"จั๊กกะบุ๋ม"พนมมือไหว้ ลบคำครหา #จั๊กกะเบี้ยวบิดหนี้ ปลดหนี้แม่ปูนา
ปล่อยโฮกลางรายการ สำหรับ "จั๊กบุ๋ม เชิญยิ้ม" ถึงขั้นพนมมือไหว้ ลบคำครหา #จั๊กกะเบี้ยวบิดหนี้ กรณีดราม่าก่อนหน้า ล่าสุดปลดหนี้แม่ปูนาหมดแล้ว
อัปเดตต่อ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียล กับกรณีตลกดัง "จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม" ถูกทวงหนี้ จำนวน 284,400 บาท กลางรายการดัง จนต้องออกมาประกาศว่าจะเคลียร์หนี้ "แม่ปูนา"เจ้าหนี้ ให้หมดภายในสิ้นปีนี้
ล่าสุด "จั๊กกะบุ๋ม"ก็เคลียร์หนี้สำเร็จ โอนเงินคืนก้อนสุดท้ายต่อหน้าสื่อ โดยงานนี้ "จั๊กกะบุ๋ม" ได้เปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow น้ำตาพรากท่วมใบหน้า เล่ายังมีหนี้อีกหนึ่งก้อนที่ต้องชดใช้ พร้อมเปิดปมถูกตราหน้า #จั๊กกะเบี้ยวบิดหนี้ ฉายานี้ได้ลบคำครหาได้แล้ว?
ในช่วงหนึ่งของการสัมภาษณ์ "จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม"ผ่านรายการ เจ้าตัวเล่าความรู้สึกหลังปลดหนี้แม่ปูนาว่า
" ณ ตอนนี้เคลียร์ก้อนใหญ่หมดแล้วทุกสตางค์ หมดเกลี้ยงหมดเลยครับ 284,400 บาท โอ้ย ก็ถือว่าโล่งไปอีกเปราะ เพราะว่าก่อนหน้านี้มันเหมือนมีอะไรอยู่ในอกเรา มันหนักมันอึดอัด มันแน่นไปหมด และมีความรู้สึกว่าหลังจากที่เราได้เอามันออกจากตรงอกจากหัวใจมันโล่งเลย เบาสบายมากๆ มันมีความสุข หลังจากที่เราเครียดมานาน 7 เดือน
เรื่องการโอนเงินต่อหน้าสื่อ จั๊กบุ๋ม เล่าเพิ่มว่า ตนเอง ไม่ได้เตี๊ยม ไม่ได้นัด แต่ก่อนหน้ามีสื่อมวลชนโทรมา เพราะว่าก่อนที่ผมจะปิดยอดหนี้ได้ทำการไลฟ์สดแล้วก็มีคลิปๆ นึงที่มีคนทวงถามผมว่าจะปิดยอดแม่ปูนาเมื่อไหร่ พอคลิปนั้นมันออกไปเป็นไวรัล พี่ๆ สื่อมวลชนก็เลยมาตามติด
"...ในใจไหนพี่ๆ สื่อมวลชนมาแล้ว งั้นเดี๋ยวผมโอนก่อนเลย เป็นการยืนยันว่าผมโอนจริงจะได้เห็นหลักฐานกันไปเลย ว่าได้โอนคืนแม่ปูนาหมดแล้ว.."
เห็นว่ามีคำนึงประโยคนึงที่พี่ไม่ค่อยพอใจ ?
ไม่ใช่ไม่พอใจ แต่เค้าเรียกว่า #จั๊กกะบิดเบี้ยวหนี้ #จั๊กกะบุ๋มเบี้ยวหนี้ ที่ตลกทีโพ มันเยอะนะช่วงนั้นน่ะ เค้าเข้ามาพิมพ์ในคอมเม้นต์ นั้นเป็นเรื่องของความสนุกสนาน สนุกทางอารมณ์ของคนที่ได้ดูข่าว ถามว่าตอนแรกเครียดไหม โมโหไหม ก็มี บางอารมณ์ตอนนั้นมี แต่เราระงับมันด้วยเหตุผล เราหาเหตุมันก่อนว่า เค้ามาใช้คำพูดแบบนี้กับเรามันมาจากเรื่องอะไร
เราก็จะเปลี่ยนจากสิ่งที่เขากำลังบอกผมปรมาผมดูถูกผมมาเป็นแรงบันดาลใจให้พิสูจน์ว่าผม ไม่ใช่จั๊กกะบิด ผมไม่ใช่จั๊กกะเบี้ยว ผมคือจั๊กกะบุ๋มที่มีความตั้งใจที่จะทำมาหากินใช้หนี้เพียงแต่ วันนั้นผมไม่มีโอกาสใช้หนี้เนื่องจากผมไม่มีงาน ผมไม่มีโอกาสแต่วันนี้ผมมีโอกาสผมมีช่องทางแล้ว ผมก็ใช้ช่องทางตรงเนี่ยพิสูจน์ให้ทุกๆ คนที่คอมเม้นต์แบบเนี่ยให้เห็นไปเลยว่าผมทำได้
วันสุดท้ายที่ปิดหนี้กับ "ปูนา" ก็ได้มีโอกาสคุยกับ "พ่อเป็ด" ด้วย ?
