ไม่เคยรู้ "เต้ นันทศัย" หวิดสิ้นชื่อ อาการหนักถ่ายเป็นเลือด สมองเบลอ | คมชัดลึก

ออกมาเปิดใจแบบชัดเจน ทำผู้ชมถึงกับอึ้งมาก สำหรับนักแสดงดังอย่าง "เต้ นันทศัย พิศลยบุตร" ที่เห็นร่างการฟิตๆ หุ่นทำสาวกรี๊ดแบบนี้ ก็มีที่มาเกือบถึงแก่ชีวิตเลยทีเดียว โดยเรื่องเล่าที่เป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้อ่าน ผู้ชมนั้นเกี่ยวกับพฤติกรรมการชอบการดื่ม ซึ่งทำให้ตัวเองถึงขั้นกับต้องเข้าพบแพทย์และเกิดเหตุที่แทบจะทำให้เอาชีวิตไม่รอดเลยทีเดียว

บทสัมภาษณ์ส่วนหนึ่งของ "เต้ นันทศัย" เปิดเผยในรายการคุยแช่บShow ว่า "เมื่อก่อนดื่มหนักมาก ดื่มตั้งแต่วัยรุ่นเลยสมัย 10 กว่า ช่วงอายุ 20 ก็ดื่มทุกวัน ติดแล้ว ดื่มทีดื่มเยอะๆ  ดื่มข้ามวันข้ามคืน ดื่มแบบนี้อยู่ประมาณ 10 ปี จนอายุ 30 มันผลมีกับร่างกายเยอะ ข้างในเริ่มไม่ไหว หน้าตาเริ่มฉุ เวลาออกกล้อง หรือถ่ายละคร หน้าเริ่มอืด หุ่นเริ่มพัง เวลาเห็นหน้าตัวเองในทีวี รู้สึกว่ามันดูแก่กว่าอายุแล้ว 

และข้างในมันเริ่มแย่ นั่งถ่ายที่ชักโครก เลือดกระเด็นติดประตูห้องน้ำเลย มันหนักมาก จนผมไม่ไหวต้องไปหาหมอ ไปตรวจร่างกายและหาหมอจิตแพทย์ จะทำอย่างไรให้เลิกเหล้าให้ได้ พอเจอหมอ หมอบอกว่าแอลกอฮอล์มันเริ่มทำร้ายอวัยวะภายในของเรา แอลกอฮอล์เริ่มกัดสมอง

อยู่ดีๆ ผมก็แบลงก์หายไปเลย นิ่ง คิดอะไรต้องนึก มันก็มีผลกับการทำงาน จำบทได้แต่ต้องอ่านเยอะหลายรอบถึงจะทำได้ แต่เวลาไปทำงานผมจะไม่ดื่ม ยังพอมีวินัย ยังรู้ตัวอยู่ว่าถ้าพรุ่งนี้มีงานจะไม่ดื่ม อาการที่ผมเป็น เป็นอยู่นานเป็นปี จนไม่ไหว ต้องไปหาหมอ 

"เต้ นันทศัย" เล่าต่อว่า "แฟนเคยดุผมเรื่องกินเหล้าจัด กินหนักเกินไปกินจนแบบเฮ้ย เธอคิดว่าพรุ่งนี้จะไม่ได้กินแล้วเหรอ เขาพูดเสมอว่าคนเราต้องรักตัว ต้องดูแลตัวเองนะ ถ้าเรารักตัวเองไม่ได้ เราจะรักคนอื่นได้ไง เขาก็สอนเรา เตือนเรา แฟนผมก็ติดต่อคุณหมอ หาจิตแพทย์ดีๆ ให้ ก็ได้ยามากิน ยาจะทำให้ผมไม่อยากแอลกอฮอล์ พอไปดื่มก็จะเหม็นๆ ไม่ค่อยอยากกิน

ตนเองกินยาอยู่ 1 เดือน รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนป่วย เลยบอกหมอจะเลิกกินและขอหักดิบเอา เปลี่ยนวิถีวิตใหม่ คุมอาหาร ออกกำลังกายเลยทำให้ผมมาออกกำลังกายอย่างจริงจัง  ตอนนั้นผมอายุ 30 ก็ต้องขอบคุณแฟน เพราะถ้าไม่มีเขาผมก็คงยังเละเทะอยู่

ตอนที่ถ่ายเป็นเลือดก็กลัวตายนะ แต่พอจังหวะจะดื่มก็ไม่สนใจ ไม่แคร์ แฟนก็ยื่นคำขาด ถ้าไม่รักตัวเอง เราก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ เขารักผมแต่ผมก็ต้องรักตัวเอง ซึ่งผมกลัวก็เลยทำให้ผมคิดได้และเปลี่ยนแปลงตัวเอง"

ขอบคุณภาพ : คุยแซ่บShow