"อาจารย์เบียร์" คือใคร รู้จัก เจ้าของเพจ คนตื่นธรรม นักสนทนาธรรมสายดุดัน
เปิดประวัติ ทำความรู้จัก "อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม" นักสนทนาธรรมสายฮาร์ดคอร์ ฮุกซ้ายพุทธ ฮุกขวาโท ตอบคำถามดึงสติถูกใจชาวเน็ต ทำไมถึงมีประเด็นกับ "ทนายธรรมราช"
กลายเป็นดาวติ๊กต๊อก ดาวโลกออนไลน์และกระแสไม่แผ่ว สำหรับ "อ.เบียร์" หรือ "อาจารย์เบียร์" จากช่อง "คนตื่นธรรม" ที่มีลีลาการสอนธรรมมะแบบเผ็ดร้อน แบบจุกใจเหมาะสมหรับคนที่เสพความเจ็บปวด แต่ก็จะได้แนวคิดมุมมองแบบตื่นรู้ แน่นอนว่า อ.เบียร์ คือใคร เคยทำอะไรมา และมีความแซ่บแบบไหน ก็น่าจะเห็นตามสื่อกันไปบ้างแล้ว
แต่เรื่อง อ.เบียร์ คนตื่นธรรม นั้นยังมีอีกที่ชาวเน็ตไล่เรียงข้อมูลแบบชนิดที่ว่า นี่อยู่ใต้เตียง หรือเป็นคนในครอบครัวมาเขียนหรือเปล่านะ เพราะเล่าเส้นทางกว่าจะกลายมาเป็น "คนตื่นธรรม" เรียกว่าสุดเหมือนกัน ถ้าเรื่องที่ถูกเล่าเขียนมาเป็นความจริง?
ในโลกออนไลน์อย่าง X หรือทวิตเตอร์เดิมนั้น มีผู้ใช้งาน X รายหนึ่งได้ออกมาแชร์เรื่องราวเล่าประวัติให้ทำความรู้จัก อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม แบบสังเขปเป็นข้อๆ อย่างน่าสนใจก่อนจะปิดท้ายแบบอึ้ง
ข้อความผู้ใช้งานทวิตเตอร์กล่าวถึง อ.เบียร์ คนตื่นธรรม
เราจะพาไปทำความรู้จัก อ.เบียร์ คนตื่นธรรม ช่องสอนธรรมที่จะตบหน้าคนงมงายให้คืนสติ แต่ก่อนที่ท่านจะหยุดเดินสายมู ท่านเคยสุดมาก่อน
- อาจารย์เบียร์ คือใคร?? อ.เบียร์ คนตื่นธรรม จบปริญญาตรีคณะนิเทศศาสตร์ เอกการสื่อสารแบรนด์ ม.กรุงเทพ ก่อนหน้านี้เคยเป็นพนักงานบริษัท ทำเกี่ยวกับปรึกษาด้านการตลาด จนหน้าที่การงานเติบโตจนมีรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน
- อ.เบียร์ เล่าว่าเมื่อมีรายได้มากขึ้น ความอยากมีอยากได้ก็มากขึ้น หนี้สินก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน เมื่อถึงจุดหนึ่ง รายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย ในตอนนั้น อ.เบียร์ คิดว่าต้องหารายได้เสริม จึงตัดสินใจเป็นหมอดู
- เส้นทางการเป็นหมอดูของ อ.เบียร์ เริ่มต้นมาจากการขอเป็นลูกศิษย์หมอดูสำนักต่าง ๆ สั่งสมประสบการณ์วิชาหมอดูมาเรื่อย ๆ จนกลายเป็นหมอดู เปิดสำนักขึ้นเอง
- ช่วงแรกๆ อ.เบียร์ ก็ดูดวงไปด้วย ทำงานประจำไปด้วย จนกระทั่งเห็นว่า รายได้จากการเป็นหมอดูนั้นสูงมาก จึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำ แล้วมาทำอาชีพหมอดูเต็มตัว
เคยสุดมาก่อน
- เส้นทางสายมูของ อ.เบียร์ แต่ก่อนนับว่าสุดมากๆ เพราะทำรายได้จากการดูดวง, ปลุกเสกวัตถุมงคล และพิธีกรรมต่างๆ โดยพิธีกรรมก็มีตั้งแต่ พิธีตั้งศาลพระภูมิ, อาบน้ำมนต์, ทำนะหน้าทอง, บวงสรวงเทพเทวา ไปจนถึงพิธีสาปแช่งตามคำสั่ง ทำหุ่นพยนต์
