ดังถึงญี่ปุ่น "น้องปูเป้" ขี่ช้างไปโรงเรียน ขอทำสกู๊ปตามติดชีวิต
เปิดใจน้องปูเป้ ขี่ช้างไปโรงเรียน ช่วยปัญหาน้ำมันแพง หลังดังไกลถึงญี่ปุ่น เตรียมขอตามติดชีวิตถ่ายทำสกู๊ปน้องปูเป้กับพลายโอเล่
หลังจากโลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิป น้องปูเป้ ขี่หลังช้างที่ชื่อว่าโอเล่ ไปโรงเรียน กลายเป็นภาพน่ารัก สะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนกับสัตว์ จนกลายเป็นไวรัลดัง ล่าสุด วันที่ 20 กรกฎาคม 2565 ข่าวช่องวัน เดินทางไปติดตามชีวิต ด.ญ.พัชราภา โยงรัมย์ หรือน้องปูเป้ อายุ 11 ขวบ นักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนบ้านสำโรงพิมาน ต.ท่าม่วง อ.สตึกจ.บุรีรัมย์ ถึงที่บ้าน พบว่า น้องปูเป้ยังคงขี่หลังเจ้าโอเล่ไปเรียนตามปกติ มีพ่อแม่เดินตามไปด้วย
ส่วนชาวบ้านและครู ต่างชื่นชมในความสามารถของน้อง ส่วนเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนก็ตื่นเต้นทุกครั้งที่เห็นน้องปูเป้ขี่ช้างมาเรียน ซึ่งในวันนี้ เจ้าโอเล่ เดินทางไปพร้อมกับเจ้างามโชค ช้างตัวผู้วัย 4 ปี ที่น้องปูเป้ กล่าวว่า พ่อฝึกให้ขี่ช้างแต่เด็ก ตอนแรกก็กลัวเพราะยังไม่คุ้นชิน ตอนนี้พอคุ้นชินก็ผูกพันกับช้าง ทำให้ขี่มาเรียนทุกวัน แล้วก็ช่วยประหยัดค่าน้ำมันที่บ้านด้วย เพราะช่วงนี้น้ำมันแพง
สำหรับเหตุที่ยกมือไหว้ช้างก่อนขึ้น เพื่อเป็นการขอขมา แต่ก็มีความสุขทุกครั้งที่อยู่ใกล้ช้าง โตขึ้นตนอยากเป็นสัตวแพทย์ จะได้ช่วยรักษาสัตว์ โดยเฉพาะช้าง แล้วก็อยากจะสืบทอดวิถีเลี้ยงช้างของครอบครัวด้วย
ขณะที่นายวิศัลย์ชน โยงรัมย์ พ่อน้องปูเป้ วัย 38 ปี กล่าวว่า มีสื่อจากญี่ปุ่นถ่ายทำรายการชีวิตของน้องปูเป้และโอเล่ปัจจุบันตนมีช้างอยู่ 4 เชือก คือ พลายโอเล่ 25 ปี, พังวาสนา 22 ปี, งามโชค 4 ปี และงามตา เพศเมีย 2 เดือน ทั้งหมดเป็นลูกของพลายโอเล่กับพังวาสนา
ในชีวิตปกตินั้น ตนนำช้างไปแสดงโชว์และบริการนักท่องเที่ยวที่ปางช้าง จ.พระนครศรีอยุธยา แต่พอมีเรื่องโควิด19 จึงกลับบ้านที่บุรีรัมย์ ทุกวันนี้ต้องรับจ้างและไลฟ์เพื่อหารายได้ซื้ออาหารเลี้ยงช้าง รอแหล่งท่องเที่ยวเปิดก็จะกลับไปโชว์อีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก ข่าวช่องวัน