คู่กรณีพ่อ "ไวท์ ณวัชร์" ขึ้นศาลนัดแรกปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แถมไม่มีการขอโทษ
สำหรับกรณีสุดช็อกที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของนักแสดงหนุ่ม "ไวท์ ณวัชร์" เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมปีที่แล้วจนกลายเป็นข่าวโด่งดัง กับการที่ พ่อและแม่ของหนุ่มไวท์ถูกคู่กรณีขับรถปาดหน้าแล้วก็ลงมาทำร้ายร่างกายและทำลายข้าวของ
ล่าสุดมีความคืบหน้าในคดีดังกล่าวแล้ว โดยเมื่อวานนี้ (21 กุมภาพันธ์ 2565) คุณพ่อและคุณแม่นักแสดงหนุ่ม "ไวท์ ณวัชร์" รวมถึงคู่กรณี ได้ขึ้นศาลเป็นนัดแรก ซึ่งเป็นนัดคุ้มครองสิทธิ์ สอบคำให้การ และสืบพยาน เรียกได้ว่าเป็นการเผชิญหน้ากันอีกครั้งของฝั่งหนุ่มไวท์ และคู่กรณี หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ปะทะกันที่สถานีตำรวจมาแล้ว
ภายหลังจากให้การในชั้นศาลผ่านไปประมาณ 3 ชั่วโมงทาง นายพิพัฒน์ รำจวน หรือทนายแป๊ะ ทนายความส่วนตัวของ พ่อและแม่หนุ่ม "ไวท์ ณวัชร์" ก็ได้ให้ข้อมูลกับทีมข่าวคมชัดลึก บันเทิงออนไลน์ว่า "ในวันนี้ตัวจำเลยจำเป็นต้องมาศาล ซึ่งเขาได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและขอสู้คดี หลังจากที่ทางอัยการยื่นฟ้องไป 3 ข้อหาคือ ขับรถประมาทหวาดเสียว , ทำร้ายร่างกาย และ ทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งวันนี้ฝ่ายคู่กรณียังไม่มีการยื่นเอกสารว่าเป็นผู้ป่วยจิตเวช คาดว่าอาจจะยื่นในนัดหน้า ซึ่งในนัดนั้นจะได้รู้แนวทางการต่อสู้คดีของอีกฝ่ายแล้ว ว่าจะงัดข้อไหนมาต่อสู้บ้าง"
"ทนายแป๊ะ" เผยอีกว่า สำหรับนัดหน้าคือนัดตรวจพยานหลักฐาน วันที่ 29 มีนาคม 2565 เวลา 9.00 น. ซึ่งจำเลยต้องมาแต่โจทก์ไม่มาก็ได้ นอกจากนี้ในวันที่ 16 มีนาคม 2565 ทางคุณพ่อของ "ไวท์ ณวัชร์" ต้องเข้ารายงานตัวกับอัยการ ในกรณีที่ฝ่ายคู่กรณีร้องทุกข์กล่าวโทษ ในข้อหาทำร้ายร่างกาย แต่อัยการยังไม่มีคำสั่งฟ้อง โดยทางตนก็มีแนวทางต่อสู้คดีอยู่แล้ว เพราะทุกอย่างมันชัดเจนมาก"
"สำหรับในวันนี้ที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้เผชิญหน้ากันอีกครั้ง ก็ไม่ได้ทักทาย ไม่ได้สบตา และไม่ได้ปฏิสัมพันธ์อะไรต่อกันเลย ที่สำคัญยังไม่มีการขอโทษ หรือขอไกล่เกลี่ยใดๆทั้งสิ้น น่าเชื่อว่าเขายังคิดอยู่ว่าไม่ได้กระทำความผิด แต่อย่างไรก็ตามแนวทางการต่อสู้คดีตนก็ค่อนข้างมั่นใจมากว่าจะเป็นฝ่ายชนะ เพราะพยานและหลักฐานที่อยู่ในมือ โดยเฉพาะพยานบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ เรียกว่าเป็นประจักต์พยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุที่เข้ามาให้การด้วย อีกทั้งทุกคนที่ปรากฏอยู่ในคลิปวีดีโอก็เข้ามาให้การกับพนักงานสอบสวนทุกคน"
"ในส่วนของโทษทั้ง 3 ข้อหาที่ฟ้องไป มีโทษจำคุกทุกข้อหา แต่ถึงแม้อีกฝ่ายจะมีคดีเดิมลักษณะเดียวกันติดตัวมาก่อน แต่หากเขายังไม่เคยต้องโทษจำคุกอยู่ในเรือนจำ ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าศาลอาจตัดสินจำคุกแบบรอลงอาญา แต่ถ้าต่อสู้คดีจนถึงที่สุดแล้วแพ้ ทางศาลอาจจะตัดสินจำคุกแบบไม่รอลงอาญาได้ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลอยู่ที่ดุลยพินิจของศาลว่าจะตัดสินแบบใด"