ไม่ธรรมดา "ไมค์ ภิรมย์พร" สู้ชีวิต ขายน้ำปลาร้า ส่งลูกเรียนต่างประเทศ
นักร้องลูกทุ่งรุ่นใหญ่ชื่อดัง "ไมค์ ภิรมย์พร" เจ้าของฉายา "ขวัญใจคนใช้แรงงาน" ต้องบอกว่ากว่าจะมาถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะก่อนที่จะได้มาจับไมค์ร้องเพลง ชีวิตเคยลำบาก แถมโดนคนดูถูกเยอะมาก แต่ก็ไม่เคยคิดท้อ ขอสู้ชีวิตจนส่งลูกๆ ทั้ง 3 คน เรียนต่างประเทศได้จนจบ
โดยเมื่อวานนี้ (1 กุมภาพันธ์ 65) "ไมค์ ภิรมย์พร" ได้ออกมาเปิดใจในรายการ "Z Story Z Holiday" พูดคุยกับ 2 พิธีกร "หมอก้อง สรวิชญ์" และ "ลิตา อินท์ชลิตา" ถึงเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับชีวิตที่เคยลำบาก เคย
โดนคนดูถูก รวมถึงหลายๆเรื่องที่คนยังไม่รู้ถึงความสำเร็จของคนในครอบครัว พร้อมอัปเดตผลงานเพลงว่าจะได้ฟังกันเมื่อไหร่
(คำถาม) : ที่มาของธุรกิจ?
"ไมค์ ภิรมย์พร" : เริ่มจากปลาร้า เรามีความคลุกคลีอยู่กับปลาร้ามาตั้งแต่เด็ก สมัยก่อนพ่อแม่ทำไร่ทำนา ก็จะจับปลาจากทุ่งนามาหมักปลาร้า ก็เลยมีความผูกพันกับปลาร้าอยู่ในสายเลือด ขาดไม่ได้ ส่วนแรงบันดาลใจคือ คุณพ่อ ด้วยความที่คุณพ่อท่านป่วย เป็นมะเร็งท่อน้ำดี ก็คือพยาธิใบไม้ในตับ ที่แฝงตัวอยู่ในปลาที่มาหมักเป็นปลาร้า หรือในปลาส้มก็ดี พอคุณพ่อเสียด้วยโรคนี้ เราก็เลยคิดว่า อยากให้คนไทยได้กินของที่สุก สะอาด เราจึงมาสานต่อความตั้งใจเพราะมีคุณพ่อเป็นแรงบันดาลใจจุดเริ่มต้นของน้ำปลาร้าแซ่บไมค์
เรามีการลองผิดลองถูก ซึ่งจะใช้วิธีการต้ม หม้อนี้สูตรนี้ อีกหม้อก็อีกสูตร ประมาณ 3-4 หม้อ ลองให้หมด หม้อไหนไม่อร่อยก็เททิ้ง แล้วเราก็ได้ไปปรึกษากับ รศ.ดร.เชาว์ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน อาจารย์เขาก็ได้ให้คำแนะนำ จนสุดท้ายก็ได้สูตรน้ำปลาร้ามา
ร่วมโหวต Popular Vote (มหาชน) "คมชัดลึก อวอร์ด ครั้งที่ 18" คลิ๊กที่นี่
(คำถาม) : ชีวิตปังจนส่งลูกสาวเรียนนอกได้?
"ไมค์ ภิรมย์พร" : ช่วงแรกที่คนโต กับคนที่สองไป ช่วงนั้นอยู่ระดับไฮสคูล หรือ ม.3 เรียนที่แคนาดา แต่ว่าตอนนั้นเพิ่งจะเริ่มๆทำธุรกิจนี้ เราก็บอกกับเขาว่า ถ้าหนูอยากไปเรียนต่างประเทศ พ่อจะให้ไป แต่พ่อมี
ทางให้เลือกอยู่ 2 ทาง คือ 1 ไปแล้วถ้าอยู่ได้ ก็อยู่ไปกัดฟันส่งให้ และ 2 ถ้าอยู่ไม่ได้แล้วกลับมา หมดสิทธิ์ที่จะไปอีกแล้ว เพราะพ่อไม่มีเงินขนาดนั้น ที่จะส่งไปบ่อยๆ สุดท้ายสองคนพี่น้องเขาก็ตัดสินใจไป จน
ตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา แต่ก็เคยมาเยี่ยมอยู่ ครั้งสองครั้ง ตั้งแต่เรียนไฮสคูลจนจบมหาวิทยาลัย รวมแล้ว 10 กว่าปี
(คำถาม) : ภูมิใจกับลูกสาวทั้ง 3 ขนาดไหน?
"ไมค์ ภิรมย์พร" : ภูมิใจอย่างที่สุดของชีวิต ทุกวันนี้ในขณะที่เขาเรียน เขาก็ทำงานไปด้วย เลี้ยงดูตัวเอง เป็นเด็กเสิร์ฟ ตามร้านอาหาร เขาไม่ได้สร้างความหนักใจให้กับพ่อแม่เลย พวกเขาเป็นเด็กที่ดี อย่างคนเล็กเขาก็เพิ่งตามพี่ๆเขาไปอยู่ ประมาณ 4-5 เดือนแล้ว
(คำถาม) : ผลงานเพลงในตอนนี้?
