'เนย-แจม-พิกเล็ท' ชี้แจงดราม่าแซงคิว | คมชัดลึก

           ทีมบันเทิง คมชัดลึก-เป็นเรื่องราวร้อนในโลกออนไลน์ หลังมีคนออกมาแฉพฤติกรรม 3 ดาราหน้าพลาสติกแซงคิว ด้วยการเดินเข้าไปนั่งในร้านสั่งอาหารโดยไม่ต่อคิว และโพสต์ภาพลงในโซเชียล ปรากฏเป็น 3 สาวบ้าน อิมราพร อย่าง "เนย วรัฐฐา, แจม ชรัฐฐา, พิกเล็ท ชาราฎา" ล่าสุด 3 พี่น้องออกมาเปิดใจถึงเรื่องนี้ว่า

 

 

วันนั้นเกิดอะไรขึ้น
          เนย  "จริงๆ วันนั้นเราไปถ่ายรายการยูทูปของเราที่คาร์เฟ่ที่นึง พอเราถ่ายกันเสร็จแล้วขึ้นรถมา ก็มีแฟนคลับและหลายๆ คนไดเร็คมาหาและแคปหน้าจอมาว่ามีคนโพสต์เฟสบุ๊คและด่าพวกเรา ว่าเราแซงคิวและใช้คำพูดที่ไม่น่ารักสักเท่าไหร่"

อารมณ์ตอนนั้นรู้สึกยังไง อารมณ์ขึ้นเลยมั้ย
          เนย "มันไม่ได้อารมณ์ขึ้นอย่างนั้น คือตกใจและเสียใจนิดนึง ว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ผู้จัดการเราก็มาถึงก่อนมากดบัตรคิว แล้วก็มารอ และเราก็บอกกับทางร้านแล้ว แต่ทำไมไปโพสต์แบบนั้น เราเข้าใจนะว่าในมุมของคนที่เขากำลังต่อคิวเข้าร้าน เพราะว่าร้านนั้นคิวค่อนข้างที่จะเยอะ ก็อาจจะรู้สึกได้ว่าทำไมดารามาถึงแล้วเดินเข้าเลย เนยเข้าใจในมุมนั้นที่เขายืนรอนานแล้วเห็นภาพแบบนั้น แต่เนยแค่รู้สึกว่าก่อนที่เขาจะโพสต์อะไรลงไปหรือความคิดเขา ณ ตอนนั้นว่ามันแซงคิว คือทำไมไม่ถามก่อนในเมื่อเขารู้ว่าเราคือใคร หรือถามผู้จัดการร้านก็ได้ว่าทำไมถึงปล่อยให้ดาราเข้าไป เขาก็จะได้ความจริงให้เข้าใจว่าเราไม่ได้แซงคิวนะ ผู้จัดการเรามากดคิวนะ แต่การที่เขาตัดสินใจและโพสต์เฟสบุ๊คแบบนั้นเลยมันแค่แป๊บเดียวมาก แล้วหลายเว็บ หลายเพจก็เอาไปแชร์ต่อทันทีโดยที่ไม่ถามเราอีกเหมือนกัน แล้วคนก็เข้ามาด่าทันทีโดยที่ไม่รู้ความจริงอีกเหมือนกัน อันนี้มันเป็นสิ่งที่เนยรู้สึกว่ามันน่าเสียใจที่ว่าคนเราทำไมเดี๋ยวนี้มันไวขนาดนี้ แล้วไม่คิดในมุมหลายๆ ด้าน ไม่คิดบ้างเหรอว่าถ้าคนที่เขาเป็นดาราเขาจะยิ่งต้องระมัดระวังตัวเองหรือเปล่าก่อนที่จะทำอะไร เพราะเอาจริงๆ แค่หายใจก็จะผิดอยู่แล้ว ก็ไม่กล้าทำอะไรที่ผิดอยู่แล้วค่ะ"

 

 

