"กะลา" ปรับโฉมใหม่ รวมพลคนไร้วง...
ซุ่มเงียบอยู่ 2 ปี ท่ามกลางกระแสข่าววงแตกตามวงรุ่นพี่ ในที่สุด กะลา วงร็อกนำโดยนักร้องเจ้าของเสียงแหบเอกลักษณ์ หนุ่ม กฤตพจน์ แสงสุวรรณ ก็ได้ฤกษ์ถอยเพลงใหม่ ไม่เห็นฝุ่น ออกมาให้ฟังเป็นซิงเกิลแรก พร้อมหน้าตาสมาชิกวงที่เปลี่ยนใหม่ เริ่มจากมือกีตาร์ เพ
“หนุ่ม” กฤตพจน์ หรือ หนุ่ม กะลา นักร้องนำคนเดิม ที่ยังคงยืนหยัดทำงานเพลงในนามวงกะลา เล่าถึงเหตุผลของการเปลี่ยนสมาชิกวงครั้งใหญ่ว่า
“มาถึงวันนี้วงกะลาก็อยู่ด้วยกันมาครบ 10 ปีพอดี ซึ่งทุกคนอยากไปทำงานที่ตัวเองรัก ต้องบอกว่า ถ้าผมไม่เป็นคนตัดสินใจเดินออกมาในตอนนั้น ความเป็นเพื่อนอาจจะไม่เหลือเลยก็ได้ ทุกคนเริ่มที่จะมีความชอบต่างกัน พูดคุยกันคนละภาษา จนบางครั้งผมถึงขั้นบอกเลยว่า ถ้าหมดทัวร์คอนเสิร์ตเมื่อไหร่ให้ไปหานักร้องนำคนใหม่ได้เลย ผมว่าเราควรแยกกันตอนนี้ดีกว่า ถ้าดื้อด้านอยู่กันก็มีแต่พังกับพัง อธิบายง่ายๆ เหมือนผมชอบร็อก เพื่อนชอบฮิพฮอพ บางครั้งเวลาคุยกัน ของเราก็ดี ของเขาก็ดี พอคุยต่อไปเรื่อยๆ ก็เละ
พอแยกกัน บางคน ("รุส" ดารุส ปัญญา มือกลอง) ก็ไปเปิดร้าน อย่างนุ (ธีระศักดิ์ อุ่มมล) มือเบสเขาเรียนจบปริญญาโทแล้วก็เลยไปทำงานออฟฟิศ ส่วนโต (มาโนช พิมพ์จันทร์) มือกีตาร์ ตอนนี้ก็กำลังทำเพลงใหม่อยู่”
เมื่อถามถึงสมาชิกใหม่ หนุ่ม บอกว่า ทุกคนเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว โดยมักเจอกันตามงาน โทรศัพท์พูดคุยกันเป็นประจำ
"เรื่องทั้งหมดมันเกิดมาจากผม จริงๆ แล้ว หลังผมจบกับวงเก่า พี่ๆ ทีมงานก็วางงานไว้ให้หมดแล้ว ให้ผมเป็นนักร้องเดี่ยว แล้วเผอิญเขตเข้ามาดูแลเรื่องเนื้อร้องให้ผม คุยกันไปคุยกันมารู้สึกถูกชะตาก็เลยชวนมาทำวงกัน เพราะผมเองก็ไม่เคยคิดว่าจะออกเดี่ยวเลย เพียงแต่ไม่มีคนมาเล่นด้วย สุดท้ายพอตกลงปลงใจกันก็เลยร่วมฟอร์มสมาชิกใหม่ขึ้นมา"
ถามต่อว่าเหตุใดจึงไม่อยากเป็นนักร้องเดี่ยว เพราะสามารถทำได้ อีกทั้งในแง่ของรายได้หากออกเดี่ยวก็ไม่จำเป็นจะต้องหารกับเพื่อนๆ หนุ่มตอบว่า
"เรื่องเงินเป็นเรื่องใหญ่จริง แต่ปัญหาของผมไม่ได้อยู่ที่เงิน มันอยู่ที่ความรู้สึกของผมที่ยังค้างคากับความเป็นวงกะลาอยู่ ผมอยากสานต่ออะไรบางอย่างให้จบให้สิ้นก่อน ผมเองก็ไม่กล้ารับปากนะว่าสมาชิก ณ ตอนนี้จะอยู่ไปได้อีกนานแค่ไหน อาจจะอยู่แค่ชุดเดียวก็ได้ หรือแค่สองซิงเกิลแล้วแตกกันก็ได้ ซึ่งเรื่องพวกนี้ผมคุยกันอยู่แล้ว ในท้ายที่สุดแล้ววันหนึ่งผมอาจจะต้องไปร้องเดี่ยวอยู่ดี แต่วันนี้ผมขอเลือกทำตรงนี้ก่อน"
หันมาถาม เพชร ถึงวงไอ-แซ็ก ซึ่งเขาบอกว่าปัญหาคล้ายกัน ต่างคนต่างอยากไปทำอะไรมากขึ้น ตัวเขาตอนแรกก็เบื่ออยากไปทำงานเบื้องหลัง อยากไปเขียนเพลง แต่งเพลง จึงแยกย้ายกัน กระทั่งปีกว่าๆ ผ่านไป รู้สึกคิดถึงอยากกลับมาเล่นดนตรีอีกครั้ง ประจวบเหมาะกับที่หนุ่มมาชวนพอดี
