"แจม ชรัฐฐา" ร้องไห้ เปิดใจ วิวาห์ล่ม อายุห่าง 10 ปี ทัศนคติไม่ตรงกัน เสียใจทั้งปรับทั้งยื้อแล้ว แต่ไปไม่รอด ทั้งที่ยังรักมาก
ก่อนหน้านี้ นักร้องและนักแสดงสาว "แจม ชรัฐฐา" หรือ "แจม เนโกะจัมพ์" โพสต์ภาพจอดำ เขียนข้อความว่า "ทุกอย่างจะผ่านไป วันนี้ไม่โอเค วันข้างหน้าจะเข้มแข็งกว่าเดิม เวลาที่ผ่านมาเป็นแค่ความทรงจำ ถนอมจิตใจตัวเองให้มากขึ้น จำแค่สิ่งที่ดีก็พอ" ต่อมาได้โพสต์ข้อความอีกว่า "คำพูดทำร้ายจิตใจ ที่ออกจากปากคนที่เรารักมันก็กัดกินเกินกว่าที่จะลืมได้ ถามว่าโกรธไหม ไม่เลย ถามว่ารู้สึกยังไง เสียใจจน กลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว เรารู้จักตัวเองดี ว่าต่อให้มันผ่านไปนานแค่ไหน เราก็ลืมไม่ได้เลย"
ก่อนโพสต์ภาพตัวเอง และข้อความอีกครั้งว่า "ตอนนี้ยังโสด และอยู่ในโหมดกำลัง sale…#แต่เราเห็นแก่ตัวมากนะรับไม่ไหวหรอก" ซึ่งหากย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน "กิต" แฟนหนุ่มนักธุรกิจ เคยเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานไปเมื่อปี 2563 หลังคบหาดูใจกันมานาน 7 ปี
ล่าสุด "แจม ชรัฐฐา" ได้เปิดใจทั้งน้ำตา เล่าว่า "เราคบกันมานาน 7 ปี มันมีหลายๆอย่าง ไม่เหมือนปีแรกๆ ที่เรารู้จักกัน คือพอเราเริ่มรู้จักกันดีมากขึ้น ก็เริ่มมีหลายอย่างที่ไม่ตรงกันในหลายๆเรื่อง โดยรวมเป็นเรื่องของทัศนะคติในการคิด การพูด หรือการใช้ชีวิต การเรียงลำดับในการใช้ชีวิตไม่ตรงกันเลย อาจจะเป็นตัวเราเองด้วยที่เติบโตขึ้นและมีมุมมองการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปมากขึ้น และ 2-3 ปี มานี้ก็พยายามปรับเข้าหากัน ตัวเราพยายามปรับเข้าหาเขา แต่สุดท้ายแล้วมันทำให้เราทุกข์ใจ และแจมคิดว่าการจะแต่งงานมันจะดึงให้เราเข้ามาใกล้กันขึ้น แต่พอเราได้มาใช้ชีวิต อยู่ด้วยกันนานขึ้น เราก็เห็นว่าเราไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้"
"จริงๆ เราเป็นคู่รักที่ไม่ได้เข้ากันเลยในเรื่องของไลฟ์สไตล์ แต่อยู่ด้วยกันเพราะความรัก แต่พอใกล้แต่งงานสิ่งที่เราคิดมีมากขึ้น เราได้เรียนรู้การจะใช้ชีวิตด้วยกันไปตลอดชีวิต มันไม่ได้มีแค่เรื่องรักอย่างเดียว คือเราคิดกันมาประมาน 2-3 เดือนแล้วว่าเราควรจะเดินต่อหรือพอแค่นี้ เพราะมันทำร้ายจิตใจเราข้างในด้วย และเราก็รู้ว่าเราไม่สามารถเป็นคนที่เติมเต็มให้เขาได้ 100% สมบูรณ์ด้วย เรารู้ตัวเราดี ถ้าฝืนทำก็จะไม่มีความสุข อันนี้เราคิดของเราเอง เราก็พยายามบอกและปรับเข้าหากัน แต่ว่าพี่เขาก็เป็นตัวเขา 100% แบบสมบูรณ์ แล้วแจมเป็นคนที่ คือเราเป็นคนที่ไม่ได้เห็นคุณค่าของตัวเองมากพอ แล้วพอมันยาวนานมาถึง 7 ปี จนสุดท้ายเรารู้ว่าเราไม่สามารถฝืนมันได้"
"ชีวิตคู่ไม่ใช่แค่เรื่องแฟนกันอย่างเดียว มันมีเรื่องการใช้ชีวิตด้วย แจมไม่ได้กลัวการมีครอบครัว แค่คิดว่าการมีครอบครัวควรจะมีการมองไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งมันก็ขัดแย้งมาโดยตลอด พี่เขาไม่ใช่คนไม่ดี แต่สิ่งที่เราเพิ่งมาค้นพบ คือจุดที่เรารู้สึกว่าไม่ใช่แนวทางของเรา แล้วเราก็พยายามคิดและปรับที่ตัวเราเองแล้ว ว่าจะเดินไปกับเขาได้ไหม แล้วสุดท้ายมันฝืน สร้างความทรมานให้คนสองคน เลยต้องมายอมรับความจริง จะบอกว่ายื้อก็ใช่ (ร้องไห้)"
