ใจหาย "หนุ่ม กะลา" คิดลาวงการ เปิดชีวิตใหม่ เก็บเงินเอง ลั่นไม่โกรธจูน
สะดุ้ง "หนุ่ม กะลา" ฝ่ามรสุมชีวิตได้ บวชมีส่วน เจอถามทำไมตั้งตัวเร็ว เปิดสาเหตุ ซื้อรถ ซื้อบ้านหลังใหม่ เบื้องหลังตั้งทีมบริหารเงิน - ช็อก คิดลาวงการ เลิกร้องเพลงแต่เปลี่ยนใจเพราะ?
กลับมามีรอยยิ้มที่สดใสอีกครั้ง สำหรับ "หนุ่ม กะลา" นักร้องหนุ่มเสียงนุ่ม ที่ก่อนหน้านี้เจอมรสุมครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต เกิดการฟ้องร้องภรรยาสาว "จูน เพ็ญชุลี" จนในที่สุดจบลงด้วยการเซ็นใบหย่า และเดินหน้าเป็นพ่อแม่ที่ดีของลูกสาวต่อไป รวมถึงหลังจากที่บวชเสร็จก็กลับมาลุยงานต่อ ล่าสุด ออกมาเปิดใจเป็นครั้งแรก
เรื่องคดีความ?
"คือผมกับทางคุณจูนไม่มีอะไรแล้ว คือผมถอนฟ้องวันนั้นก็จบวันนั้น เซ็นใบหย่าเรียบร้อย ที่เหลือก็ตกลงเลี้ยงดูลูกร่วมกัน ส่วนที่ฟ้องคู่กรณีผมไม่รู้เรื่องนี้ ปล่อยให้เป็นเรื่องของเขา เพราะตอนที่จูนไปฟ้อง เขาไม่ได้มีการปรึกษาผม"
การเลี้ยงดูลูก?
"สิทธิ์ในการปกครองก็ร่วมกัน ส่วนผมก็จัดการดูแลความเป็นอยู่ของลูก ค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ค่าเรียนเป็นส่วนของผมหมด"
ความรู้สึกกับจูนในวันนี้?
"ผมไม่ได้รู้สึกโกรธ หรือรู้สึกอะไรเลยกับทางจูน อาจจะเป็นเพราะว่าเรารู้จักกันมานานแหละ และเป้าหมายคือพอเรามีลูก เรื่องสำคัญที่สุดคือลูก ผมกำลังเริ่มเดินทางใหม่ หมายถึงเริ่มก่อร่างสร้างตัวใหม่ก็เพื่อน้องมิน บ้านที่เคยซื้อร่วมกันกับคุณจูนผมก็ให้ลูก ผมก็ออกมาซื้อใหม่ ทุกอย่างจริงๆ แล้ว อสังหาทั้งหมด ผมวางแผนเผื่อเขาไว้หมดแล้ว"
ปัจจุบันซื้อรถ และบ้านหลังใหม่?
"เริ่มต้นใหม่ รูปแบบใหม่ อยู่กับตัวเองเยอะขึ้น พยายามโฟกัสที่คนรอบตัว แค่ครอบครัวหรือเพื่อนของพี่ชาย ไม่ได้เสพพลังลบอะไร เรื่องบริหารจัดการเงิน หรือเก็บเงินตอนนี้ทำเองมา 1 ปีแล้ว มีทีมบัญชีดูแลอยู่ ต้องวางแผนเยอะๆ แต่ส่วนมากผมไม่ค่อยทำอะไรหรอก สมมติผมอยากได้รถ อยากได้บ้านก็ซื้อไปแล้ว เดี๋ยวแต่งบ้านให้เสร็จ ก็อยู่แถวๆ นี้ เพราะค่าเทอมลูกก็แพง ค่าใช้จ่ายลูกเยอะ เลยจะวางแผนแค่นี้ไม่ได้ เพราะผมไม่รู้ว่าผมจะมีแรงร้องเพลงอีกแค่ไหน ช่วงเวลาที่มีก็อยากจะเก็บไว้เยอะๆ ที่มีเงินเก็บเยอะ เพราะผมมีตลอดอยู่แล้ว มีเรื่องที่ต้องดูแล ช่วงหนึ่งเราอยู่เป็นเจ้าไร้ศาล อยู่บ้านแม่มั่ง คอนโดมั่ง ก็เลยวางแผนมีบ้านตัวเอง ทำห้องทำงานของตัวเอง"
ที่โพสต์ข้อความถือฤกษ์?