คอมเม้นท์ที่แรงที่สุดที่เราอ่านแล้วเจ็บใจคือยังไง
          เนย "เอาจริงๆ ไม่อยากพูดว่าคอมเม้นท์มีอะไรบ้าง เพราะตัวเนยเองก็ไม่ค่อยอยากอ่าน แต่คนก็แคปส่งมาให้ ก็ได้เห็นผ่านตาบ้างค่ะ"

อธิบายหน่อยว่าเราทำตามถูกต้องขั้นตอนทุกอย่างยังไงบ้าง
           แจม "ก็คือเริ่มจากที่เราจะไปถ่ายยูทูป เราก็เลยอยากไปถ่ายที่ร้านนี้ ก็เลยให้ผู้จัดการโทรไปขออนุญาตที่ร้านว่าเราขอเข้าไปบันทึกภาพรีวิวอาหารของร้านเขานะ ก็บอกเพื่อให้ทางร้านรู้ก่อน ไม่ใช่เดินเข้าไปอัดวิดีโอที่ไหนก็ได้ เสร็จก็คุยกันว่าพรุ่งนี้เราจะเข้าไป ก็ให้ผู้จัดการเข้าไปที่ร้านไปขอบัตรคิว เพราะว่าต่อคิวนานมากที่ร้านเขาก็บอก มันก็เป็นความผิดเราด้วยที่เราไม่ได้ไปยืนรอคิวพร้อมกับผู้จัดการ คนก็เลยไม่เห็น ซึ่งคนก็ไม่รู้หรอกว่าคนไหนคือผู้จัดการของเรา พอเราไปถึงก็เดินเข้าร้านไปเลยเพราะว่าเราได้รับโต๊ะแล้วตามคิว มันก็เลยเป็นเหตุให้คนที่เขาโพสต์เข้าใจผิด แต่เขาอาจจะตัดสินใจเร็วไปนิดนึง"

 

 

เห็นว่าเครื่องในร้านก็มีปัญหาด้วย
           แจม "อันนี้คือเราไม่รู้เลยว่าเครื่องเสีย จากทางที่ร้านบอกก็คือเขามีรับบัตรคิวกันก่อนหน้านั้น ซึ่งผู้จัดการแจมก็ได้รับบัตรคิวเหมือนกัน แต่คิวต่อหลังจากนั้นเผอิญว่าเครื่องรับบัตรคิวเขาเสีย"
เนย "ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ถูกต้องมั้ย เพราะว่าอันนี้คนที่เป็นคนต้นโพสต์เขามาบอกเนยอีกทีว่า ประจวบเหมาะกับที่ว่าพอคุณเข้าไปที่ร้านแล้วเครื่องก็เสียพอดี อันนี้ก็เลยไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจริงหรือไม่จริง แต่ถ้าจริงก็คงเป็นความโชคร้ายอย่างนึงที่บังเอิญมากที่เป็นอย่างนั้น"

 

