ขนลุก "กิ๊ก มยุริญ" เห็นวิญญาณเด็กมาขอส่วนบุญ ตอนบวชชีที่พม่า
ออกมาเปิดใจครั้งแรก สำหรับนักแสดงสาว "กิ๊ก มยุริญ" หลังตั้งใจลาบวชชี ตัดขาดทางโลก ปฏิบัติธรรม ที่ประเทศเมียนม่าร์นาน 9 เดือน
ล่าสุด "กิ๊ก มยุริญ" เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นขณะปฏิบัติธรรม ทั้งเห็นวิญญานเด็ก และสาเหตุที่บวชไม่ครบตามที่ตั้งใจไว้ ในคุยแซ่บshow ว่า "เพิ่งลาสิกขามาได้ 7 วันค่ะ ตอนนี้ปรับตัวดีขึ้นแล้วค่ะ เพราะว่าได้ไปถ่ายคลิปเมื่อวานก็ไปกองเป็นต่อมาก็เริ่มรู้สึกว่าเราได้กลับสู่ทางโลกจริงๆ แรกๆลาสิขายัง งงๆ นิดนึง เหมือนกลับว่าเรายังไม่คุ้นชินกับชีวิตแบบนี้ เพราะตื่นมาก็ต้องเดินจงกรมนั่งสมาธิ แต่กลับมาก็ยังเดินจงกรมนั่งสมาธิเหมือนเดิม แต่ช่วงเวลาการเดินนั่งแค่ลดลงเราก็ต้องปรับตัวนิดนึง"
"บวช 9 เดือน มีความสุขมากๆแล้วก็รู้สึกว่าเราได้ชีวิตใหม่กลับมารู้สึกมีความสุขกับตัวเองมากขึ้น การยืนนั่งนอนการมีสติในชีวิตประจำวันมากขึ้น รู้สึกว่าความโลภความโกรธความหลงบางลงเพราะมันบางลงความสุขเราก็มากขึ้น ครั้งก่อนก็ไปมา 6 เดือน แต่ครั้งที่แล้วถือเป็นครั้งแรกที่เราบวช ก็เป็นแม่ชีมือใหม่ ก็เคร่งเครียดเกินไปนิดนึง ข่าวที่แล้วที่ไปบวชกลับมาก็ป่วยเพราะนอนทับแขนตัวเอง (หัวเราะ) คือจริงๆ เวลาเค้าให้นอนเค้าจะให้นอนแบบมีสติ ซึ่งเราก็ไม่ได้ทำ เราไปก็นอนทับแขนตัวเอง ซึ่งก็ทับแขนตัวเองมาประมาณ 3 เดือนก็เลยทำให้ป่วยมาเรื่อยๆ ยกแขนไม่ขึ้นจนต้องทำกายภาพ รักษาตัวเป็นปีกว่าจะหายขาด บวชครั้งที่ 2 เราก็รู้แล้วว่าพลาดอะไรไปก็ไม่ทำให้มันเกิดขึ้น"
อะไรที่ทำให้ตัดสินใจกลับไปบวชที่พม่าครั้ง2 ?
เพราะว่าเรารู้สึกว่าการบวชครั้งที่แล้วมันยังไม่สุด ครั้งที่แล้วบวช 6 เดือนก็คิดว่ามันต้องไปได้อีก ก็เลยตัดสินใจครั้งนี้บวช 1 ปี ไปอยู่กับท่านเลย
ที่พม่ากับการบวชที่ไทยแตกต่างกันอย่างไร?
สำหรับนักบวชพี่ตอบเลยว่าพี่ไม่มีข้อมูลที่ไทย แต่วิธีประพฤติปฏิบัติพี่เชื่อว่าเหมือนกัน ยูนิฟอร์มอาจไม่เหมือนกัน แต่ว่าเราก็เป็นรูปพระพุทธเจ้าเหมือนกัน
ไปบวชแล้วครอบครัวว่าอย่างไรบ้าง?
