
คิดใหม่ให้ชีวิตใหม่ โอเค - The Olarn Project เพลงไทยที่ต้องฟังก่อนตาย
แรกเริ่มเดิมทีนั้น โอฬาร พรหมใจ จะใช้ชื่อวงว่า Thailand Band แต่เกรงจะมีผลเสียต่อ ประเทศชาติ จึงตัดสินใจใช้ชื่อ The Olarn Project เพราะหากเกิดอะไรขึ้น โอฬารจะเป็นผู้รับผิดชอบได้ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ที่ทางวงเก็บมาเล่าผ่านเว็บไซต์ก็มันแล้วครับท่าน หากเป็
ดิ โอฬาร โปรเจ็คท์ วงดนตรีร็อกที่ทะลุขีดจำกัดของสระและวรรณยุกต์ในภาษาไทย...ก้าวข้ามผ่านพรมแดนและข้อจำกัดทางภาษาไทย ที่เป็นแบบแผน ซึ่งนำไปสู่ความเป็นสากลกับดนตรีร็อกที่เดินทางจากบ้านเกิดตัวเองมาหลายสิบปี ก่อนจะมาผสมกันอย่างลงตัวและได้รับการยอมรับในวงกว้าง
เมื่อพวกเขานำมันมาหลอมรวมกัน เพื่อตอบสนองความลุ่มหลงในดนตรีร็อกในแบบสากลแต่เนื้อเป็นภาาษไทย โดยคนไทย และจากนั้น ผลงานของวงนี้ ก็ถูกฝังลงไปในสมองซีกที่รับรู้อรรถรสดนตรี ให้ได้ลิ้มรส เสพงานดนตรีดีๆ แก่ร็อกเกอร์ชาวไทย
วงโซดา คือต้นกำเนิด และสมาชิกส่วนใหญ่ก็มาจากวงนี้ งานอัลบั้มที่แทบจะไม่ค่อยมีใครได้ฟัง ไม่ค่อยได้เป็นที่จดจำในวงการเท่าไหร่ รวมถึงผู้มีส่วนร่วมเองก็คงรับรู้ในความรู้สึกนั้น ได้เช่นกัน
พ.ศ. 2527 ปีก่อกำเนิดในชื่อใหม่ และแนวทางใหม่ ที่สร้างงานได้ในระดับครู ในอีก 3 ปีต่อมา ปี 2530 ในสังกัด เสียงทอง เป็นทั้งค่ายเพลงและห้องอัดเสียง ย่านสุขุมวิท
“ดิ โอฬาร โปรเจ็คท์ - กุมภาพันธ์ 2528 แทนความห่วงใย”
โอฬาร พรหมใจ (โอ้-กีตาร์) ปฐมพงศ์ สมบัติพิบูลย์ (ลูกโป่ง-ร้องนำ) พิทักษ์ ศรีสังข์ (ทักษ์-เบส) ฉัตรพงษ์ นิยมไทย (แตงโม-คีย์บอร์ด) ชนินทร์ แสงคำชู (กุ๋งกิ๋ง-กลอง)
สุดยอดร็อกพันธุ์ไทย ระดับแถวบน ของหายากโดยเฉพาะเทปคาสเซ็ทมือสอง ขายกันแพงหูฉี่ ไม่อยากเสียตังค์แพง แนะนำ CD ยังมีวางขายให้เห็นอยู่ เพราะหลังจากออกอัลบั้มมาไม่เท่าไหร่ ก็ถูกนำมาออกซ้ำอีกครั้ง โดย ไมล์สโตน เรคคอร์ด ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
ปฐมพงศ์ สมบัติพิบูลย์ ประพันธ์เนื้อและร้อง 12 เพลง และยกเว้นเพลง หนทางของคุณ ประพันธ์เนื้อร้อง โดยโอฬาร และ แทนความห่วงใย ร้องโดย "แตงโม" ฉัตรพงษ์ นิยมไทย แทนความห่วงใยขึ้นเพลงเพลงแรกและถูกตั้งเป็นชื่ออัลบั้มด้วย ทุกเพลงท้าทายหูนักฟังและนักเล่นให้ฟังดังๆ มาตั้งแต่ยุค ซาวน์เบ้าท์ (เครื่องเล่นเทปคาสเซ็ท แบบพกพา เสียงหูฟังเข้าหูแบบกระชับ) จนถึง CD ไปจนถึงเครื่องเล่น MP3 ก็ยังไม่เสื่อมมนต์ขลังของซาวด์ดนตรีและเนื้อหาของเพลง หลายเพลงได้สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ฟังในแง่มุมที่แตกต่างกันไป สำหรับผม อย่าหยุดยั้งคือเพลงที่ให้แรงบันดาลใจที่ส่งผลให้เดินมาถึงวันนี้
