วงการภาพยนตร์ไทยเศร้า ร่วมส่ง "วิสันต์ สันติสุชา" เป็นครั้งสุดท้าย
คนบันเทิง และ ครอบครัวสันติสุชา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม 64 ที่ผ่านมา ได้ร่วมทำพิธีฌาปนกิจ ส่งผู้กำกับภาพยนตร์ไทยรุ่นใหญ่ระดับตำนาน "วิสันต์ สันติสุชา" วัย 84 ปี ที่จากไปอย่างสงบ
เมื่อช่วงเช้าวันที่ 19 สิงหาคม 64 หลังป่วยติดเตียงอยู่นานหลายปีด้วยอาการพิการทางสายตา และ ได้จากไปอย่างสงบด้วยโรคชรา เป็นครั้งสุดท้าย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยบรรยากาศภายในงานจัดพิธีแบบเรียบง่าย มีคนบันเทิงที่มาร่วมแสดงความอาลัย อาทิ ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง "จารึก สงวนพงษ์" , "พยุง พยกุล" และ นักแสดงที่ ผู้กำกับภาพยนตร์ไทยรุ่นใหญ่ระดับตำนาน "วิสันต์ สันติสุชา" ผู้ล่วงลับ เคยเป็นคนปั้นเข้าสู่วงการบันเทิง อย่าง "ตุ้ม รสริน จันทรา" ก็มาร่วมไว้อาลัย เป็นครั้งสุดท้ายอีกด้วย
ส่วนผลงานในวงการบันเทิง ผู้กำกับภาพยนตร์ไทยรุ่นใหญ่ระดับตำนาน "วิสันต์ สันติสุชา" ผู้ล่วงลับ ได้สร้างชื่อเสียง และ สร้างผลงาน กำกับภาพยนตร์ไทยเอาไว้มากมาย กว่า 50 เรื่อง เรียกว่าเป็นผู้ให้กำเนิดภาพยนตร์บู๊แอ็คชั่น นอกจากนี้ยังเป็นผู้ ปั้นพระเอก-นางเอก เข้าสู่วงการบันเทิงมากมาย อาทิ "จักร มหาชัย" , "แสงระวี บุญแสง" , "ตุ้ม รสริน จันทรา" ล้วนเข้าวงการมาได้โดยการชักนำของ "วิสันต์ สันติสุชา" ผู้ล่วงลับ นั่นเอง
และสำหรับผลงานที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของ "วิสันต์ สันติสุชา" และ ยังคงเป็นที่กล่าวถึงมาจนปัจจุบัน คือ ภาพยนตร์เรื่อง ชุมแพ (2519) ภาพยนตร์บู๊ที่ยิ่งใหญ่ของไทย แสดงนำโดย พระเอกยอดนิยมแห่งยุค 2 คน คือ "สมบัติ เมทะนี" และ "นาท ภูวนัย" ซึ่งค่าตัวสูงด้วยกันทั้งคู่ (ในเวลานั้น) มาประกบกัน และ หลังจากที่ภาพยนตร์เข้าฉาย ก็ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดทำ รายได้ถล่มทลายในยุคนั้นเป็นอย่างมาก
"วิสันต์ สันติสุชา" ยังเป็นคนสร้างหนังไทย ที่ทำงานในระดับอินเตอร์ โดยมีการร่วมทุนสร้างภาพยนตร์กับ บริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ของฮ่องกง อย่าง ชอว์บราเดอร์ ในปี 2521 สร้างภาพยนตร์ เรื่อง "นักสู้ 2 แผ่นดิน" และ ในปี 2523 "สันติสุชาภาพยนตร์" ได้ร่วมทุนกับ "เจริญ พูลวรลักษณ์" สร้างภาพยนตร์เรื่อง "หงษ์หยก" โดยได้นักแสดงสาวชื่อดังแห่งยุค "หมีเซียะ" มารับบทนางเอก
"สันติสุชาภาพยนตร์" นอกจากสร้างดารานักแสดงแล้ว ยังสร้างงาน สร้างผู้กำกับ การแสดงหน้าใหม่ อย่าง "ศรีไพร ใจพระ" และ "จารึก สงวนพงษ์" การสร้างงานภาพยนตร์ของ "วิสันต์" แนวภาพยนตร์จึงไม่จำกัดอยู่แค่หนังบู๊เท่านั้น นับเป็นคนหนังไทยที่ สร้างงาน & สร้างคน มอบไว้ในวงการภาพยนตร์ไทยมากที่สุดท่านหนึ่ง ของหน้าประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทยเลยทีเดียว
ขอบคุณภาพประกอบข่าวจาก เพจเฟซบุ๊ก ดาราภาพยนตร์