"นุ๊ก สุทธิดา" เปลือยชีวิต หลังป่วยมะเร็ง สามีไม่เชื่อ ขอเห็นกับตา ทรมานขนาดไม่อยากรักษาอีกต่อไปแล้ว
"นุ๊ก สุทธิดา" เปลือยชีวิต หลังป่วยมะเร็ง สามีไม่เชื่อ ขอเห็นกับตา ตามไปถึงที่โรงพยาบาล เล่าถึงขั้นตอนการรักษา ที่รู้สึกทรมานจนไม่อยากจะรักษาอีกต่อไปแล้ว
หลังจากเมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แฟนคลับแห่ให้กำลังใจกันอย่างล้นหลาม หลังทราบข่าว "นุ๊ก สทุธิดา" ป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง จนเจ้าตัวออกมาอัพเดทอาการผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวถึงขั้นตอนการกลืนแร่ เพื่อรักษามะเร็ง ล่าสุด "นุ๊ก สุทธิดา" ได้มาเปิดใจครั้งแรก ผ่านรายการคุยแซ่บโชว์ ถึงขั้นตอนการรักษามะเร็ง ถึงขนาดอยากล้มเลิก ไม่อยากรักษาอีกต่อไป พร้อมเผยความในใจถึงสามีว่าเพราะเหตุใด เขาถึงไม่เชื่อว่าเราป่วยเป็นมะเร็ง
อ่านข่าว : เปิดประวัติ "นุ๊ก สุทธิดา" ขวัญใจวัยรุ่นยุค 90 หลังป่วยมะเร็ง คนแห่ให้กำลังใจ
นุ๊ก : คุณหมอนัด 1 อาทิตย์ หลังเจอมาเจาะชิ้นเนื้อ แต่ตอนนี้ ใจเราถามหมอว่าข้ามขั้นตอนนี้ได้มั้ย คือเรารู้ตัวว่าเป็นแน่นอน คุณหมอพยายามจะเก็บหน้า แต่หมอหลอกเราไม่ได้
เตรียมการสำหรับตัวเองยังไง ?
ก่อนผลจะออก เราเลือกเลยว่าจะให้แพทย์ท่านไหนผ่า จะผ่าวันไหนอะไรยังไง
กับครอบครัว ลูก วางแผนยังไง ?
ตั้งแต่ผลมะเร็งยังไม่ออก เราบอกสามีก่อนเลยว่า เราเป็นมะเร็งนะ สามีอึ้งไปสักพัก พอสักพักเราไปนั่งเล่นกับลูก นั่งร้องไห้กับลูก พอเราบอกว่าเราเป็นมะเร็ง สามีโกรธ และดูหงุดหงิด ตลอดเวลา 2 ปี ที่เปิดยิมมา เขาอยากกลับบ้าน แต่เราไม่เคยให้เขากลับเพราะการทำยิมมันขาดทุนทุกวัน และเขาเป็นคนประครองยิมตลอด 2 ปี ที่ผ่านมา เขาก็เกิดดราม่าเรื่องตรงนี้ด้วย และก่อนหน้าที่จะเดินไปบอกเขาว่าเราเป็นมะเร็ง อีก 2 เดือนเขาจะกลับมาเลย์ เพราะน้องสาวเขาจะแต่งงาน พอไปบอก เขาก็ไม่เชื่อว่าเราเป็นมะเร็ง และตอนเราบอกเขา เราก็ไม่ได้เศร้า เพราะตอนนั้น ใจเราเองก็โฟกัสแต่แค่เรื่องลูกเท่านั้น แต่ด้วยส่วนตัวเรา เรามั่นใจแล้วว่าเราเป็นมะเร็ง เราเลยคิดอยากจะทำอะไรบ้าง ให้รีบทำ
ถึงขั้นทะเลาะกันมั้ย ?