- ทางด้านลูกศิษย์ก็ศรัทธา อ.เบียร์ มาก เพราะต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า แม่นและเห็นผลจริง การเปิดสำนักของ อ.เบียร์ ทำเงินได้มาก ช่วงแรกทำเพราะความหวังดีต่อลูกศิษย์ แต่ภายหลังเริ่มมีรายได้มากขึ้น การทำพิธีต่าง ๆ ก็เริ่มเก็บเงินมากขึ้น
- การที่ อ.เบียร์ จะรักษาวิชาในศาสตร์นี้ได้ ก็ต้องมีการบวงสรวงเทพเทวาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์แบบจัดเต็มอยู่เสมอ ในตอนนั้น อ.เบียร์ เชื่อว่ามีพ่อปู่ฤๅษีอยู่กับตัวและมีเทพหนุนหลัง
- ในขณะเดียวกัน อ.เบียร์ ก็ยังมีธรรมะของพระพุทธเจ้าและฟังคำโอวาทธรรมจากหลวงตามหาบัวอยู่เสมอเช่นกัน แต่ยังปฏิบัติธรรมไม่เข้มข้นเหมือนตอนนี้
- หลังจาก อ.เบียร์ เป็นเจ้าสำนักอยู่ระยะนึง ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเมื่อไวรัส COVID-19 แพร่ระบาดหนัก กิจการหมอดูก็ได้รับผลกระทบไปด้วย แถมตอนนั้น อ.เบียร์ ยังติดโควิด-19 จนมีไข้สูงเกือบ 40 องศา
- นับว่านี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญ ทำให้ อ.เบียร์ ตาสว่าง เพราะในระหว่างป่วย มีความทุกข์กายทุกข์ใจมากวิชาสายยมูที่ร่ำเรียนมาก็ไม่สามารถดับทุกข์นี้ได้ แม้ตัวเองเป็นถึงอาจารย์ แต่ก็ทำให้ตัวเองพ้นทุกข์ไม่ได้
- หลังจากหายดีจากโควิด อ.เบียร์ ก็คิดได้ว่า ที่ผ่านมาตัวเองเดินผิดทางมาโดยตลอด แม้การดูดวงและทำพิธีกรรมต่างๆ จะหวังดีให้คนพ้นทุกข์ แต่เป็นการช่วยเหลือคนในทางที่ผิด และทำให้คนงมงายมากว่าเดิม หลังจากนั้น อ.เบียร์ ก็เลิกเป็นหมอดูแบบถาวร แล้วหันมาศึกษาธรรมของพระพุทธเจ้าอย่างจริงจัง
- หลังจากเลิกเป็น หมอดู อ.เบียร์ ก็คิดทบทวนตัวเองว่า จะทำอย่างไรกับชีวิตต่อไป จนในที่สุดก็ตัดสินใจว่า จะไปบวชยาวแบบไม่มีกำหนด จากนั้นก็เดินทางไปวัดใน จ.อุดรธานี โดยเริ่มต้นจากการครองผ้าขาว 7 วัน
- ในระหว่างการครองผ้าขาวนี้ อ.เบียร์ ก็คิดทบทวนว่า ถ้าบวชตอนนี้เลยจะเป็นการทิ้งภาระหลายอย่างไว้กับแม่ โดยเฉพาะหนี้สิน และค่าใช้จ่ายหลายอย่าง ถ้าบวชต่อไป จิตใจก็ยังห่วงทางนั้นอยู่ อ.เบียร์ จึงกราบลาพระที่วัด ว่าขอไปสะสางเรื่องทางโลกให้เสร็จก่อน
- เวลาต่อมา อ.เบียร์ ก็เริ่มเคลียร์หนี้ไปเรื่อย ๆ แล้วทำช่อง "คนตื่นธรรม" และถ้าถามว่า อ.เบียร์ ไปเอาธรรมะมาจากไหน คำตอบก็คือเขาศึกษาเรื่องเหล่านี้มานานแล้ว แต่เพิ่งมาเน้นหนักหลังช่วงโควิดที่ผ่านมา
- อ. เบียร์ ศึกษาธรรมะจากคลิปหลวงตามหาบัว ศึกษาพระไตรปิฎก และศึกษาหนังสือพระโอษฐ์ 5 เล่ม ของท่านพุทธทาสภิกขุ และอีกมากมาย
- ส่วนการกลับไปบวชนั้น อ.เบียร์ ต้องเคลียร์หนี้สินให้หมดก่อน คาดว่าจะกลับไปบวชได้ช่วงปลาย พ.ศ.2568
จุดเริ่มต้นความดังที่รู้จักในวงกว้าง?