ส่วน พร หลังจากวงลาบานูน ตกลงจบวงเมื่อ 2 ปีแล้ว ด้วยสาเหตุที่ เมธี อรุณ นักร้องนำวงลาบานูน เบนเข็มไปลงสนามการเมืองที่บ้านเกิด ส่วน อนันต์ สะมัน มือเบส ก็หันไปทำงานออฟฟิศ จังหวะพอดีกับที่หนุ่มโทรศัพท์มา หลังจากโทรศัพท์ไปปรึกษาอนันต์ ก็ตอบตกลงไปทันที
หนุ่ม เล่าต่อว่า ใช้เวลารวมวงประมาณหนึ่งปี สำหรับชื่อวง เดิมทีไม่ได้ตั้งใจว่าจะใช้ชื่อเดิม โดยได้หาชื่อมาเปลี่ยนหลายชื่อแล้ว แต่ไม่ผ่านที่ประชุมของบริษัท สุดท้ายจึงไปคุยกับแฟนคลับกลุ่มหนึ่ง ซึ่งแฟนคลับให้ความเห็นว่าสุดท้ายแล้วไม่ว่าเขาจะเปลี่ยนชื่อวงไปเป็นอะไร ก็จะยังคงเรียก หนุ่ม กะลา อยู่ดี
"พอน้องเขาทัก ผมก็เออ...ชื่อนี้ผมก็เป็นคนตั้งอยู่แล้ว ก็น่าจะใช้ได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องมาคุยกับเพื่อนก่อน เพราะทุกคนก็มีนามสกุลของตัวเองอยู่ คนที่ผมหนักใจมากที่สุดที่จะคุยด้วยก็คือพร เนื่องจากเขาเองขายอัลบั้มได้ถึงล้านตลับมา 3 อัลบั้มแล้ว มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ศักดิ์ศรีของวงเขาสูงมากนะ เพียงแต่โชคดีที่พรเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยคิดอะไร กลายเป็นว่ามาเชียร์เราด้วยว่าให้ใช้ไปเลย ทำให้เป็นตำนานเลย"
เกี่ยวกับเรื่องชื่อวง เพชรเสริมว่า อย่างน้อยหนุ่มก็เป็นนักร้องนำ จะมาเรียก หนุ่ม ลาบานูน ก็ไม่ใช่ หรือเรียก หนุ่ม ไอ-แซ็ก มันก็ไม่ได้
ถามต่อว่ามาถึง ณ วันนี้ ลงตัวหรือยังสำหรับสมาชิกใหม่ในนามกะลา ทั้งหมดช่วยกันตอบว่า ตอนนี้ก็ยังเป็นช่วงปรับเรื่อยๆ แต่ด้วยพื้นฐานดนตรีที่คล้ายกันก็ไม่ยากเท่าไหร่ เวลาคุยกันก็ง่ายหน่อย
"อย่างเพลงแรก เพลงไม่เห็นฝุ่น เนื้อร้อง-ทำนอง เดิมมีอยู่แล้ว หนุ่ม เขต และพร ทำร่วมกันมา แล้วก็จะเปลี่ยนไปตามมือกีตาร์ที่เข้ามา เพราะก่อนหน้าที่จะได้เพชร เปลี่ยนมือกีตาร์มาหลายคน หนุ่มต้องร้องไป 7 รอบ พรอัดกลองไป 3 รอบ จากเพลงที่ช้ามากๆ ก็เป็นเพลงมีจังหวะขึ้นมา เพลงเดียว ใช้เวลาทำ 1 ปีเลย
ในภาคดนตรีเพลงนี้จะเป็นเพลงโมเดิร์นร็อก นำเสนอให้เป็นกะลาในแบบใหม่ นิวลุคส์ หากถามถึงความเป็นกะลา สิ่งแรกที่เรานึกถึงเลยคือเสียงร้องของหนุ่ม เราเลยดีไซน์ดนตรีให้มันลอยๆ เข้ากับคำว่าฝุ่น พร้อมกับใส่เสียงร้องเข้าไป จนถึงกลางเพลงก็จะมีแบนด์เข้ามา ทำให้เกิดสีสันดนตรีที่น่าติดตาม ช่วงแรกคนฟังอาจจะคิดว่าเป็นเพลงช้า แต่พอฟังไปไม่ใช่ เนื้อหาก็ยังคงตรงๆ ซื่อๆ เป็นกะลาที่โตขึ้น"
แม้จะปรับให้เปลี่ยนไป แต่ทั้งหมดก็ยอมรับว่าจะต้องรักษาฐานแฟนเพลงเดิมไว้ แม้จะต้องคิดด้วยว่าจะทำอย่างไรให้ได้แฟนเพลงกลุ่มใหม่เพิ่มขึ้นไปอีก กล่าวคือจะต้องคิดด้วยว่าเปลี่ยนอย่างไรไม่ให้สุดโต่งเกินไป
พิสูจน์ฝีมือพวกเขาได้กับซิงเกิลที่ทยอยออกมาเรื่อยๆ ส่วนอัลบั้มเต็มคงต้องรอกันไปก่อน