"ตุ๋ย นวลปรางค์" สุดช้ำ ชีวิตคู่ 14 ปี โดนแย่งสามีแบบไม่รู้ตัว
ใครจะรู้ว่า นักแสดงมากความสามารถ อย่าง "ตุ๋ย นวลปรางค์" จะมีชีวิตที่สุดช้ำ มานานถึง 14 ปี จนวันนี้ได้เปิดใจให้ทุกคนได้ทราบ ผ่านรายการ "คุยแซ่บโชว์"
นักแสดงรุ่นใหญ่ "ตุ๋ย นวลปรางค์" เจ้าของตำนานยุคแรก ดาราเป็นของเล่นไฮโซ พร้อมเปิดชีวิตคู่ 14 ปีสุดช้ำ โดนแย่งสามีแบบไม่รู้ตัว กอดคอลูกชายร้องไห้ ไปพบจิตแพทย์ หวั่นกลัวจะเป็นบ้าทั้งแม่และลูก หรือว่าเครียดหนักเพราะถูกตราหน้าว่าเป็นแม่ที่ดีไม่ได้
ไม่ได้ถ่ายละครเกือบ2ปีแล้วคิดถึงไหม?
ตุ๋ย : ก็คิดถึงนะแต่ว่ามีอย่างอื่นต้องทำนิดหน่อย มีกิจการร้านทำเล็บ แถวรัชดา ซึ่งช่วงนี้ร้านก็ปิดๆเปิดๆเนื่องจากสถานการณ์โควิด ตอนนี้เงินที่มีอยู่ก็น่าจะสามารถเยียวยาร้านได้ประมาณอีก2เดือน ถ้าหลังจากนี้ยังไม่ดีขึ้นก็อาจจะต้องสวัสดีลาก่อน
นอกจากนี้ก็มีรายได้จากลูกชาย?
ตุ๋ย : ลูกชายให้บ้างค่ะ เราบอกว่าการให้เงินแม่ก็เหมือนการทำบุญ เค้าดูแลดีมาตลอด มีคนขับรถให้ เราเข้าวงการตั้งแต่อายุ 17-18 ตอนนี้ลูกชายก็อายุ 31 ปีแล้ว ตอนนั้นเป็นนางแบบเล่นละคร หลังจากนั้นเราก็แต่งงานมีผัวเลย เข้าวงการบันเทิงก็จากการประกวดนางงาม หลังจากนั้นก็เริ่มถ่ายแบบเดินแฟชั่นแล้วก็ได้มาเล่นละคร
ชีวิตจริงเปรี้ยวกว่าละคร?
ตุ๋ย : สมัยก่อนนางแบบมีไม่เยอะ ไปเที่ยวบาร์ทีก็มีคนหันมามอง มีดื่มบ้าง เดินแฟชั่นเสร็จก็เที่ยวต่อ ก็มีเล่นบ้างแต่ไม่ได้เข้าบ่อนใหญ่ ตอนนั้นคือใช้ชีวิตแบบสุดๆ
ตอนนั้นไม่มีเงินเก็บเลย
ตุ๋ย : ไม่มี สมัยก่อนคือได้มาใช้ไปเป็นคนใช้เงินเก่ง เก่งแบบไร้สาระ ซื้อเสื้อผ้า แบรนด์เนม ก็ใช้ชีวิตอย่างนั้นจนไปเมืองนอก แต่พวกกระเป๋าเครื่องสำอางค์มีคนซื้อให้ มีคนเอามาประเคน ตอนนั้นมีคนมาจีบเยอะมากสวยแซ่บขนาดนี้ ก็มีไฮโซ มีทุกรูปแบบ ทั้งคนที่มีครอบครัวแล้ว นักการเมือง ก็เราอยู่ที่ดีๆ ไปเที่ยวแต่ที่แพงๆ ก็เจอแต่คนแบบนี้ มีคนเสนอบ้านรถให้ แต่ถ้าเราไปตกลงกับเขามันก็จะเป็นเรื่องเป็นราว เราก็ต้องไปเป็นเบอร์2เบอร์3 ตอนนั้นเราก็ยังเด็กเราก็อยากได้คนแบบซิงๆ
ดาราเป็นของเล่นของไฮโซ?