- ตอนนั้น อ.เบียร์ มีฐานผู้ชมอยู่จำนวนหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงขั้นแมส จนกระทั่งช่วงกลางปี 2567 ขณะที่ อ.เบียร์ กำลังไลฟ์อยู่ดีๆ ก็มีคนถามว่า “มีเสาไฟหน้าบ้านจะเป็นอะไรมั้ยครับ” อ.เบียร์ตอบกลับไปว่า "เป็น…มึงก็มีไฟฟ้าใช้ไง มันจะเป็นห่าอะไรล่ะ มีเสาไฟหน้าบ้าน"
- คนชอบคลิปนั้นมาก เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทำให้มีผู้ติดตามพุ่งกระฉูด และทำให้คนเริ่มมาดูคลิปคนตื่นธรรมเพิ่มขึ้น ทำให้ อ.เบียร์ ได้เผยแพร่ธรรมะของพระพุทธเจ้าแก่ผู้คนมากขึ้นกว่าเดิม จนทำให้คนจำนวนมากเลิกสายมูไปเป็นแถบ ๆ
การสนทนาธรรม
- อ. เบียร์ ได้จัดกิจกรรมที่เรียกว่า "คนตื่นธรรมภาคปฏิบัติ" ที่จะพาผู้คนมาฝึกปฏิบัติธรรมตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นและมีอาหารให้ 2 มื้อ เช้าและกลางวัน
- อ. เบียร์ มีกิจกรรมช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียง โดยเรียกว่า "สนทนาธรรมเพื่อผู้ป่วยติดเตียง" ซึ่งเป็นการสอนธรรมะแก่ผู้ป่วย เพื่อให้ปล่อยวางจากความทุกข์ได้มากขึ้น ทำให้จิตใจของพวกเขาเบาสบายยิ่งขึ้น
- มีการจัดกิจกรรมที่เรียกว่า "กองบุญใหญ่ กลุ่มคนตื่นธรรม" ถวายเงินสดให้วัดเพื่อใช้ชำระค่าต่างๆ ที่จำเป็น รวมไปถึงค่าก่อสร้างก่อให้เกิดประโยชน์แก่พระพุทธศาสนาต่อไป
ขอบคุณข้อมูล - ภาพจาก : FB คนตื่นธรรม 𝐅𝐢𝐧𝐝𝐢𝐧𝐠 𝐖𝐡𝐨 𝐀𝐬𝐤𝐞𝐝 ผู้ใช้งาน X
อาจารย์เบียร์ ขโมยดวง
ช่วงหนึ่ง "อาจารย์เบียร์" จากเพจ "คนตื่นธรรม" กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น หลังออกมาสอนปม "ขโมยดวง" จากเรื่องสยองที่เล่าในรายการ THE GHOST โดย ปอย พรรธน์ชญมน ชื่อเรื่องว่า "ทำไมดูเป็นคนดีจัง" พร้อมทั้งบอกว่า ขโมยดวงนั้นไม่มีจริง และถ้าหากดูดวงมาแล้วแต่เกิดความไม่สบายใจ ก็ไม่ต้องไปดูตั้งแต่แรก เพราะดูมาแล้วก็กลายเป็นทุกข์ไปยิ่งกว่าเดิม
อาจารย์เบียร์ - ทนายธรรมราช
ล่าสุด อาจารย์เบียร์ ได้ตกเป็นประเด็นกับ ทนายธรรมราช หลังจากที่ ทนายได้บุกไปถึงกองปราบเพื่อร้องเรียน อาจารย์เบียร์ ในข้อหาเหยียดหยามศาสนาตามมาตรา 206 ซึ่งระหว่างร้องเรียน จู่ๆ ทนายธรรมราช ก็ได้ถูกฝ่ามือของชายปริศนาปะทะเข้าเต็มหน้า จนเจ้าตัวถึงขั้นต้องลั่นว่า จะสืบหาผู้ว่าจ้างให้ได้
ทางด้าน อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม กลายเป็นบุคคลที่ถูกตั้งข้อสงสัยและถูกโยงไปว่า เป็นผู้จ้างวานชายปริศนา หรือไม่ ซึ่ง อาจารย์เบียร์ ก็ได้ยืนยันว่า ไม่ได้ว่าจ้างใครไปก่อเหตุอย่างแน่นอน