โอ้โห…ปัญหาเยอะมากก่อนไป เพราะว่าข่าวความไม่สงบในพม่ามีมานานแล้ว พอจะไปทุกคนก็เป็นห่วงไม่อยากให้ไป กับน้องสาวก็ไม่อยากให้เราไปก็เลยมีการทะเลาะกันเล็กน้อยก็เลยเหมือนมีการงอนกันแต่เราก็ตัดสินใจว่าเอาช้างมาฉุดยังไงก็ไม่อยู่หรอก เราตัดสินใจเพราะกำลังบุญเราหมดเราคงต้องไปเติมกำลังบุญ มันถึงเวลาข้างในมันบอกจิตใจมันแน่วแน่แล้วก็เลยไปค่ะ ก็ไปทั้งๆ ที่ทุกคนไม่อยากให้ไป แต่เราก็จะไป
แล้วก็เพิ่งทราบมาว่าเพิ่งเปิดบริษัทได้ 4 เดือนตอนนั้น?
ก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับชุดชั้นในที่เพิ่งเปิดไปได้ 4 เดือน พี่ก็ทิ้งพาร์ทเนอร์แล้วก็ไปปฎิบัติธรรมแต่ก็เข้าใจว่าคุยกันก่อนแต่เค้าก็ให้ไปทั้งน้ำตา และที่พี่กลับมาสถานการณ์ในพม่าท่านรู้สึกไม่สบายใจก็อยากให้กลับมาพี่ก็เลยไม่สามารถอยู่ได้ครบปีอย่างที่ตั้งใจ ก็บวชไป 9 เดือน พอกลับมาก็ต้องมารับผิดชอบธุรกิจ
ตอนที่ไปบวชไปกับใครอ่ะคะ?
ตอนพี่ไปคือพี่ไปอยู่คนเดียวค่ะ แต่ตอนไปน้องสาวไปส่ง ก็ไปอยู่ด้วยกัน 2 คืน น้องเขาก็โอเคเพราะเค้าก็เคยไปปฎิบัติกับพี่ เคยไปอยู่ด้วยกันมาก่อน สาเหตุที่เค้าต้องไปด้วยเพราะว่าพี่ขนของที่ไทยไปหมดเลย คือพี่จะไม่ไปหาซื้อที่นั่น เพราะเกรงใจที่สำนัก
ความรู้สึกที่ปลงผมเพราะผู้หญิงเราจะรักสวยรักงาม?
พี่ชอบมากพี่มีความสุขมากเลยคือเวลาที่เราไม่มีผมความรู้สึกมันจะแตกต่างไปใช่ไหมแต่จริงๆ แล้วเรายังรู้สึกเหมือนเดิม เพราะว่าหนังศีรษะเรายังอยู่ปกติแค่มันเบาหัวละไม่มีผมเท่านั้นเอง และอีกอย่างเราจะรู้สึกได้กลิ่นหัวเราชัดเจนมาก เพราะความไม่สวยไม่งามมันมีกลิ่นเหม็นไง แม่ชีที่นั่นก็ปวดหัวหมดแล้วก็ละทางโลก
กิจวัตรในหนึ่งวันที่ไปบวชถือศีลมีอะไรบ้าง?
พี่กิ๊กไปบวชที่นั่นเป็นโยคีผู้ปฏิบัติธรรมเพราะฉะนั้นก็อาจจะแตกต่างจากนักบวชทั่วไปที่ไม่ได้เข้ากรรมฐาน อย่างถ้าพี่ไปเข้ากรรมฐานพี่ก็จะตื่นประมาณตีสามตีสี่ทุกวัน อยู่ที่พี่นอนกี่โมง เสร็จปุ๊บก็เดินจงกลม 1 ชั่วโมงและนั่งสมาธิหลังจากนั้นก็ทานอาหารแล้วก็เดินจงกรมนั่งสมาธิต่อจนอาหารกลางวันมาส่งเสร็จ พอทานเสร็จก็จะเดินจงกรมและนั่งสมาธิต่อเพราะช่วง 5 โมงเย็นก็จะไปส่งอารมณ์กับซายาดอว์ กลับมาก็ทำสรีรกิจแล้วก็เดินจงกลม และนั่งสมาธิต่อ แล้วก็นอน แล้วก็ตื่นมันก็วนอยู่อย่างนี้ทุกวันเก้าเดือน
แล้วเราสามารถคุยโทรศัพท์กับที่บ้านได้ไหม?
ไม่ค่ะพี่ไม่คุยโทรศัพท์แต่อาจจะมีการสื่อสารบ้างด้วยการส่งข้อความเท่าที่จำเป็นเพราะว่าสถานการณ์ที่พม่าตอนที่เราไปมันไม่สงบแล้วเราอยู่กุฎิที่ไกลจากสำนักเพราะฉะนั้นพี่จะอยู่คนเดียว และหากถ้ามีอะไรฉุกเฉินเช่นไฟช็อตงูมา เราก็ต้องติดต่อทางสำนักได้แต่ว่าใช้เท่าที่จำเป็นจริงๆ
เรื่องชุดเห็นว่าไม่เหมือนชุดที่ไทย?
