ไม่ทน "โอม บอดี้สแลม" โพสต์ดึงสติคนเข้ามาดราม่าด่า "ตูน บอดี้สแลม"
ไม่ทน ล่าสุด "โอม บอดี้สแลม" มือคีย์บอร์ดของวง ก็ออกมาโพสต์ข้อความดึงสติคนที่เข้ามาดราม่า ด่า "ตูน บอดี้สแลม" ไม่จบ หลังเตรียมวิ่งเพื่อสุขภาพ เชิญชวนผู้มีใจกุศลร่วมวิ่ง "ก้าวเพื่อน้องปีที่ 2 เวอร์ชวลรัน ๑๐๙ คำขอบพระคุณ" อีกคนแล้ว
เรียกว่ากลายเป็นกระแสดราม่าที่ดูจะไม่จบลงเอาง่ายๆซะแล้ว หลัง "ตูน บอดี้สแลม" หรือ "ตูน อาทิวราห์" ออกมาโปรโมทกิจกรรมวิ่งเพื่อสุขภาพ เชิญชวนผู้มีใจกุศลร่วมวิ่ง "ก้าวเพื่อน้องปีที่ 2 เวอร์ชวลรัน ๑๐๙ คำขอบพระคุณ" เพื่อหาทุนการศึกษาช่วยเหลือ น้องๆ ที่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แต่ยังไม่มีทุนไปต่อ ม.ปลาย หรือสายอาชีพ ทั้งหมด 109 คน จนไม่วายเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนาๆ สนั่นในโลกโซเชียล
ร่วมเสนอรายชื่อ คมชัดลึกอวอร์ด ครั้งที่ 18 ในรางวัล Popular vote 7 สาขายอดนิยม >> คลิก
ล่าสุดวันนี้ (22 ธันวาคม 64) "โอม บอดี้สแลม" มือคีย์บอร์ดของวง ก็ได้ใช้พื้นที่ส่วนตัว ออกมาโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้นกับ "ตูน บอดี้สแลม" ว่า....
"ในขณะที่ สังคม มานั่งถกเถียงกันว่า มันเป็นหน้าที่ของรัฐ , การบริจาคไม่ช่วยแก้ปัญหาอะไร , ทำไมถึงไม่ออกมาเป็นกระบอกเสียง.. บลาๆๆๆ โน่นครับ มีคนกำลังจะตาย เพราะขาดเครื่องมือแพทย์ที่มีไม่เพียงพอ.. มีเด็กมากมายที่อยากเรียนหนังสือต่อแต่ไม่มีทุนทรัพย์ การวิ่งที่ผ่านมาแก้ปัญหาได้หรือไม่ได้ไม่รุ้ แต่มันมีคนรอดตายจากเครื่องมือแพทย์ที่เขาหาให้ได้จริง ซึ่ง 1 ในนั้นอาจเป็นคนใกล้ชิดของคนที่ด่าเขาในขณะนี้ มีคนหายป่วยจากเครื่องมือแพทย์จากมูลนิธิ มีเด็กๆได้เรียนหนังสือจนจบ ม.6 อีกร้อยกว่าคน และ เท่าที่ผ่านมาเขาก็ออกมาเป็นกระบอกเสียงส่งไปถึงทุกคนแล้ว ในแบบของเขาเอง โดยผ่านการวิ่งของตัวเอง ไม่งั้นทุกคนจะตระหนักได้หรือว่า การเรี่ยไรบริจาคมันไม่ใช่การแก้ปัญหาแบบยั่งยืน ที่จะไม่เห็นด้วยหรือไม่ชอบ ผมว่าไม่ใช่ปัญหาเลยถ้าทุกคนตัดสินมันจากหลักการและเหตุผล และข้อมูลความเป็นจริง ที่วินิจฉัยแล้วอย่างถี่ถ้วน ไม่ใช่การเอาอคติ และ อัตตาเป็นที่ตั้ง หรือเพียงเพราะเขาไม่ทำในสิ่งที่หลายๆ คนอยากให้ทำ ปัญหาที่เห็นคือปัญหาโครงสร้างเชิงนโยบายที่มัน ไม่สามารถแก้ได้โดยคนๆเดียว และไม่สามารถแก้ได้ด้วยเวลาวันสองวันครับ วันนึง เราอาจจะได้ใช้เครื่องมือแพทย์ที่มูลนิธิหามาให้อันเกิดจากเงินที่พวกเราร่วมใจกันบริจาค วันนึงเราอาจจะได้แพทย์ , ทนายความมือดี , ตำรวจ ฯลฯ จากทุนการศึกษาที่มูลนิธิมอบให้ก็ได้นะครับ"
ขอบคุณภาพประกอบข่าวจากเฟซบุ๊ก Ohm Plengkhum