว วันนี้มาลองวิเคราะห์กันเล่นๆ ว่า

 เริ่มกันที่คู่ดูโอ "แดน-บีม" หลังจาก "แดน" วรเวช ดานุวงศ์ ไม่ต่อสัญญากับค่ายอาร์เอส ต้นสังกัดเดิม และหันไปซบค่ายโซนี่ มิวสิค ทำให้ต้องแยกทางเดินกับ "บีม" กวี ตันจรารักษ์ ซึ่งเลือกต่อสัญญากับค่ายเดิมไปโดยปริยาย ทำให้ทั้งคู่ต้องออกมาฉายเดี่ยว เป็นนักร้องถือไมค์คนเดียว ถ้าถามว่าใครออกมาแล้วดัง แล้วรุ่งกว่ากัน คู่นี้ต้องยอมรับว่าสูสี

 หากพูดถึงตัวเอง ต้องยอมรับ ว่าเพลง "แฟนใครไม่รู้" ของ บีม เป็นที่รู้จักและร้องตามกันได้มากกว่า เพลง "ใช้หัวใจ" ของ แดน ครึ่งช่วงตัว ไม่เชื่อลองนึกดูสิ...ว่าหากให้ร้องเพลงใด เพลงหนึ่งในสองเพลงนี้ เพลงไหนร้องได้คล่องปากมากกว่ากัน

 ในขณะเดียวกันหากมองในมุมไปแล้วรุ่ง ต้องยกให้ฟากหนุ่มแดน โดยเฉพาะในแง่พัฒนาการ ทั้งเรื่องของงานเพลง ที่ทั้งร้องและแต่งเพลงเอง เรื่องของการเต้นที่ดูแข็งแรงขึ้นผิดหู ผิดตา เสียดายเหมือนค่ายโซนี่ มิวสิค จะดันไม่สุด เพราะนอกจากช็อตเปิดตัวลงจากเครื่องบินในงานฟุตบอลช่อง 3 แล้ว ก็ยังไม่มีอะไรให้ตื่นเต้น ความไปรุ่งของแดนอีกอย่าง ก็คือการยกระดับตัวเอง จากนักร้อง นักแสดงขึ้นมาเป็นผู้จัด เปิดบริษัทของตัวเอง ถือว่าเป็นอีกย่างก้าวหนึ่งที่ทำให้เห็นพัฒนาการในการทำงานอย่างชัดเจน เอาเป็นว่า...คู่นี้ออกมาเดี่ยวแล้วได้คะแนนสูสี

 ต่อกันที่ "บี" พีระพัฒน์ เถรว่อง หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักในชื่อ บี เครสเชนโด หลังจากเกิดปัญหาภายใน บีจึงเดินออกจากวงเครสเชนโด มาเป็นนักร้องเดี่ยวค่ายวอร์นเนอร์ มิวสิค ทำงานเดี่ยวออกมาให้ฟัง ต้องยอมรับว่ากลับไม่ประสบความสำเร็จสักเท่าไหร่

 เพลงของบีที่ออกมาไม่ติดหูคนฟัง จะอ้างว่าเป็นเพราะค่ายวอร์นเนอร์ฯ ต้นสังกัดไม่มีสื่อไว้กระจายเพลงออกไปก็คงไม่ได้ เพราะหากเทียบกับเพลงของวงเครสเชนโด ที่ได้ "นัท" ชาติชาย มานิตยกุล มาเป็นนักร้องนำคนใหม่ ซึ่งไม่มีสื่อในมือเช่นกัน แม้ว่าคนทั่วไปจะยังจำภาพของนัทไม่ได้ แต่หากพูดถึงเพลง "ใจกลางความเจ็บปวด" หลายคนคงร้องอ๋อ หลายคนมองว่าเพลงของบีแต่งออกมายังไม่ลงตัว ทำให้กลบความสามารถในการร้องของบี จนน่าผิดหวัง หากให้คะแนนบีคงยังต้องรอสอบซ่อมในอัลบั้มหน้าอีกครั้ง

