"แต๊งค์" แฟนเก่า "แตงโม" เผยแล้วสาเหตุที่กลุ่มเพื่อนต้องการปิดข่าว | คมชัดลึก

หนึ่งในนั้นคือนักแสดงหนุ่ม "แต๊งค์ พงศกร" ซึ่งเป็นแฟนเก่าของ "แตงโม นิดา" ก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวด้วยการโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลว่า "อยากรู้ผู้ชายบนเรืออีกสองคนเป็นใคร มีอิทธิพลจากไหน "ทำไมต้องอยากปิดข่าว?" อยากให้รู้ว่าแตงโมก็มีเพื่อนอีกหลายคนที่ไม่ธรรมดาและไม่กลัวพวกคุณนะ" สาเหตุก็มาจากในคืนเกิดที่เหตุมีการแชร์คลิปวิดีโอที่ ขณะที่แม่ของสาวแตงโมกำลังติดตามการค้นหาลูกสาวอยู่ในที่เกิดเหตุ ระหว่างนั้นมีเพื่อนของแตงโมโทรศัพท์เข้ามา ซึ่งช่วงหนึ่งคุณแม่พูดกับคนในสายว่า "คุณแม่ว่ามันปิดไม่ได้หรอกนะ มันปิดข่าวไม่ได้"

ล่าสุด "แต๊งค์ พงศกร"  ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้แบบสดๆในรายการ เนชั่นทันข่าวเที่ยง ว่า "ทั้ง 5 คน ควรให้ข้อมูลมากกว่านี้ พูดช้ามันเสียเวลาไปมาก ทั้งผิดนัดและยืดเวลาออกไป ซึ่งคำพูดที่ออกไปก็ฟังแล้วตะขิดตะขวงใจ หากเป็นอุบัติเหตุจริงๆ ทำไมต้องรอทนาย อย่างเหตุการณ์อื่นๆที่เป็นอุบัติเหตุก็พร้อมออกมาพูด โดยที่ไม่มีปัญหา"

"แต๊งค์ พงศกร"  เผยอีกว่า "ตนสนิทกับกระติก ผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม มากมานานเป็น 10 ปีแล้ว โดยมีการติดต่อไปหาตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ ซึ่งเขารับสาย แล้วบอกจะโทรกลับ เพราะยังไม่พร้อมคุย แต่ก็หายไปเลยทั้งวัน ทำให้ตนเข้าใจผิดเหมือนกับทุกคน จนกระทั่งตนโพสต์เมื่อคืนนี้ เขาถึงติดต่อมาหาตน แล้วก็อธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหมือนที่ทุกสื่อได้ทราบกันไปหมดแล้ว แต่พอถามว่าผู้ชายอีก 2 คน คือใคร เขาก็ยังไม่ตอบ หวังว่าหลังจากนี้ทุกคนจะออกมาพูดทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างจริงใจ ตรงไปตรงมา ให้สังคมรับได้ อีกอย่างการที่พาลูกเขาหายไป ยังไงก็ควรแจ้งครอบครัวก่อน" 

"ทั้งนี้ตนถามไปแล้วว่าทำไมต้องปิดข่าว ซึ่งเขาก็บอกมาแล้วแต่ตนอยากให้เขาได้เป็นคนพูดเอง แต่ตนบอกได้คร่าวๆว่าเกี่ยวกับเรื่องของกฎหมาย และอาจจะตกใจด้วยที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ทำให้มีคนเสียชีวิตในเรือของเขา แล้วก็กลัวผลพวงที่จะตามมาจากเหตุการณ์นั้น เลยตัดสินใจไม่ได้ว่าจะให้การยังไง จะตอบสื่อยังไง ให้ไม่มีผลกระทบ หรือผลกระทบน้อยที่สุด  อย่างไรก็ตาม ความสนิทของแตงโมกับผู้จัดการ ทั้งคู่ตัวติดกันตลอด เป็นทั้งเพื่อนและคนที่ทำงานร่วมกัน มีทะเลาะกันประจำ แต่แป๊ปเดียวก็ดีกัน เพราะเขาดูแลกันและกันมาตลอด สำหรับชีวิตของแตงโมตนบอกได้เลยว่าเขาต่อสู้ ผ่านอะไรมาเยอะ ไม่อยากให้ประสบชะตากรรมแบบนี้ สงสารเขา"