ครับ ผมเสร็จจากงานที่กรุงเทพผมก็ตีรถไปต่องานพ่อเป็ดที่ลพบุรี ก็ไปเจอพ่อเป็ดก็เหมือนเดิมเลยก้มกราบ พ่อเป็ดก็จับหัวผมแล้วก็ให้กำลังใจ มันผ่านไปแล้ว เหลืออีกนิดนึงในการพิสูจน์ เอ็งทำซะไม่ต้องไปสนใจใคร โฟกัสกับคนที่ให้กำลังใจโฟกัสคนที่เปิดโอกาส โฟกัสคนที่มาอุดหนุนสินค้าของเรา วันนี้มีเงินใช้หนี้ใช้สินได้ไม่ต้อง ขอบคุณใครเลย (เสียงสั่น) ขอบคุณคนที่มาซื้อปลาร้า ขอบคุณคนที่มาซื้อปลาส้มผม นี่แหละคือคนใช้หนี้ให้ (ร้องไห้) มึงไม่ต้องมา มึงไม่ต้องมาไหว้กู กูแค่ให้พื้นที่ แต่คนมึงควรจะขอบคุณมากที่สุดคือคนที่รักมึง
นี่คือคำที่อาเป็ดบอก แล้วพี่ตอบเอาเป็ดไปว่าอย่างไร? : ผมก็บอกว่าพ่อ วันนี้สิ่งนี้ผมอยากจะทำให้มากที่สุดก็คือ ผมจะไม่ทำให้คนที่เสียเงินมาซื้อของผม ผิดหวังในตัวผม อยากให้เขาเห็นว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่เขามาซื้อของผมอุดหนุนสินค้าผมเนี่ยมันเหมือนเงินซื้อชีวิตใหม่ให้กับผม ขอบคุณผมไม่รู้จะขอบคุณยังไงสำหรับทุกจังหวัดที่ผมไปมาผมได้รับอะไรดีๆ มากกว่าอะไรอะไรไม่ดี ผมมีความสุขทุกวันเลยยิ้มได้คุยได้ขายมีความสุขมาก ก็รับปากว่าจะไม่ทำเสียใจต่อไป มันจะมีแต่เรื่องของการทำมาหากินต่อสู้กันต่อไป
นอกจากขอบคุณคนมาซื้อปลาส้มปลาร้าทอดมีอะไรอยากบอกกับ "อาเป็ด" ?
ผม.. บอกได้คำเดียวว่า ผมกราบผู้ชายคนนี้ได้สนิทหัวใจเลย มันเหมือนกับเค้าฉุดผมมาจากโคลนจากหลุมที่ใครหลายคนพร้อมจะฝังผม แต่คนๆ นี้เลือกที่จะยื่นไม้ให้ผมหยิบจับแล้วดึงผมขึ้นมา ในขณะที่เนื้อตัวผมมันแปดเปื้อนไปทั้งโคลนตมแต่เขาให้โอกาสผมได้ล้างเนื้อล้างตัว ได้มีเสื้อผ้าใหม่ได้มีข้าวมื้อใหม่ได้มีรองเท้าใหม่ได้มีอะไรใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต คำขอบคุณไม่พอ ก่อนหน้านี้ที่ผมบอกจะบวชผมไม่ได้บวชหนีหนี้นะ พูดมาตลอดว่าหลังจากที่จบเรื่อง
ไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณของคนที่เมตตาผมยังไงผมก็อยากจะตอบแทนคุณด้วยความบริสุทธิ์จากผ้าเหลืองคือบวช