เปิดประวัติ "สรพงศ์ ชาตรี" พระเอกรุ่นใหญ่ หลังเสียชีวิตด้วยมะเร็งปอด
นับเป็นข่าวเศร้าที่สร้างความสะเทือนใจกับครอบครัว และ คนในวงการบันเทิงเป็นอย่างมาก หลังพระเอกรุ่นใหญ่ อย่าง "เอก สรพงศ์" หรือ "สรพงศ์ ชาตรี" อายุ 71 ปี ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ จากการรักษาตัวโรคมะเร็งปอด ณ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ในวันที่ 10 มีนาคม 65 นี้ ช่วงเวลา 15.51 น.
และสำหรับประวัติของพระเอกรุ่นใหญ่ "สรพงศ์ ชาตรี" เกิดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2493 ที่อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นบุตรของ "นายชื้น" กับ "นางพริ้ว เทียมเศวต" จบการศึกษาชั้น ป.4 แล้วบวชเรียนตั้งแต่อายุ 8 ปี ที่วัดเทพสุวรรณ พระนครศรีอยุธยา และ วัดดาวดึงส์ บางยี่ขัน ธนบุรี จนกระทั่งลาสิกขาบทเมื่อ พ.ศ. 2512
โดย "สรพงศ์ ชาตรี" มีบุตรทั้งหมด 4 คน คือ พิมพ์อัปสร (ขวัญ) , พิศุทธินี (เอิง) , พิศรุตม์ (เอม) และ พิทธกฤต เทียมเศวต (อั้ม) ซึ่ง "พิมพ์อัปสร" บุตรคนแรกเกิดกับ "ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์" ส่วนบุตรคนที่ 2 ถึง 4 เกิดกับ "พิมพ์จันทร์ ใจวงศ์" (แอ๊ด) ปัจจุบันสมรสกับ "ดวงเดือน จิไธสงค์" รองมิสไทยแลนด์เวิลด์ พ.ศ. 2529 และ รองนางสาวไทย พ.ศ. 2530 นั่นเอง
ในปี พ.ศ. 2552 "สรพงษ์ ชาตรี" ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ศิลปศาสตร์ สาขาสังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนา จากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ประธานมูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เมตตาบารมี อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (จากผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านศิลปะร่วมสมัย) สาขาศิลปะการแสดงในคณะกรรมการส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย
ผลงานในวงการบันเทิงของ "สรพงศ์ ชาตรี" เริ่มก้าวเข้าสู่เส้นทางบันเทิงในปี 2512 ได้ชิมลางเป็นนักแสดงตัวประกอบในละครโทรทัศน์ ก่อนที่จะมีโอกาสมาแสดงภาพยนตร์เรื่อง "สอยดาว สาวเดือน" โดยรับบทเป็น "ลูกน้อง" ของนักเลงที่มีชื่อเสียงในเรื่อง ตอนนั้นออกมาเล่นเพียงแค่ฉากเดียวโดยไม่มีบทพูดอะไรเลย จากนั้นในภาพยนตร์เรื่องที่ 2 คือเรื่อง "ต้อยติ่ง" ยังคงรับบทเป็นตัวประกอบที่ออกมาฉากเดียวในช่วงท้ายเรื่องและไม่มีบทพูดเช่นเคย
ต่อมาในปี 2513 "สรพงษ์ ชาตรี" ได้แสดงในภาพยนต์เรื่องที่ 3 คือ "ฟ้าคะนอง" ซึ่งยังคงเป็นตัวประกอบที่ไม่มีบทบาทโด่งดังนัก ประจวบกับวงการภาพยนตร์ได้สูญเสีย "มิตร ชัยบัญชา" ไป จึงทำให้ต้องตามหาพระเอกคนใหม่ขึ้นมาประดับวงการ ซึ่งในตอนนั้น "ท่านมุ้ย" หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล กำลังจะสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่พอดี คือเรื่อง "มันมากับความมืด" ปี 2514 โดยในช่วงนั้นเป็นจังหวะที่ "สรพงษ์ ชาตรี" ต้องมาแสดงแทน "อู๊ด" ไชยา สุริยัน หรือ "หม่อมหลวงอภิรัฐ จรูญโรจน์" และในวันนั้นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ "สรพงษ์ ชาตรี" ได้เป็นพระเอกมาจนถึงทุกวันนี้
ซึ่งในตอนนั้น "สรพงษ์ ชาตรี" ก็โดนคำพูดสบประมาท ทำนองว่า "เป็นคนจมูกโต ตัวดำ จะเป็นพระเอกได้เหรอ" และคำสบประมาทนี้ "สรพงษ์ ชาตรี" ก็สามารถลบมันทิ้งไปได้อย่างสำเร็จด้วยการพัฒนาฝีมือและ ทุ่มเทต่อการแสดงจนเป็นที่ประจักษ์ โดยภาพยนตร์ที่สร้างชื่อเสียง จนสามารถคว้ารางวัล "ตุ๊กตาทอง" เป็นครั้งแรกให้กับ "สรพงษ์ ชาตรี" ได้แก่ภาพยนตร์เรื่อง "ชีวิตบัดซบ" กับ "สัตว์มนุษย์" และมีชื่อเสียงไปในต่างประเทศจากภาพยนตร์เรื่อง "แผลเก่า" ปี 2520
"สรพงษ์ ชาตรี" มีผลงานการแสดงถึง 500 เรื่องด้วยกัน จากนักแสดงตัวประกอบสู่การเป็นพระเอก แถมยังถูกแฟนๆยกให้เป็น "พระเอกผู้ถ่อมตัว" เพราะไม่ว่าจะโด่งดังมากขึ้นจากเดิมแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง หรือ ลุ่มหลงไปกับชื่อเสียงเลยสักครั้ง และนี่ก็ถือว่า "สรพงษ์ ชาตรี" เป็นพระเอกขวัญใจชาวไทย ตลอดกาลอีกหนึ่งคน ที่ไม่เคยมีใครลืม ทางทีมข่าว "คมชัดลึกบันเทิง" ต้องขอแสดงความเสียใจกับการจากไปของ พระเอกรุ่นใหญ่ ที่ชื่อว่า "สรพงษ์ ชาตรี" ด้วยนะคะ