เสียงกีตาร์ ที่เป็นบุคลิกเฉพาะตัวของ โอฬาร นั้น สลักลายเซ็นชัดเจน ทั้งดุนทั้งดัน ทั้งโซโล่ ทั้งโยกกีตาร์ ท่อน Riff ดุดัน เย้ายวน ให้นักกีตาร์มือใหม่ หรือกลางเก่ากลางใหม่ต้องเลียนแบบแกะให้เหมือนเป๊ะ ดูสักเพลงสองเพลง หรือทั้งอัลบั้ม ถ้าคลั่งหนัก ถ้ายังไม่เคยฟัง รีบไปหามาฟังโดยไว ข้ามประวัติศาสตร์เพลงร็อกไทยของวงนี้ไม่ได้เด็ดขาด
สองปีถัดมา เขย่าโสตประสาทเข้าอย่างจังอีกครั้งหนึ่ง หนักขึ้น เข้มขึ้น สะใจมากขึ้น
อัลบั้มชุดที่ 2 : หูเหล็ก พ.ศ. 2532 ได้ย้ายสังกัดเพราะบริษัทเดิมขายตึก ทำให้ต้องปิดกิจการไปด้วย จึงย้ายสังกัดมาอยู่ กับ Milestone Records ของมาโนช พุฒตาล ซึ่งทำหนังสือ "บันเทิงคดี" อยู่ด้วยในเวลานั้น
สมาชิกชุดนี้ประกอบด้วย : โอฬาร พรหมใจ (โอ้-กีตาร์) ปฐมพงศ์ สมบัติพิบูลย์ (ลูกโป่ง-ร้องนำ) ณรงค์ ศิริสารสุนทร (รงค์-เบส) Mikael Johansson (กลอง)
การเปลี่ยนแปลงสมาชิก เข้ามา 2 ออกไป 3 ทำให้ผลงานในชุดนี้ มีสีสันที่ต่างออกไป เพราะธาตุทางดนตรีถูกหลอมรวมใหม่ ถึงอย่างไร งานทั้งหมด แกนหลักของวงยังคงเป็น โอฬาร พรหมใจ และ ปฐมพงศ์ สมบัติพิบูลย์ ฉะนั้น แกนของอัลบั้มไม่ได้หนีไปไหน แต่ได้สีสันใหม่เติมเข้ามา ร็อก ก็คือ ร็อก ดนตรีที่หนักหน่วง เริ่มตั้งหน้าปก ลายหนังดำเมี่ยม ตอกหมุดชื่อของวงด้วยเหล็ก ดูเป็นความแข็ง ฝังลงในความนุ่มเหนียว ทนทาน เหมาะสมกับชื่ออัลบั้ม
เปิดอัลบั้มฟังตั้งแต่เพลงแรก เปิดฉากอัลบั้มก็ฉายให้รู้ถึงการลุ่มหลงกับดนตรีร็อก กับ Introduction และต่อมาในเพลง หูเหล็ก (หลายรอบที่ฟังแล้วหูเพี้ยนไปจนได้ยินคำว่า หูเด็ก หูเด็ก) เด็กมากก็อาจจะรับไม่ไหว แต่ถ้ามีประสบการณ์หน่อยก็พอจะรับได้
เพราะรัก เพลง อีโรติก ที่ฟังแล้ววาบหวิว แต่สวยงามไม่ลามปามไปถึงขั้นลามก ด้วยชั้นเชิงการใช้ภาษาที่สวยงามเห็นภาพและมีคมความคิดใช้ยับยั้งสติได้ในบางทีที่อาจเผลอไผลไปกับอารมณ์ที่อาจสะกดไม่อยู่
เพลงที่เหลือก็เหนือสุดจริง ๆ ทั้ง ฟ้า...ข้าขอท้าทายที่สะท้อนวัยหนุ่มสาวได้อย่างชัดเจน วัยที่ความคิดและจินตนาการเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ กล้าทายท้าแม้กระทั่งฟ้า ที่สองมือธรรมดาของมนุษย์คนไหนก็เอื้อมไม่ถึง
คน เพลงที่พูดถึงการกระทำของมนุษย์ในแง่มุมของกิเลสที่ไม่เคยเปลี่ยน แต่สามารถเปลี่ยนชีวิตได้ ไม่ว่าจะกี่ยุคสมัย รู้อยู่เต็มอกว่าไม่ดี แต่ก็ยังทำ สุดท้าย หนีไม่พ้นการพิพากษาทั้งจากสังคม ศาลยุติธรรม ฟังเพลงจากทั้งสองอัลบั้มต่อเนื่องกันจะได้อารมณ์มากๆ เพราะเรื่องราวความคิด และศิลปะดนตรี
เพลงบางเพลงอาจสะท้อนยุคสมัยแต่ละยุคที่ผ่านไปแล้ว แต่งานทั้งสองชุดของ ดิ โอฬาร โปรเจ็คท์ เหมือนเป็นกระจกสะท้อน ที่เดินไปพร้อมกับเรา ชำเลืองมองเมื่อไหร่ เรื่องราวในเพลงเหมือนเพิ่งเกิด จนไม่อยากจะเชื่อว่าเคยฟังซ้ำหลายครา เป็นเวลา 20 กว่าปี
ชาตินี้ ยังไงก็ฟังเพลงทั่วไป ได้ไม่หมด
ขอเลือกเพลงโปรด ฟังก่อนตาย ดีกว่า
"โชคชัย เจี่ยเจริญ"
[email protected] <mailto:[email protected]>