ย้อน "แต้ว ณฐพร" แจงชัด ปมนั่งตำแหน่ง "บอส" Eighteen 18
กลับมาพูดถึงกันอีกครั้ง สำหรับธุรกิจผลิตภัณฑ์ Eighteen 18 ของนางเอกสาว "แต้ว ณฐพร" ที่ร่วมกันกับ "ดีเจต้นหอม ศกุนตลา" และ "ดีเจมะตูม เตชินทร์" ที่ปิดตัวไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว
หลังเมื่อวานนี้ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ออกมากล่าวหากลางรายการโหนกระแส ว่า Eighteen 18 เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ชัดเจน ซึ่งปัจจุบันยังเปิดอยู่ ก่อนที่นายอัจฉริยะจะอ้างต่อว่ามีผู้เสียหายมาร้องเรียนกับตนจำนวนมาก
ร้อนจน "หนุ่ม กรรชัย" รีบยกหูหา "ต้นหอม" กลางรายการ ซึ่งต้นหอมชี้แจงว่า บริษัทเจ๊ง ไม่ได้ขายสินค้า 5-6 ปีแล้ว แถม สคบ. เป็นคนออกใบเองว่าไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ ถ้าผิดจริงป่านนี้คงไม่รอดแล้ว พร้อมแจงสินค้าเกาหลีลำลูกกา ว่าสินค้ามาจากเกาหลีจริง แต่มาแพ็คใส่กล่องที่ลำลูกกา โดยที่ทำแบบนี้เพื่อเป็นการลดต้นทุน ซึ่งข้างกล่องตัวเลข อย. มันก็บอกอยู่แล้ว ก่อนทิ้งท้ายขอความเป็นธรรมให้กับดาราที่เขาทำมาหากินจริงๆ
สำหรับธุรกิจผลิตภัณฑ์ Eighteen 18 เมื่อปี 2562 "แต้ว ณฐพร" เคยออกมาเปิดใจถึงประเด็นดังกล่าว ในฐานะที่ตัวเองรับหน้าที่เป็น "บอส" ว่า...
- ดราม่าเรื่องธุรกิจอาหารเสริม กระทบมาถึงตัวแต้วบ้าง หลายกระแสถามว่าทำไมยังทำอยู่ ซึ่งตนคิดว่ามันเป็นความรับผิดชอบที่ยังต้องทำ แล้วก็ไม่ได้คิดจะเลิก เพราะว่าไม่ได้มีปัญหา
- การทำธุรกิจนี้ไม่ได้รู้สึกว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของความเชื่อมั่น เพราะหน้าที่ตรงนั้นมันไม่ใช่หน้าที่ในฐานะนักแสดง แต่เป็นเหมือนการที่ได้ลองเข้าไปทำธุรกิจใหม่ๆ
- บอสหรือพรีเซ็นเตอร์ ในความเป็นบอส มันก็มีความเป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่แล้ว ส่วนในเรื่องของบอส คำว่าบอสมันก็คือการที่เราเข้าไปดูในเรื่องของการโปรโมต ทำมาร์เก็ตติ้งให้เป็นที่รู้จัก ซึ่งมันก็มีความคาบเกี่ยวกันในการเป็นพรีเซนเตอร์ด้วย ซึ่งในสัญญามีการระบุชัดเจน ว่าทำหน้าที่บอสในส่วนของการพีอาร์
- ดราม่า "ต้นหอม - มะตูม" เป็นสินค้าอีกตัวหนึ่งที่อยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของตน แม้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ในเครือเดียวกัน ก็ส่งผลต่อผลิตภัณฑ์ที่ตนเป็นพรีเซ็นเตอร์ด้วย
- สำหรับยอดขายที่เกิดขึ้นกับตัวแทน เหมือนกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่กังวลว่าการทำธุรกิจนี้จะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของตน ก็ค่อยๆ แก้สถานการณ์กันไปแบบเฉพาะหน้า เพราะรู้ตัวดีว่าตนทำอะไรอยู่ ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดี แต่มันเป็นการค้าขาย การสร้างอาชีพให้หลายๆ คน
- ถ้าหมดสัญญาแล้วเราจะยังไปต่อหรือไม่ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความเป็นไปได้ของบริษัท ต้องมาคุยกันอีกที แต่ ณ ตอนนี้ให้มันผ่านวิกฤติตรงนี้ไปให้ได้ก่อนดีกว่า