"พีเค" ไม่มีเงิน จนแม่ถาม มีตังค์กินข้าวมั้ย? ชีวิตคู่เรื่องเงิน ควรแยกกัน
"พีเค" ไม่มีเงิน จนแม่ถาม มีตังค์กินข้าวมั้ย? วันที่แย่ จิ้มจุ่มหน้าปากซอยก็อร่อย แนะชีวิตคู่เรื่องเงินควรแยกกัน
เปิดใจอีกครั้ง สำหรับ "พีเค ปิยะวัฒน์" หลังหย่ากับอดีตภรรยา "โยเกิร์ต ณัฐฐชาช์" ได้ประมาณ 5 เดือนแล้ว ท่ามกลางมรสุมชีวิตมากมาย ทั้งโดนด่า ทั้งโดนยกเลิกงาน เรียกว่าเละเทะกันเลยทีเดียว
โดยล่าสุด "พีเค" เผยใน Thairath Talk ว่า ปีนี้เป็นปีที่หนักที่สุดในชีวิตเลยจริงๆ ถึงขั้นที่ไม่อยากไปไหน เป็นช่วงชีวิตที่ดาร์กที่สุด ขอให้ส่วนหนึ่งของชีวิตผมเป็นประโยชน์ให้กับคนดูแล้วกัน ต้องบอกเลยว่าปีนี้หนักมากจริงๆ ตั้งแต่ มี.ค. หนักที่สุดในชีวิต ยอมรับแบบพ่ายแพ้เลยว่าหนักมากจริงๆ
ช่วงเวลานั้นมันดิ่ง มันดาร์กมาก อยู่คนเดียวไม่ได้ เวลาเราตื่นมาตอนเช้าแล้วเห็นคนด่าเป็นหมื่นๆ คน เราโคตรเสียใจเลย แต่เราเข้าใจว่าทำไมเขาด่า และเราก็ไม่โกรธเลย แต่พอตื่นมาเห็นคนด่าเป็นหมื่นคนทุกวัน เรารู้ว่าเราผิด เราตัดสินใจเร็วไป เราพลาด รู้ว่าเรากลับไปแก้ไขไม่ได้ ตอนแรกก็ยังรับไม่ได้กับความจริงอย่างนี้ เราก็เสียใจ
จนวันหนึ่งเราเริ่มเข้าใจแล้วและรับได้แล้วว่า จริงๆ โลกมันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น ทุกครั้งที่เราออกไปทำงานอีเวนต์ คนก็มายิ้มให้เรา มาให้กำลังใจ ขอถ่ายรูป เราก็เพิ่งเข้าใจว่าโลกโซเชียลเป็นอย่างนี้ โลกความจริงเป็นอย่างนี้
เราอยู่ในวงการมา 25 ปี เราคิดว่าเรามีเพื่อนเยอะมาก ทุกคนคือเพื่อนของเรา เพราะเราดีกับทุกคน แต่พอมีปัญหา ส่วนใหญ่ยิงมาอย่างเดียวเลย ทำให้เรามาคิดว่า นี่เพื่อนเราไม่ใช่เหรอวะ จนมาเห็นว่าแม่ พี่ชาย 2 คน พี่สะใภ้ หลาน คุณแฟน มีไม่กี่คนที่ส่งข้อความมา มาหาที่เราบ้าน มากินข้าว มานั่งเป็นเพื่อน เราก็รู้ว่า นี่คือ... ประมาณนั้น
สำหรับคุณแม่จากที่ 2 เดือนเจอครั้งหนึ่ง จนช่วงมรสุมเขามาหาทุก 2 วัน แม่เขาจะถามว่า "มีตังค์กินข้าวมั้ย" คือเราเป็นคนที่ชอบให้ และเต็มที่กับทุกอย่าง แล้วพอวันหนึ่งเราเจอแบบนี้ เขาก็ถามเลยว่า มีตังค์กินข้าวมั้ย มีตังค์พอใช้มั้ย