คนที่โพสต์เขาเข้ามาคุยกับเนยหรือยังไง
           เนย "เขาไม่ได้เข้ามาคุยค่ะ แต่ว่าตอนหลังจากที่เกิดเรื่องไปแล้วและเนยโพสต์อธิบายในเฟสบุ๊คของเนย เขาก็เลยแมสเซจมาทางเฟสบุ๊คและขอโทษที่เขาโพสต์หยาบคายลงไป เขาก็เลยอธิบายว่าบังเอิญว่าตอนที่คุณมาบังเอิญว่าเครื่องบัตรคิวเสียพอดี ทางร้านก็เลยต้องปิดคิวเพื่อจะให้คุณเข้าไปในร้าน เนยก็เลยตอบเขาไปว่า จริงๆ แล้วปกติเวลาที่มีปัญหาอะไรเนยก็ไม่ได้เป็นคนที่จะต้องมานั่งอธิบายหรือแก้ตัวอะไร แต่อันนี้มันเป็นความเสียหายที่ค่อนข้างจะเยอะ เพราะว่าคนแชร์ออกไปเยอะมากว่าเราแซงคิว ดาราแซงคิว เนยก็เลยต้องออกมาอธิบายในเฟสบุ๊คตัวเองเพื่อบอกเขาว่าเนยจำเป็นที่จะต้องอธิบายนะ หวังว่าคุณจะเข้าใจด้วย เพราะว่าเราโดนกระหน่ำแรงมาก แต่ว่าในเมื่อคุณขอโทษแล้วและเป็นการเข้าใจผิดกัน ก็โอเคในเมื่อเป็นความเข้าใจผิด เราก็ยกโทษให้ และเราสามคนก็คุยกันแล้วว่าจะไม่แจ้งความหรือทำอะไรหรอก เพราะมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด เรื่องแซงคิวมันไม่ใช่เป็นเรื่องโพสต์อะไรที่เสียหายถึงขนาดที่เราจะต้องไปแจ้งความเรียกค่าเสียหายกับเขาหลายแสนบาท ก็เอาเป็นว่าเอาให้มันจบไปเท่านี้ และเขาขอโทษก็คือขอโทษ"

 

 

มีความคิดจะปรึกษาทนายมั้ยตอนแรก
           แจม "ตอนแรกคิดเลยว่าเดี๋ยวเราจะต้องปรึกษากับทนาย และจะต้องมีการไปแจ้งความเอาไว้ทางพรบ.คอมพิวเตอร์ เพราะจริงๆ แล้วมันสามารถฟ้องร้องได้ เพราะการที่เขาขอโทษผ่านทางอินบ็อกซ์หรืออะไรก็แล้วแต่ไม่มีใครรู้ และคนทั้งหมดที่ถูกกระจายข่าวออกไปแล้ว ไม่มีใครมาอ่านหรอกว่ามันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นจริงๆ เพราะฉะนั้นคนก็จะด่าต่อๆ ไป ขนาดตอนนี้มีการออกมาเคลียร์แล้ว เราออกมาบอกแล้วว่ามันไม่ใช่นะ คนก็ยังแชร์และด่าอยู่ ซึ่งความเสียหายของเขากับการที่เขาอินบ็อกซ์มาขอโทษแค่หนึ่งครั้ง แต่กลับของเราโดนกระจายไปไม่รู้กี่เท่า มันก็สร้างความเสียหายให้กับภาพลักษณ์ของเรา และลูกค้าต่างๆ ที่มองเราไปในทางที่ไม่ดี ซึ่งเราสามารถฟ้องร้องได้จนถึงหลักแสนและหลานแสน ตอนนั้นก็คิดว่าเราควรจะที่ฟ้องมั้ย เพื่อที่จะให้ทุกๆ คนได้รู้ว่ามันไม่มีทางสามารถที่จะถ่ายภาพใครก็ได้ หรือโพสต์อะไรก็ได้โดยที่ไม่มีข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง เพื่อที่จะไม่มีใครไวที่จะใช้โซเชียลขนาดนั้น แต่คิดอีกมุมนึงก็คือเราคิดในมุมเขา พี่เขาอาจจะหิวมากๆ และต่อคิวนาน เขาก็เลยพิมพ์ไปเลย แต่เขาได้อินบ็อกซ์มาขอโทษแล้ว ก็เลยคิดว่าพี่เขาก็เป็นผู้ใหญ่แล้วด้วย ก็คงมีลูกมีเมีย เราก็เลยไม่อยากจะมานั่งเอาเงินจากใครคนนึง เราไม่ได้อยากได้ แต่ที่ได้มาพูดวันนี้ก็ดีเหมือนกัน ถ้าพี่เขาได้ดูอยู่ก็จะได้รู้ว่าเราสามารถฟ้องได้ แต่เราไม่อยากนะคะ"

 

 