มันเป็นการงอนกันมากกว่า เขาพูดอมาว่า ยูจะร้องไห้ทำไม ยูยังไม่ตายเราคิดไปแต่เรื่องพินัยกรรม เรื่องสมบัติ จะแบ่งให้ลูกยังไง พอเขาเริ่มงอนมากๆ เขาก็จะกลับมาเลย์ให้ได้ และเราเองก็ต้องฉายแสงเขาจะตามไปดูเราที่โรงพยาบาล เขาไม่เชื่อ เพราะเราแข็งแรงมาตลอด
พอเราพูดถึงสามีแบบนี้ ทำไมถึงพูดว่าสามีไม่เอาใจใส่ ?
มันเป็นการเล่ากับพี่โก้ เราโฟกัสในเรื่องของโรค และวิธีการรักษาเรื่องสามีเราแค่เล่าแตะๆไว้ เราไม่ได้เล่าถึงความรู้สึกเขาทั้งหมดทั้งมวลต่างฝ่ายก็ต้องยอมรับในการเป็นกันและกัน แต่จริงๆเรายังรักกันดีอยู่
วันที่สามีทราบเราเป็นแน่ๆ ?
เขาต้องเห็นคาตาว่ามันมีก้อนเนื้อ ขนาดวันผ่าเขาก็ยังไม่เชื่อเขาต้องดูแลลูกทุกคนเลย เพราะลึกๆเขาไม่เชื่อ พอเขาเห็นชื้นเนื้อออกมาจริงๆเลย ขนาดใหญ่มาก เขาจึงเชื่อสนิท และสามีก็รักเรามาก แต่เขาก็นิ่งๆสักพักเขาก็บอกรักเรา ถึงบอกว่าชีวิตคู่บางทีมันไม่ต้องมีอะไรเคลียร์ๆกันบ้างก็ได้ บางทีต้องมองข้ามปล่อยผ่าน และให้อภัยเราก็ไม่ได้โกรธกัน รักกันมากกว่าเดิม
ยังขอกลับประเทศอยู่มั้ย ?
ถ้าเขาจะกลับเราก็ไม่โกรธนะ เพราะเขาก็รักครอบครัวมาก เราก็ลองถามสามีว่าจะกลั[มาเลย์มั้ย
เขาก็พูดมาว่า จะกลับได้ไง ต้องอยู่ดูแลลูก
ปีโป้
ตอนนั้นแม่บอกหนูว่าแม่อาจจะเป็นมะเร็ง ผมก็นึกว่าแม่ไม่เป็นหรอก พอไปถามคุณยาย คุณยายก็บอกว่าแม่เป็นมะเร็งไทรอยด์
ปาแปง
ผมรู้สึกว่ามันไม่ค่อยร้ายแรงเท่าไหร่คิดว่าแม่ไม่ได้เป็นเยอะเท่าไหร่
ขั้นตอนการรักษา คิดขนาดไม่อยากรักษาอีกแล้ว ?
ตอนนุ๊กเป็นก้อนขนาดใหญ่มากแต่หมอเก่งมาก เพราะนุ๊กเป็นก้อนขนาดใหญ่มากหมอปลุกขึ้นมาครั้งแรก ตอนนั้นเรารู้สึกเจ็บแต่พอเพื่อนมา เราก็รู้สึกหายเจ็บแต่ที่หนัก คือการกลืนแร่ คือการกลืนไอโอดีนผสมกัมมันตภาพรังสี
ต้องกลืนเข้าไปเพื่อไปฆ่าเซลล์มะเร็งเพื่อไปกดภูมิทุกอย่าง เราจะรู้สึกทุกอย่างอักเสบไปหมด และมันก็จะเพิ่มความซึมเศร้ากลับมาหาเราด้วย
อาการมันทรมานขาดไหน ?
กลืนไป 5 ชั่วโมงยังแค่มึนๆ งงๆ แต่พอขึ้นชั่วโมงที่ 6 เริ่มเวียนหัวตอนกลืนแร่ห้ามใครเข้าพบเลยเขาจะไม่ให้หมอ พยาบาลหรือใครเข้าเยี่ยม เพราะตัวเรามีกัมมันตภาพรังสี เวลาปัสสาวะ ก็ต้องแยกจากคนอื่นหมดและต้องล้างให้สะอาด และตอนจะอ้วก มันหนักมาก ทานข้าวไม่ได้ 3 วันเลย
CR.รายการคุยแซ่บโชว์