ตุ๋ย : มันตรงข้ามกันไหมไฮโซก็เป็นของเล่นของเราสิ เพราะไฮโซเค้าก็อยากเจอดารา อยากกินข้าวกับดารา เพราะมันไม่ได้หมายความว่าตอนจบเราต้องไปนอนกับเค้านิ เราก็เห็นว่าเค้าเป็นของเล่นได้นิเค้าอยากเลี้ยงข้าว เราก็พาเพื่อนไปสิ คนนี้มาจีบเพื่อนเราแล้วก็เฮกันไป เราควรจะเป็นคนเลือกเขาซึ่งบางทีเราก็ไม่ได้เลือกเขาด้วย หรือบางทีเค้าก็ไม่ได้เลือกเราด้วย
ทำไมถึงไม่เลือก?
ตุ๋ย : มันยังไม่ถึงเวลามั้ง เรารู้สึกว่าคนที่เพิ่งกลับมาจากเมืองนอกชีวิตเค้าก็เพิ่งเริ่มต้น พ่อแม่เขาก็คงยังไม่อยากให้แต่งงาน แล้วก็ยังไม่มีใครมาขอเราเป็นเรื่องเป็นราว ถ้ามาขอก็คงโอเค แต่ว่ายังไม่มีคนมาขอไง
มีคนที่เราตกลงเป็นแฟน?
ตุ๋ย : ก็มีหลายคน คนที่มีอิทธิพลหรอ คือคนนั้นน่ะดูภายนอกก็ดูดี แต่ข้างหลังคือไม่ใช่ เราก็ใช้เวลาไม่นานกว่าจะรู้ความจริงเผอิญว่าเค้าไปจีบคนใหม่พอดี เราก็เลยสบายไป แล้วก็ถอยออกมาไปเดินแฟชั่นที่เมืองนอก จนกระทั่งไปเจอพ่อของลูก ดวงเราดี
คนนี้ทำให้เราลาจากวงการบันเทิงและไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ?
ตุ๋ย : ใช่ มันก็คงถึงเวลา ผู้ชายคนนี้เป็นคนแรกที่ขอเราแต่งงาน สมัยก่อนอายุ 25 ก็ถือว่าแก่แล้ว ควรจะมีสามี เค้าเป็นคนไทยแต่ต้องไปอยู่เมืองนอกและเราเองตอนนั้นก็อยากอยู่เมืองนอก ก็ใช้เวลาคุยกันไม่นาน เกือบปี
ย้ายไปอเมริกาชีวิตเปลี่ยน?
ตุ๋ย : เป็นพนักงานเสิร์ฟ เจ้าของร้านอาหารไทย 3 สาขา ตอนแรกไปเราก็ใส่ส้นสูง 3 ถึง 4 นิ้วเดินเสิร์ฟ แล้วร้านขายดีมากใส่ส้นสูงเสิร์ฟก็ไม่ไหว ก็เลยหันมาใส่รองเท้าผ้าใบ บางครั้งก็ล้างจานเอง บางครั้งก็ช่วยจัดจานในกรณีที่คนไม่พอ ไม่ได้รู้สึกลำบากเพราะเราอยู่ในฐานะเจ้าของ อยู่อเมริกาทั้งหมด 14 ปีแล้ว
เหตุผลกลับไทย?