ได้ทำข้อตกลงหรือพูดคุยกับพี่เขามั้ย
           พิกเล็ท "เหมือนเขาขอโทษชี้แจงไปแล้ว แต่เขาเขียนว่าขอโทษนะครับที่เข้าใจผิดแค่นี้"
           แจม "เหมือนลงไปแป๊บนึงแล้วก็ลบออกไป"

 

 

ทางเราโอเคมั้ยหรืออยากให้เขาออกมาเคลียร์กว่านี้
           เนย  "ก็คงไม่ต้องออกมาเคลียร์อะไรแล้วค่ะ มันก็ช้าไปแล้ว คนแชร์และด่าไปเรียบร้อยแล้ว"
           พิกเล็ท  "แต่พี่เนยก็ได้บอกไปแล้ว หนูก็คิดว่าถ้าทุกคนเข้าใจแล้วว่าเราไม่ได้ทำผิดจริงๆ นะ เราไม่เคยแซงคิวอยู่แล้ว เราแค่อยากชี้แจงให้ทุกคนรู้เท่านั้นเองค่ะว่าเราไม่เคยทำแบบนี้เลย"

 

 

ทางร้านว่ายังไงบ้างพอเกิดกรณีนี้
           แจม "ทางเพจของร้านก็ได้ออกมาเขียนให้ลูกค้ารู้ว่าเรามาถ่ายรายการจริงๆ ทางร้านไม่ได้ให้เราลัดคิวลูกค้า ก็ต้องขอบคุณทางร้านและต้องขอโทษด้วยที่ทำให้เกิดเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา"

 

 

คนอาจจะมองว่าดาราชอบสิทธิพิเศษ เรามองเรื่องนี้ยังไง
           พิกเล็ท "ที่บ้านหนูไม่เคยเลย โดยเฉพาะพี่เนยวันนั้นที่เราไปถ่ายกัน พี่เนยบอกว่ารีบถ่ายแล้วรีบไปเถอะ เพราะกลัวว่าเราถ่ายช้า แล้วคนที่เข้ามาในร้านแล้วต้องรอเราอีก พี่เนยก็บอกให้รีบ ถ่าย รีบๆ กิน รีบๆ ออกไปเลย เกรงใจคนอื่นเขา หนูมั่นใจว่าบ้านหนูไม่ได้ตั้งการว่าเราต้องได้สิทธิพิเศษนะหรือว่าขอฟรี ปกติไปเที่ยวเราก็พยายามอยากที่จะจ่ายให้เขาอยู่แล้ว เพราะเราก็จะรู้สึกไม่ดีเองด้วย"

 

 

เราอยากจะอธิบายให้คนเข้าใจยังไงบ้าง
           เนย "จริงๆ เรื่องที่เข้าใจผิดกรณีเรื่องแซงคิวก็เรื่องนึง แต่อีกเรื่องก็คือการบูลี่ การใช้คำที่รุนแรง การวิจารณ์หรือใช้คำที่โหดร้าย ในมุมของคนที่คอมเม้นท์หรือโพสต์อาจจะคิดว่าเป็นคอมเม้นท์ของฉันแค่อันเดียวนิดๆ หน่อยๆ เธอรับไม่ได้เหรอ แต่ว่าลองคิดในมุมกลับกันถ้าเป็นคุณ แล้วคุณเจอเป็นร้อยเป็นพันคอมเม้นท์แขวะคุณตลอด บูลี่คุณตลอด คุณคิดว่าความรู้สึกของคนๆ นึงที่เจอจะรู้สึกยังไง มันก็มีคนที่ดีในสังคมที่พยายามจะช่วยในเรื่องของคำพูดที่ดีๆ แต่ก็ยังมีกลุ่มคนที่ใช้คำที่บูลี่มากๆ ก็อยากจะฝากว่าให้นึกถึงจิตใจอีกคนนึงด้วยที่เขายิน คือพอได้ยินซ้ำๆ ตลอดมันก็รู้สึกไม่ดีจริงๆ และไม่ได้สร้างสรรค์ด้วย"