ทุกวันนี้พอมี "มีเรียน" ทำให้เราอยากลุกขึ้นไปทำอันนี่ ทำให้เราอยากลุกไปออกกำลังกาย ทำให้ชีวิตดีมากยิ่งขึ้น สุดท้ายมันก็ไม่ได้เพื่อตัวเอง อยากทำให้เขา เพราะปัญหาของเรา คือ เราเป็นคนไม่รักตัวเอง ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เราเป็นคนที่ชอบเห็นคนที่อยู่ข้างๆ มีความสุข
ทุกวันนี้ที่เราเริ่มอยากทำนั่นนี่กลับมาเหมือนเดิม เพราะเราอยากจะเก็บเงิน พามีเรียนกับลูกสาวเขาไปเที่ยว พาแม่ไปเที่ยว พาพี่หนุ่มไปเที่ยว สมัยก่อนไปทุกๆ 2 เดือน เงินเราด้วยนะ อยากกินอะไรกิน อยากใช้อะไรใช้ แต่ตอนที่ดิ่ง จิ้มจุ่มหน้าปากซอยก็อร่อย (หัวเราะ)
เรื่องที่พูดว่าไม่มีเงินไม่มีใครเชื่อ แต่สำหรับส่วนตัวตอนนี้ไม่มี ด้วยเหตุผลในอดีต แต่ตอนนี้ไม่มี คือมันมีกิน แต่ว่าถ้าอยากจะไปเที่ยวไหน อยากซื้ออะไร เรายังไม่เอาดีกว่า เพราะเราวางแผน ถ้ายังมีเงินไม่พอก็ไม่อยากจะไปเที่ยวไหน อยากเห็นเขามีความสุขเต็มที่ และอยากให้มีการใช้จ่ายที่คล่องมือ
ซึ่งประเด็นนี้พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ แต่ที่ผ่านมาเราพูดใน แฉ มาเป็นปีแล้ว ว่าวันนี้มี 700 วันนี้มีพันกว่าบาท ถ้าใครกลับไปฟังแฉเก่าๆ จะรู้ว่าเราพูดแบบนี้บ่อยๆ แล้วทุกคนก็จะขำ คนฟังก็จะขำ ผมก็จะบอกผมไม่มีจริงๆ แต่ไม่ใช่ว่าลำบาก ไม่มีตังค์ผ่อนบ้าน แต่ตอนนี้ทำทุกอย่างให้เงินมันคล่องมือ
สำหรับบทเรียนจากความรัก อย่าตัดสินใจเร็ว ที่สำคัญสุดคือต้องคุยกันทุกเรื่อง เพราะผมเป็นคนที่ไม่คุย อะไรที่เขาอยากได้ เขาได้ทำทั้งหมด อะไรที่ผมอยากทำแล้วไม่ได้ ก็ไม่พูด สำคัญสุดนะ คือการคุยกันทุกเรื่อง
สองจัดการกับเงินของตัวเอง ผมถ้าจะแนะนำคนที่จะแต่งงาน ให้แยกกองเงิน เพื่อให้ต่างคนต่างมีคอนโทรลเงินของตัวเอง คือถ้าเกิดจะให้ใครคนหนึ่งดูแลการเงิน เราต้องดูด้วยว่า เงินของเราอยู่ไหน อันนี้สำคัญนะ
สามอย่าตัดสินใจเร็ว ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม คิดให้ดี อย่าตัดสินใจเร็ว ผมพลาดมาแล้ว คนรอบข้างผมพลาดมาแล้ว ค่อยๆ คิด ค่อยๆ คุย ย้อนกลับไปที่หนึ่งใหม่ ต้องคุยทุกเรื่อง บอกได้เลยว่า พลาดมาแล้ว
ผมไม่โทษใคร ผมผิดเอง ตัดสินใจเร็วไป ปล่อยให้ใจเหลิงไป จนทุกวันนี้เราก็ยังต้องเป็นราคาที่ต้องจ่ายกับตัวเขาและสังคม ผิดที่สุดคืออันนี้ แต่เราเข้าใจ และเราก็ไม่โทษใคร เราก็นั่งอยู่บ้าน และโทษความผิดของตัวเอง