ตุ๋ย : ก็ไม่อยากพูดถึงเยอะ วันดีคืนดีเค้าบอกว่าจะกลับไปอยู่เมืองไทย เค้าบอกว่าเราควรจะเลิกกัน เค้าบอกว่าเค้าต้องไปทำโครงการที่เหนือ คิดว่าเค้าคงไปเจอสาวเหนือ เราก็นึกไม่ถึงยืนอยู่ดีๆเค้าก็ถีบตกน้ำ ทั้งอ้อนวอน ขอร้องว่าอย่าไปเลย คือพยามจะยื้อไว้ให้นานที่สุด แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ ถือเป็นเรื่องใหญ่มากในชีวิต เหมือนนินทาคนตาย มันก็เป็นเรื่องปกติของผู้ชาย ส่วนใหญ่มันก็จะมีช่วงหนึ่งของชีวิตที่เบื่อแล้ว บางคนเบื่อแล้วกลับมา บางคนเบื่อแล้วกลับไม่ถูก
ทำใจนานไหม?
ตุ๋ย : ก็3-4เดือน ตอนนั้นเราก็ยังอยู่ที่ต่างประเทศ ทำงานเลี้ยงลูก ตอนนั้นไม่โกรธเพราะไม่มีเวลาที่จะโกรธ เพราะเราต้องหาเงินทำงานเช้ายันเย็น ลูกจะต้องไปโรงเรียน ถามว่าเสียใจร้องไห้มีไหมมันก็มี แต่ถึงเวลานึงเราต้องอยู่ให้ได้ เพราะเรามีลูก ตอนนั้นลูกอายุ 7 ขวบ ก็ยังไม่บอกลูก จนกลับมาอยู่เมืองไทย ลูกก็ถามว่าทำไมมาอยู่เมืองไทยนานจัง เมื่อไหร่จะกลับบ้านเรา พ่อไปทำงานนานจังเลย
หย่ากันเลยใช่ไหม?
ตุ๋ย : ก็หย่ากันตั้งแต่เมืองนอก เพราะไม่ได้จดทะเบียนที่เมืองไทย
ถูกครหาเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวตกอับกลับมาอยู่ไทย?
ตุ๋ย : มันก็ห้ามไม่ได้ มีคนพูดว่าหย่ากับผัวกลับมาอยู่เมืองไทย คนก็คิดว่าเราไม่มีเงินแล้ว คงไม่มีอะไรกลับมา
กลับมาทำงานในวงการบันเทิงอีกครั้งได้ยังไง?
ตุ๋ย : ก็ยังมีคนเรียกไปเล่นละครอยู่เราก็เริ่มมีเงินจากตรงนี้บทแม่ก็ยังได้อยู่เพราะตอนนั้นอายุเพิ่ง 39 ปี
เรื่องถ่ายนู้ดสร้างกระแสกลับมา ก็ไม่เอาเกรงใจลูกและคิดว่ามันก็คงไม่ได้น่าดูเท่าไหร่
มีคนมาคุยด้วยไหม?
ตุ๋ย : เรารู้สึกว่าเราฉลาดกว่าเราไม่ได้ว่าเค้าโง่นะแต่เวลาคุยด้วยกันเรารู้สึกว่าทำไมพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่องเราไม่ได้เปิดใจให้ใครเลยเพราะมันไม่มีเวลาเพราะเรามัวแต่หาเงิน อายุ 39 ก็ยังมีคนเข้ามาคุยตอนนั้นมีสเปกไหม ก็ต้องมีเงินเยอะๆไหมล่ะ แต่ตอนนี้เงินฉันก็มีมากแล้ว สมองฉันก็ว่าฉันฉลาดกว่า ถ้าไม่มีเหนือกว่าแล้วเราจะเอามาทำไม คือเราไม่ได้หวังของคุณแต่คุณต้องมีเหนือเรา ก็มีแค่เฉียดๆเข้ามาแต่ส่วนใหญ่ก็มีครอบครัวแล้ว
เห็นว่าลูกชายก็ประสบความสำเร็จ?