"จริงๆ ที่โพสต์เอาฤกษ์เอาชัย มีช่วงเวลาที่จะไม่ไปต่อ จะเลิกร้องเพลงแล้ว ตอนช่วงสึกนามิรอบสองนี่แหละ (ตอนเกิดดราม่ารอบ 2) ไม่อยากทำงานแล้ว แต่พอคุยกับผู้จัดการ และทีมงาน เลยรู้สึกว่า ถ้าไม่มีเราคนนึง เขาคงลำบาก เลยใช้อันนั้นเป็นสัญลักษณ์ในการสร้างความฮึกเหิมว่าเราจะไปต่อ"
เหตุผลที่ไม่ไปต่อ?
"ไม่อยากออกมาเจอคน ไม่อยากถูกวิจารณ์ เราเคยคิดว่า เราต้องอยู่ในจุดที่ถูกวิจารณ์ หรือหยุด และไปทำอย่างอื่น เพราะเราทำงานกว่า 20 ปี แล้วไปบวชด้วย เราเจอหนทางที่ได้นิ่ง เริ่มรู้สึกไม่อยากเจอใคร ที่ไม่สึกไม่ได้ เพราะเราต้องทำงาน และเราคิดถึงลูก"
ฟีดแบคไปแสดงโชว์ หลังจากสึนามิ?
"ตอนหลัง ไม่มีอะไรเลย เหมือนจะดีขึ้น ทุกร้านที่ไปเล่นเต็มหมด แต่ก่อนสึนามิ ก่อนบวช คนดูอาจจะตั้งใจไปดู แต่เรามีความรู้สึกว่าเขาไม่รักเราหรือเปล่า เพราะคนที่มาดู กับคนที่คอมเมนต์มันคนละกลุ่ม แต่เป็นเพราะใจที่เราวิตกไปเอง"
การบวชในครั้งนี้?
"ครั้งที่แล้วผมสัมภาษณ์ว่า จะบวชตอนที่มีความสุขมากที่สุด แต่บวชรอบสอง ทุกข์ตั้งแต่ยังไม่บวช มันก็ได้รับการกลั่นกรองคนละแบบ อยู่กับความทุกข์ทุกวัน เราก็พยายามศึกษาว่ามันคืออะไร จนพอออกมา เข้าใจธรรมชาติ"
มีความสุขอยู่กับลูก?
"ทาเล็บตามสีที่ลูกชอบ อะไรก้ได้ที่ลูกชอบ ลูกก็บอกว่า ทรงอย่างแบด ความสุขวันนี้คือได้ตื่นเช้าไปรับลูกที่โรงเรียน ได้ใช้เวลา วันไหนไม่มีงาน จะได้นอนกับลูก พยายามจะจุดไฟให้กลับมาอีกครั้ง เพราะมีอะไรที่เราต้องทำ ตอนนี้เราเริ่มกลับมาแต่งเพลง ผมเจอคนน้อยมาก ไม่เล่นโซเชียล ที่เห็นคือ แค่เข้าไปลงรูป ไม่รู้ข่าวเลย"
ไม่เล่นเพราะขยาด?
"มันเกิดมาจากบวชมากกว่า ตอนแรกกลัวว่าจะเจอคอมเมนต์ไม่ดี"
ลูกได้รับผลกระทบไหม?
"น้องไม่รู้เรื่องเลยครับ ล่าสุดไปรับลูก บอกว่า ครูมีรูปป๊าในโทรศัพท์ และครูเป็นชาวต่างชาติด้วย เขาไม่รู้ว่าผมเป็นคนดัง แต่เขารู้แค่ว่า มีคนมาขอถ่ายรูปเยอะ แต่ยังไม่มีคำถามขนาดนั้น ถ้าเขาเจอในโซเชียล เขาจะรู้ว่า พ่อเป็นนักร้อง เคยเปิดเพลงให้เขาฟัง แต่เขาไม่ฟัง ฟังแต่ทรงอย่างแบด เขาชอบมาก"
มีแววมาทางนักร้องไหม?
"ส่วนตัวเขาเป็นคนชัดเจน เรียนเปียโน เรียนร้องเพลง แต่ไม่เรียนเต้น เคยพาไปห้องอัด ถ้าโตกว่านี้ก็แผนอยากพาไปดูคอนเสิร์ต อาจจะเป็นแรงบันดาลใจว่า อยากเป็นไหม ถ้าไม่ใช่ก็จะทำอย่างอื่น"