ใช่ค่ะ เป็นชุดแม่ชีสีชมพู เท่าที่พี่ถามแม่ชีที่พม่ามา ท่านบอกว่าเป็นสีของความรักความเมตตา แต่ขนบธรรมเนียมที่นั่นก็จะแต่งตัวสีแบบนี้
เห็นว่าที่ไปบวชในระยะเวลาเก้าเดือนต้องให้คนที่ไทยส่งของไปให้?
ใช่ค่ะจริงๆกุฎิที่นั่นอยู่สบายนะคะแต่อาจจะมีงูเข้าได้หรือว่าสัตว์ต่างๆเขาได้เคยมีงูเข้ามาด้วยครั้งที่แล้ว ตอนนั้นอยู่กับน้องสาว ก็ให้น้องสาวไปตามคนมาช่วยเอาออก แต่ครั้งนี้พี่ไปอยู่คนเดียวอันไหนที่มีรูพี่ต้องหาอะไรไปปะไว้ ก็ได้ของจากเมืองไทยนี่แหละค่ะที่ส่งไปให้ อย่างน้ำที่นั่นพี่ก็ยังใช้น้ำบาดาลกับน้ำฝนอยู่
จากการบวชครั้งนี้ได้รับรู้ ถึงเสียงที่อยู่เหนือธรรมชาติ?
คือพี่ต้องบอกเลยว่าไปงวดนี้อะค่ะพี่ไม่สามารถบอกได้ว่าสิ่งที่พี่สัมผัสได้มันคืออะไรเพราะว่าหน้าที่ของโยคีผู้เพ่งเพียรเผากิเลสมีหน้าที่มีสติและเพ่งอยู่กับปัจจุบัน ตาเห็นหูได้ยินจมูกได้กลิ่นลิ้นรู้รส ต้องมีสติรู้แล้ววาง ก็อยากจะเรียนว่าช่วงแรกที่ไปปฏิบัติคือพี่ได้ยินเสียง คือเสียงนี้จะมาเฉพาะกลางวันนะกลางคืนจะไม่มาเป็นเหมือนเสียงคนร้องโหยหวนที่ทุกข์ทรมานมากแล้วก็มีหลายเสียงไม่ได้มีเสียงคนเดียว
พี่รู้สึกว่ามันเจ็บปวด เหมือนประตูทางของนรกแบบนั้นอันนี้คือมาประมาณ 7 วัน ตอนที่พี่บวชใหม่ๆ เพราะครั้งที่แล้วที่พี่ไปบวชครั้งแรกพี่ได้ยินเสียงเปรต หมาหอนพี่ก็แพร่เมตตาให้เสียงก็หายไป แต่ครั้งนี้มาหลายเสียงมากร้องทรมานหายไปแล้วก็มาใหม่ ทางนี้ก็กำหนดสติแผ่เมตตาให้ไปให้ 7 วันแล้วเขาก็หายไป หลังจากนั้นก็มีกลิ่นธูป กินเหล้า กลิ่นเหม็นๆ เหมือนมาอยู่เป็นเพื่อนกันคือไม่ว่าจะเป็นกลิ่นที่ดีหรือไม่ดีพี่ก็จะแผ่เมตตาให้ตลอด
เจอเสียงเจอกลิ่น คราวนี้เห็นว่าเจอวิญญาณด้วย?
คือพี่ก็บอกไม่ได้นะว่าที่พี่เห็นจริงหรือเปล่า เพราะเค้าเข้ามาในนิมิตเป็นเรื่องแปลกค่ะวันนั้นเป็นวันแรกที่พี่ย้ายที่นั่งสมาธิ เนื่องจากอุปฐานที่เมืองไทยร่วมบุญกันมาซื้อเครื่องเก็บไฟให้พี่ แต่พอเครื่องมาแล้วเสียงดังพี่ก็เลยต้องย้ายไปอีกห้องนึงที่ไม่มีคนอยู่และคืนแรกที่ย้ายไปก็จะนั่งปกติในมุ้ง
ก็เห็นในสมาธิเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมายืนอยู่ริมหน้าต่างหน้าห้อง ชุดขาวผมสั้นไม่มีหน้า พี่เห็นตั้งแต่เหนือเอวขึ้นไป เค้ายืนจ้องเราก็กำหนดเห็นหนอเห็นหนอและแผ่เมตตาให้ แล้วก็เห็นผู้หญิงคนนี้หันหลังและเดินจากไป เราก็นึกในใจว่าเค้ามาอโหสิให้เราแล้ว
นอกจากเห็นวิญญาณเด็กไม่มีหน้าแล้ว มีเห็นวิญญาณดวงอื่นอีกไหมตลอดการบวชที่พม่า?