ตุ๋ย : เรียนเมืองนอกได้เกียรตินิยม ส่งไป3ปีเงินในบัญชีเทหมดหน้าตัก ก็ไม่ผิดหวังเลยจริงๆตอนนี้ทำงานบริษัทฝรั่ง เรียนเกี่ยวกับวิศวะกร พร้อมสนับสนุนลูกทุกอย่างเลย ลูกชายสูงมากสูง 194 เซนติเมตร สิ่งเดียวที่คุยได้ตลอดชีวิตก็คือลูกชายนี่แหละเป็นการลงทุนที่คุ้มที่สุด
เห็นว่าถึงขั้นพบจิตแพทย์?
ตุ๋ย : จริงค่ะ เพราะตอนกลับมาใหม่ๆ กับลูกสองคนเหมือนคนเพี้ยน ลูกร้องไห้แม่ก็ร้องไห้ ลูกยังปรับตัวใช้ชีวิตที่เมืองไทยไม่ได้ เรากับยายก็แอบไปนั่งเฝ้าที่โรงเรียนแล้วก็ร้องไห้ ก็ปรับตัวไม่ได้จนต้องไปหาจิตแพทย์สมัยก่อนเมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว ใครหาหมอจิตแพทย์ก็คือคนบ้า หมอบอกว่าเด็กไม่ได้มีปัญหาเรื่องพ่อแม่แตกแยก แต่ว่าพอถึงเวลาแล้วคุณต้องบอกความจริงให้เค้ารู้ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นไม่ใช่ไปโกหก พอถึงเวลาเราก็เลยบอกเค้า เค้าบอกว่าเด็กจะปรับตัวเร็ว ประมาณ 5-6 เดือนเค้าก็ชินกับโรงเรียน
เห็นว่าเคยกอดคอกันร้องไห้?
ตุ๋ย : ที่ร้องไห้ไม่ได้คิดถึงอยากให้เขากลับมา แต่คิดว่าเราจะอยู่กันยังไง เพราะหลายหลายอย่างลูกก็ยังไม่ชินและยังปรับตัวไม่ได้ พอลูกดีขึ้นเราก็ดีขึ้นมันใจมันชื้น พอลูกเริ่มอ่านเขียนหนังสือได้เราก็เริ่มบอกลูกด้วยการเอาจดหมายที่พ่อเคยเขียนขอโทษเราให้ลูกดู ลูกก็บอกว่าอ่านแล้วรู้สึกเสียใจ เราก็ไม่ได้ใกล้ชิดลูกขนาดนั้นเพราะคนที่ดูแลลูกเราจริงๆก็คือคุณยาย ถ้าไม่มีคุณยายแล้วตายแน่ เพราะเราต้องบินไปเมืองไทยเมืองนอกตลอด
มีคนว่าไม่ใช่แม่ที่ดี?
ตุ๋ย : เพราะเราเลี้ยงลูกแบบสะเงาะสะแงะหลายคนมองว่าเราจะรอดไหมเนี่ย อะไรทำได้เราก็อย่าทำให้เขาทั้งหมด แต่คนก็บอกว่ามันไม่น่าจะรอด เราไม่ได้พิสูจน์อะไรกับคนพวกนั้นแต่คนที่พิสูจน์ก็คือลูกเรา เพราะว่าลูกฉันมาได้ขนาดนี้
อยากสตรองแบบคุณแม่ต้องทำยังไง?
ตุ๋ย : ทุกคนต้องมีเวลา ออกกำลังกายคลายเครียดอย่างน้อยฆ่าเวลาไปได้ 2 ถึง 3 ชั่วโมง อีกอย่างก็อยู่ที่ดวงด้วยมันต้องทั้งเก่งและเฮง ทุกอย่างมันต้องรวมกัน ณ วันนี้ยังรับงานในวงการบันเทิง แต่งงานส่วนตัวไม่ค่อยทำแล้วน้อยมาก รีไทร์มาเกือบจะ 10 ปีแล้ว