"ไมค์ ภิรมย์พร" : ไม่แน่ครับ อาจจะมีโอกาส แต่จริงๆบอกกับตัวเองว่า พอเราอายุมากขึ้น เราก็อยากจะเกษียณตัวเอง แต่ทางผู้ใหญ่อย่างแกรมมี่ เขาก็บอกว่า อย่าเพิ่งเลย อย่างน้อยๆออกมาให้แฟนๆได้หายคิดถึงปีนึงสักหนึ่งซิงเกิ้ล ตอนนี้กำลังคุย เจรจา ยังไม่ได้เกษียณไปเลยซะทีเดียว ตอนนี้ถ้าอยากติดตามผลงานอื่นๆ อย่างเกษตร หรือเกี่ยวกับเสียงเพลงก็อาจจะเป็นเสียงเพลงในสวนที่จังหวัดอุดรธานี แฟนเพลงสามารถแวะไปที่ร้าน ก็จะมีมินิคอนเสิร์ตบ้าง ชิลๆ วางแผนไว้แบบนั้นครับ
(คำถาม) : ฉายา ขวัญใจคนใช้แรงงาน ได้มาอย่างไร?
"ไมค์ ภิรมย์พร" : ฉายานี้มาจากทางผู้ใหญ่ของแกรมมี่ หรือ พี่ตี่ กริช ทอมมัส และอีกส่วนหนึ่งคือ ชีวิตของเราด้วย สมัยก่อนเราลำบากมาก ทั้งทำงานก่อสร้าง เด็กเสิร์ฟ เด็กรับรถ เป็นยาม เด็กล้างแก้ว เด็กห้องน้ำชีวิตเราทำมาหมด
(คำถาม) : จุดเริ่มต้นของการเป็นนักร้อง?
"ไมค์ ภิรมย์พร" : เราเป็นยาม ก็เลยได้รู้จักพี่ๆนักดนตรี ที่เขามาเล่นดนตรีกัน เราก็พยายามร้องเพลงให้เขาฟังอยู่เรื่อยๆ หาโอกาสให้ตัวเอง แล้วเขาก็เห็นว่าเราชอบร้องเพลง แล้วช่วงเวลาที่เขาพัก เขาก็จะชอบให้เราร้องเพลงให้ฟัง เราก็ร้องให้ฟังสดๆ จนกระทั่งมี ป๋า ท่านหนึ่ง ที่รู้จักกับโปรดิวเซอร์ของแกรมมี่ ทำเพลงลูกทุ่งอยู่สมัยนั้น เขาก็เลยพาเราไปฝาก เพราะเห็นว่าเรามีแวว เขาก็มาไปเทสเสียง
(คำถาม) : ชีวิตโดนดูถูกมาเยอะ?
"ไมค์ ภิรมย์พร" : เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องเจอแบบนี้ เขาก็บอกว่าเพลงแบบนี้ หน้าตาแบบนี้ไม่ดังหรอก ช่วงแรกๆ แต่เราบอกตัวเองว่า ไม่เป็นไร คำพูดที่เขาพูด ที่แทงใจเรา ถือว่าเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเอง มีบ้างที่ท้อ แต่พอเรามาคิดว่า ท้อไปมันก็เสียเวลา เราสู้ดีกว่า ต้องมีสักวันที่เป็นของเรา เลือกที่จะสู้ชีวิต ไม่ยอมแพ้ เอาทุกอย่างมาเป็นพลัง จนมาพีคที่สุด ก็คือเพลง ยาใจคนจน สมัยนั้นยังเป็นเทปคาสเซ็ท ก็ประมาณล้านตลับ ชีวิตพลิกผันเลย มีเงินปลดหนี้ให้แม่ ได้สร้างบ้านให้กับพ่อแม่ เพลงนี้ถือว่าเปลื่ยนชีวิตไปเลย และได้เป็นขวัญใจคนใช้แรงงานตั้งแต่นั้นมา
(คำถาม) : หลายคนยังมองว่าเป็นศิลปินติดดิน ถึงแม้จะโด่งดัง?
"ไมค์ ภิรมย์พร" : เพราะว่าเรามีความคุ้นเคย มีวิถีอยู่กับพ่อแม่ ถึงแม้จุดหนึ่งเราจะประสบความสำเร็จ บางครั้งเราใช้ชีวิตหรู ทานอาหารดีๆก็มี ใช้ของแบรนด์เนมก็มี เคยไปซื้อกระเป๋าสตางค์หลุยส์ครึ่งนึง พอซื้อมาก็ยังมานั่งนึกเสียดาย ใช้จนขาดตอนนี้ก็ยังเก็บไว้ ให้รู้ว่าครั้งหนึ่งเราเคยใช้ แต่สุดท้ายแล้ว เราก็มาเปรียบเทียบกับของที่ไม่แพงแต่ใช้ได้เหมือนกัน จุดประสงค์เดียวกัน ก็เลยคิดว่ามันไม่จำเป็น วิถีเราเป็นแบบนี้กินง่าย อยู่ง่าย เราสบายใจแบบนี้มากกว่า
ขอบคุณภาพประกอบข่าวจากเฟซบุ๊ก ไมค์ ภิรมย์พร