จริงๆมีอีกนะคะแต่ว่าพี่ก็ไม่มั่นใจว่าเราคิดไปเองหรือเปล่า แต่พี่จะบอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาในมุมมองของพี่ อย่างพี่ที่ศึกษาในพระพุทธศาสนา เค้าก็บอกเราไว้แล้วว่าเรามี 31 ภพภูมิ เรามีมนุษย์ เทวดา พรหม มีเดรัจฉานแล้วก็มีเปรตอสุรกาย สัตว์นรกก็ยากที่เราจะเห็นเพราะเค้าอยู่ขุมที่ลึกมาก ที่เราอาจจะเห็นได้ก็คือเปรตซึ่งเปรตบางจำพวกก็สามารถที่จะอนุโมทนาบุญกับเราได้เปรตบางพวกก็รับบุญจากพี่น้องไม่ได้
เพราะฉะนั้นพี่มีองค์ความรู้ตรงนี้พี่ก็เลยไม่ได้กลัวเพราะเรารู้สึกว่ามันเป็นธรรมชาติ ที่บอกว่าไม่มั่นใจก็มาเหมือนกันเลยแต่ครั้งนี้ไม่ได้เจอที่กุฎิหนูเป็นผู้หญิงผมยาวใส่ชุดขาวก็เลยคิดว่าทำไมต้องชุดขาวเหมือนกัน ทำให้พี่รู้สึกว่าพี่มโนไปเองหรือเปล่า เหมือนพี่ขับรถไปในที่ๆ หนึ่งแล้วพี่เห็นเขายืนอยู่กลางถนน แล้วพอพี่แผ่เมตตาให้เขาเขาก็หายไปในชีวิตจริง
นอกจากที่บวชแล้วเคยเจอในชีวิตจริงบ้างไหมหลังกลับมาอยู่บ้าน ทำงาน?
ก็มีนะกับพี่ไม่ใช่คนมีเซ้น อย่างพี่อยู่คอนโดมิเนียมแล้วชั้นข้างบนที่อยู่มันไม่มีคนอยู่แต่มีเสียงเด็กวิ่งและคนทำกับข้าวตลอดเวลา และบางทีเวลาเราย้ายไหนอนที่โรงแรมที่เราทำงาน เสียงก็ยังตามไปอยู่
อะไรที่ทำให้พี่กิ๊กตัดสินใจบวช?
พี่ก็จะให้สัมภาษณ์แบบเดิมที่พี่เคยสัมภาษณ์พี่อยากไปถึงทางที่พ้นทุกข์ อยากไปนิพพาน พี่ไม่อยากเกิดแล้วเพราะว่าเกิดแล้วมันทุกข์จริงๆค่ะ พอเราเกิดแล้วเราก็ต้องแก่เราก็ต้องเจ็บใครได้ป่วย แล้วเราก็ต้องตาย แล้วพอเราตายแล้วก็ต้องเกิดใหม่ ไม่ได้อยู่ที่ชาตินี้เราเป็นมนุษย์แล้วเราตายไปเกิดชาติหน้าเราจะเป็นมนุษย์อีก หรือเป็นนางฟ้าอีก
หากเรายังมีกิเลสอีกมากมายมหาศาลยังไม่บรรลุธรรมเป็นอริยบุคคล เรายังพร้อมลงอบายไปเกิดเป็นเดรัจฉาน ตอนนี้ไปถึงนิพพานอีกไกลอยู่ แต่พี่ก็จะบอกว่าพี่เต็มที่นะคนปฏิบัติจะรู้ว่าทางนี้ไปได้จริงเพราะฉะนั้นพี่ก็เต็มกำลัง ชาตินี้เราสะสม บารมีเต็มที่เราจะไปถึงนิพพานชาติไหนก็ไม่เป็นไรแต่หากเราทำเต็มที่แล้วเราจะไม่เสียใจที่ชาตินี้เราเกิดเป็นมนุษย์