 มาที่อดีตดูโออีกคู่ อย่าง "พีซเมคเกอร์" รายนี้ขัดแย้งกันจนต้องแยกตัว "บอย" อนุวัฒน์ สงวนศักดิ์ภักดี ได้รับการโอบอุ้มจากแกรมมี่ ต้นสังกัดเดิม เซ็นสัญญาทำอัลบั้มเดี่ยว ส่วน "พีท" พีระ เทศวิศาล เป็นฝ่ายกระเด็นออกไป ซึ่งแน่นอน ต้นทุนของบอย เหนือกว่าเห็นๆ ทั้งในแง่ของสื่อ และในแง่ของภาพและเสียงร้อง ที่บอยจะเป็นที่รู้จักมากกว่า ด้วยความที่ก่อนหน้านั้นบอยรับหน้าที่นักร้องนำ ส่วนพีทรับหน้าที่มือกีตาร์

 จากวันที่แยกวงในปี 2549 มาถึงปี 2552 บอยมีผลงานอัลบั้มเดี่ยวออกมาแล้ว 2 อัลบั้ม ส่วนพีทมีผลงานอัลบั้มเดี่ยวออกมากับค่ายเล็กๆ อย่างเกรสท์ มิวสิค ด้วยความที่มีสื่อในมือ อีกทั้งความสามารถในการถ่ายทอดที่เหนือกว่า ทำให้บอยไปแล้วรุ่งกว่าพีทหลายช่วงตัว แม้อัลบั้มล่าสุด แทบจะไม่ได้รับการโปรโมท แต่เพลงแต่ละเพลงต่างทยอยดังออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น "เพลงใจฉันเป็นของเธอ" เพลง "การเปลี่ยนแปลง" เพลง "ความอ่อนแอ" เพลง "เนื้อคู่" ส่วนพีทออกมาอัลบั้มเดียวแล้วก็เงียบไป งานบันเทิงอื่นๆ ก็แทบไม่มีให้เห็น เอ้า!!! แบบนี้เรียกว่า บอย สอบผ่าน พีท ยังต้องรอสอบซ่อม

 แต่ถ้าพูดถึงนักร้องหญิงที่ออกจากวงมาแล้ว ก็ยังรุ่งไม่เลิก ต้องยกให้ "ดา" ธนิดา ธรรมวิมล หรือ ดา เอ็นโดรฟิน หลังมีปัญหากัน จนทำให้วงเอ็นโดรฟิน ต้องวงแตกแยกกันไปคนละทิศละทาง เหมือนเดิม แกรมมี่ยังคงเลือกโอบอุ้มนักร้องนำ ก็แหม...ขายได้เห็นๆ แล้วเรียกว่าเลือกถูก ไม่ว่าดาจะส่งเพลงไหนออกมาให้ฟัง ก็เป็นอันโดนอก โดนใจแฟนๆ ทุกเพลง ร้องตามกันได้ทั่วบ้านทั่วเมือง งานจ้างวิ่งเข้าหาเต็มทั้งปี สร้างสถิติใหม่ให้แก่วงการงานจ้างที่มักจะจ้างนักร้องชาย หรือไม่ก็วงร็อกซะเป็นส่วนใหญ่ มากแค่ไหนไม่รู้...รู้แต่ว่าร้องจนต้องส่งโรงหมอซ่อมเส้นเสียงอยู่หลายเดือน

 เอ้า...ยังไม่หมด ยังมีอีกหลายคน ที่ไม่ได้พูดถึง เอาเป็นว่าลองคิดกันเองเล่นๆ ดูบ้างเป็นการตบท้าย ว่าเขาและเธอเหล่านี้ เมื่อได้กระโดดไปเป็นนักร้องเดี่ยวแล้วเข้าข่ายรุ่งหรือล่วง ไม่ว่าจะเป็น เสก โลโซ, วิด ไฮเปอร์, เนย ซินญอริต้า, หรั่ง ซิลลี่ ฟูลส์, อี๊ด วงฟลาย, เภา บอดี้สแลม, กบ แท็กซี่ ฯลฯ