"ตัวแจมเองที่ยื้อความสัมพันธ์ให้มันเนิ่นนาน แต่พอจุดๆ หนึ่งเราต้องยอมรับว่าเราเข้ากันไม่ได้เลย ถึงแม้ว่าเราจะรักกันขนาดไหน แจมเลยคิดว่าอยากจะยุติความสัมพันธ์นี้ลง แล้วต้องการให้พี่เขาได้ใช้ชีวิตที่ไปกับเขาได้ 100% เราก็เลยไม่อยากยื้อความสัมพันธ์ครั้งนี้ เรารู้ว่าหลายๆ อย่างในตัวเราไม่ได้เป็นแบบที่เขาต้องการได้ ซึ่งเราจะพูดแค่ว่าเรารักเขาไม่ได้ การที่เราจะรักใครสักคนหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเป็น อนาคตที่ต้องใช้ร่วมกันมันต้องรักโดยที่เราไม่ต้องพยายามอะไรนั่นคือรักในอุดมคติของแจม แต่ในเมื่อมันต้องพยายามในทุกๆ อย่างมันทำให้ความสัมพันธ์มันถอยห่างออกไป ตัวเราเองยอมรับว่าช่วงหลังๆ มานี้มันรักเหมือนรักแบบถูกใจ เราก็ไม่อยากจะทำให้เป็นแบบนี้ต่อไป เราก็อยากทำให้เขารับรู้ด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นเราไม่สามารถปรับได้เลยจริงๆ"
"มันเป็นสุดทางของเขาแล้วเหมือนกัน เขายื่นมือมาหาเราได้เท่านี้ แต่เรายื่นได้ แต่รู้ตัวว่ามันไม่ได้สบายใจ เลยคิดว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่ท็อกซิก มันไม่ใช่ความรักที่ไปได้ไกลกว่านี้ ครอบครัวเคารพความเห็นของเรา แจมทบทวนเรื่องนี้นานมาก ตอนแรกไม่บอกใครเลย เพราะไม่มั่นใจว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่มันก็ลากยาวมาเป็นอีก 2-3 เดือนนี้เลยตัดสินใจหยุด ที่ผ่านมาไม่ใช่แจมไม่รักเขาเลย ขอบคุณที่เคยอยู่เคียงข้าง (เสียงสั่น) ขอโทษที่ไม่สามารถเป็นคนๆนั้นได้ ทุกวันนี้ยังเป็นห่วง เชื่อว่าถ้าเขาเจอคนที่รักและใช่ เขาจะมีความสุขมากกว่านี้"
"เรื่องงานแต่ง ชุดอยู่ที่ฝรั่งเศสเรียบร้อย กำลังส่งมา การ์ดทำแล้วกำลังเตรียมส่ง สิ่งที่เสียดายไม่ใช่เวลา แต่เสียใจที่เราพยายามได้ไม่มากพอ มันไปด้วยกันไม่ได้เลย แม้ว่าจะปรับกันแค่ไหน ซึ่งเหตุผลครอบครัวไม่เกี่ยว ครอบครัวเขาน่ารักมาก แจมเสียใจ ที่ทำให้ครอบครัวเขาผิดหวัง สภาพจิตใจตอนนี้ เพื่อนเป็นห่วง เพราะเราคิดมาก เราคิดว่าเราตัดสินใจดีแล้ว แต่ไม่ได้ยินดีที่มันเกิดขึ้น 7 ปีที่ผ่านมา เราคงไม่ทิ้งมันไป คงเก็บมันไว้ตลอด เราไม่ได้โกรธเกลียดเขา ขอบคุณที่เขาเข้าใจเรา ที่ผ่านมาคุยกันบ้าง แต่ถ้าเลิกกันก็ต้องตัดออกไปให้หมด จะได้ใช้ชีวิต ไม่ยึดติดกับเรา เรื่องนี้เป็นบทเรียนครั้งใหญ่ อนาคตใครจะเข้ามา เราต้องซื่อสัตย์กับความต้องการให้มากกว่านี้ ไม่ควรปล่อยความรู้สึกของเราไป สิ่งที่ทำพัง เพราะแจมไม่รักตัวเอง ตอนนี้ยังไม่พร้อมเปิดใจ ขออยู่กับตัวเอง อายุห่างกัน 10 ปี ด้วยอายุ หลายๆอย่าง เรื่องแต่งตอนแรกเป็นเดือน มิถุนายน แต่ตัดสินใจช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ช่วงเดือนเมษายน"