บันเทิง

"ครูเงาะ" ขอเล่าประสบการณ์เสี่ยงตาย บอกเลยเรื่องนี้ ความเมตตาชนะทุกสิ่ง

"ครูเงาะ" ขอเล่าประสบการณ์เสี่ยงตาย บอกเลยเรื่องนี้ ความเมตตาชนะทุกสิ่ง

23 พ.ย. 2564

"ครูเงาะ-รสสุคนธ์ กองเกตุ" ที่ใครๆ คงทราบว่าหนึ่งบทบาทสำคัญของครูเงาะ คือการเป็นครูสอนการแสดงให้กับนักแสดงที่มีชื่อเสียงมาแล้วมากมาย นอกจากการเป็นครูสอนการแสดงแล้ว ครูเงาะยังเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ นักพัฒนาบุคลิกภาพที่ได้รับการยอมรับ มีลูกศิษย์มากมาย

เป็นที่ทราบกันว่า "ครูเงาะ รสสุคนธ์" เป็นอีกคนที่บ่อยครั้งเราหลายๆคนเห็นครูเดินทางไปปฏิบัติธรรม อยู่เข้าปีที่ 5 แล้ว ในทุกๆเดือนที่ผ่านมา ทำให้ช่วงตอนโควิดที่ผ่านมา มีเหตุให้ต้องถือศีล8เองที่บ้าน

ล่าสุดเดินทางไปปฏิบัติธรรมได้แล้วตามปกติ ซึ่งครูเงาะเคยบอกผ่านโซเชียลว่า การออกมาอยู่วัดมันไม่เป็นที่ชอบใจเหมือนได้นอนบ้านเราหรอก กิเลสมันจะหาเหตุผลไม่ให้มาสารพัด แต่ถ้าเกิดมาแล้วนอนจมกับความสบายชั่วคราวที่หลอกเราว่านี่คือความสุขแล้วซ่อนทุกข์ไว้ราวกับว่าไม่มี 

พระท่านเปรียบว่าการใช้ชีวิตหลงความสุขแบบโลกๆก็เหมือนหมูนอนในโคลนสกปรกแล้วเข้าใจว่า นี่ช่างดีงามมีคนมาให้อาหารด้วย หารู้ไม่ว่านั่นคือการนอนรอให้เค้าเอาเราไปเชือด “เค้า”ในที่นี้ก็คือความแก่เจ็บตายในสังสารวัฏนั่นเอง มาเยือนเราหรือคนที่เรารักเมื่อไหร่ก็ดิ้นพล่านเมื่อนั้น 

เห็นแบบนี้ก็เลยได้คำตอบชัดว่า จงฝึกใจนี้ต่อไป ฝึกให้มากเจริญให้มาก ไม่มีอะไรเป็นที่พึ่งที่ดีไปกว่าจิตใจที่ฝึกแล้วของเรานั่นเอง

\"ครูเงาะ\" ขอเล่าประสบการณ์เสี่ยงตาย บอกเลยเรื่องนี้ ความเมตตาชนะทุกสิ่ง

แต่งานนี้ การไปปฏิบัติธรรมครั้งนี้ ไม่ได้จบแค่นั้น ดันเกิดเรื่องระทึกใจ จนครูเงาะเอง ขอแชร์ผ่านอินสตราแกรมส่วนตัว krungor เลยทีเดียว ว่าเกือบเอาชีวิตไม่รอด 

ครูเงาะเล่าผ่านแคปชั่นว่า ขอเล่าประสบการณ์เสี่ยงตาย วันก่อนที่จะถ่ายรูปนี้ ที่เกิดเหตุคือเลยจุดตรงนี้ไปหน่อย เรามาเดินจงกรมคนเดียว เริ่มเดินจากตรงสุดถนนที่คุณเห็น วันนั้นไม่ได้เอามือถือมาด้วย ขากลับเห็นหมาตัวนึงนั่งขวางถนนมองมาที่เรา มันเริ่มเห่าจากนั้นเพื่อนมันไม่รู้มาจากไหนร่วมสมทบอีกนับสิบ หลังอาน หมาไทย ขนยุ่งผสมปนเปเห่ากรรโชกเซ็งแซ่ และวิ่งกวดเข้าหาทั้งฝูง!!! ตอนนั้นขนลุกซู่ ความทรงจำวัยเด็กย้อนมาตอนเคยถูกหมาแค่2-3ตัวรุม ตอนนั้นเราก้มไปหยิบก้อนหินแล้วพบว่าหมากลัว เพราะพอเราทำท่าย่อคงเหมือนท่าหมาเตรียมกระโจนสู้ มันเลยหนี จำได้ดังนั้น (อยากให้นึกภาพตาม) อิชั้นในชุดนุ่งขาวห่มขาวก็ย่อตัวทำท่าหมาเตรียมกระโจน ปรากฎมันหยุด

"แต่มีหนึ่งตัวไม่หยุด!!! จ่าฝูงสินะ วิ่งแยกเขี้ยวมาแต่ไกล ในใจคิด ตายแบบหมารุมทึ้งสินะเรา พิจารณากายตับไตต่างๆมา คงได้เห็นตอนนี้แหละ มือถือก็ไม่มี ลาก่อนนนโลกนี้ จังหวะนั้นเห็นรถโผล่จากมุมมาไกลๆ จำได้ว่าเป็นรถจากวัด ใจคิดจะทันไหม หมาก็วิ่งมา ตัวเราครั้นจะอยู่ในท่าหมาเตรียมไฟท์ ก็อายคนวัดจะเห็น เลยตัดสินใจยืน เอาวะถ้าจะตายขอดูสง่างาม ดูดีไม่เลิ่กลั่ก อย่างน้อยต้องไม่ดูเป็นหมาแบบตอนนี้ ทำใจดีสู้หมา ตัดสินใจไปทางเล่นกับหมาไปเลยละกัน ว่าแล้วก็ยืดตัว ดีดนิ้ว เต๊าะลิ้นเรียกหมา เอียงหัวอ่อนโยน เรียกเสียงอ่อนเสียงหวาน ต๊อกๆ มาลูกมา มาเล่นกันนะ พี่มาดีนะ ทันใดนั้นนังน้องหมาตัวนั้นกระโจนเข้าใส่ดิฉัน….พร้อม…กระดิกหาง ดิ๊กๆ เลียแพล่บๆราวกับว่ามาต้อนรับเจ้านายกลับบ้าน ถถถถถถ จะมาเล่น แล้วเมิงเห่าแยกเขี้ยวใส่กรูทำม้ายยยยย อยากมีเพื่อนเล่นคุยกันดีๆก็ได้ พอดีกับรถมาจอด คนในรถตะโกนว่าครูเงาะ พระอาจารย์ให้มาตาม สาธุพระอาจารย์ช่วยให้ได้ขึ้นรถกลับวัดไม่ต้องฝ่าอีดงที่เหลือ เดินขึ้นรถอย่างสง่างามในลุครักหมารักเด็กกันไป ในใจคิด..เกือบเสียหมาไปแล้วตรู..เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าความเมตตาชนะทุกสิ่ง #และไปไหนให้เอามือถือไปด้วย"