
"นุ่น ศิรพันธ์" กลัว จนไม่กล้าอาบน้ำ หลังซ้อมละครเวที "เรื่องเล่าคืนเฝ้าผี"
เปิดใจนักแสดงสาว "นุ่น ศิรพันธ์" ที่ล่าสุดกำลังจะมีละครเวที "เรื่องเล่าคืนเฝ้าผี" เจ้าตัวเล่าถึงเบื้องหลังการซ้อมสุดหลอน ทำให้กลัวจนไม่กล้าอาบน้ำ
เป็นยังไงบ้างกับเรื่องนี้?
ถ้าตามการเล่าเรื่องก็คือว่าน้องสาวของดาวเสียชีวิต และดาวก็เลือกที่จะเอาศพมาไว้ในบ้าน และเชิญทุกคนมาเผื่อตามหา ว่าใครเป็นคนที่ทำให้น้องสาวของฉันตาย แล้วการที่มานั่งอยู่ด้วยกัน เพื่อรอเวลาอะไรบางอย่าง เหงาๆ ก็เลยเล่าเรื่องผีรอ เส้นเรื่องใหญ่ก็คือมีการตายเกิดขึ้น แล้วก็ม่ตามหา ว่าใครเป็นคนที่ทำให้เกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็มีการเล่าแทรก ว่าผีที่แต่ละคนไปพบเจอมามีอะไรบ้าง เหมือนมาเฝ้าศพไม่มีอะไรทำ ก็เลยเล่าเรื่องผี
กับตัวละคร "ดาว" เราทำการบ้าน ตีความตัวละครนี้ออกมายังไง?
ตัวละครนี่ลี้ลับ ลึกลับซับซ้อนมาก นุ่นตั้งใจทำให้คนดูเดาไม่ได้ ว่าดาวเสียใจ หรือดีใจ หรือเขาเป็นคนทำให้เกิด หรือเขากำลังตามหาคนทำให้เกิด มันมีความซับซ้อนในตัวละครเยอะมาก ซึ่งด้วยบทเอง มันก็ถูกนำพาให้ตัวละครตัวเองก็แบบ…หรือแกฆ่าวะ หรือจริงๆ เสียใจวะ มันก็จะมีมิติของตัวละครเยอะมากๆ และมีพื้นที่ให้นุ่นได้เล่นเยอะมาก ว่าตกลงพี่ดาวเป็นคนยังไง เพราะตอนที่ได้รับบท อ่านไปพร้อมๆ กับคนอื่น ยังไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนทำ นักแสดงเองก็ต้องตามหาไปพร้อมๆ กันกับคนดูด้วย
ความท้าทายที่สุดของเราในเรื่องนี้คืออะไร?
มันเป็นเหมือนการเช็กลิสต์ความฝันของนุ่นค่ะ คือตั้งแต่เริ่มต้นอาชีพนักแสดง นุ่นอยากเล่นละครเวทีที่สุด และหนึ่งในโรงละครเวทีที่อยากอยู่ คือเมืองไทยรัชดาลัย มันคือความแกรนด์ มันเหมือนเป็นเวทีที่เราอยากไปยืน แล้วที่ผ่านมารัชดาลัยมีแต่มิวสิคัล แล้วเราร้องเพลงไม่เป็น อันนี้คือสิ่งที่นุ่นติดมาตลอด ว่ามันยังไม่มีโอกาสได้ทำงานบนเวทีนี้ ถ้าออดิชั่นคือตกรอบแรกแน่ นุ่นร้องไม่ได้เลย และไม่เคยคิด
สำหรับนุ่นการที่วันหนึ่งเขาโทร.มา แล้วบอกว่าพี่จะทำเรื่องนี้เป็นละครพูด นุ่นพูดก่อนเลยว่าถ้าร้องเพลงหนูไม่ได้ แต่พอเป็นละครพูด สำหรับนุ่นมันไม่ใช่ความท้าทาย แต่มันคือความตื่นเต้น นุ่นรอวันที่จะได้ขึ้นเวทีมากๆ อยากจะอยู่บนเวทีอย่างเพอร์เฟกต์ที่สุด ถ้าถามว่าอะไรคือความกดดัน คือกดดันตัวเอง เพราะเราไม่คิดว่าเราจะมีโอกาส แล้วพอมีโอกาสเราก็อยากให้ออกมาดี
เหมือนเรื่องนี้มาเพื่อให้โอกาสเรา?
เอาจริงๆ ไม่คิดว่าตัวเองจะมีวันนี้ค่ะ ดังนั้นที่มักจะพูดเสมอ คืออย่าพูดว่ามันคือความท้าท้าย เพราะมันคือความดีใจมากๆ วันนี้มันเหมือนเราถูกหวยค่ะ แล้วเราก็ไม่อยากให้โอกาสมันหายไป
ทำไมถึงต้องเป็นเวทีรัชดาลัยเธียรเตอร์?
คือเรามีโอกาสมาดูที่นี่หลายรอบมาก นุ่นเป็นคนชอบดูละครเวที และเราเคยเล่นโรงเล็ก ที่เป็นห้องไซซ์คนดูประมาณ 30-40 คน ซึ่งมันฟินตอนเล่น หรือโรงไซซ์กลางก็เคยเล่น แต่ที่นี่มันเป็นเหมือนเราเคยดู แล้วเราก็ประทับใจ เราเคยร้องไห้กับละครเวทีหลายๆ เรื่อง เราร้องไห้ตามพี่นก สินจัย ล่าสุดร้องไห้กับพี่กบ ทรงสิทธิ์ คือเรารู้สึกว่ามันประทับจิตประทับใจค่ะ แล้วมันเกินเอื้อม ไม่ได้พูดเว่อร์นะ แต่ถ้าคุณไม่มีสกิลร้องเพลง ก็เหมือนว่าไม่ต้องเสนอหน้ามา (หัวเราะ) มันห่างไกลความฝันมากๆ ค่ะ
ถามว่าทำไมต้องที่นี่ เมืองไทยเรามีโรงละครไม่กี่ที่ แล้วมีไม่กี่ที่ที่เขาเอาจริงเอาจัง นุ่นได้ยินกิตติมศักดิ์ของพี่บอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) มานานมาก เราได้ยินว่าพี่บอยเก่งและเข้มงวด เราเป็นพวกอยากทำงานกับคนเก่ง ละครเราคงไม่มีโอกาสกับพี่บอย ก็จะมีอีกอันคือละครเวที เราก็เคยมาดูด้วย เราเลยรู้สึกว่ามันต้องที่นี่ เป็นอีกหนึ่งอันที่ต้องเช็ก ส่วนใหญ่ของนุ่น นุ่นเช็กติ๊กเกือบครบแล้ว แต่อันนี้เป็นเวทีที่รอ
เรื่องนี้เคยทำมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ 10 ปีก่อน พอมาเป็นเวอร์ชั่น 2025 เราจะเล่าเรื่องยังไงให้ใหม่?
ข้อแรกคือบางทีเส้นเรื่องมันอาจจะไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างชัดขนาดนั้น ไม่แปลกที่คนดูจะรู้สึกว่าเรื่องมันคล้ายๆ ด้วยความที่เรามีประสบการณ์การเล่นละครรีเมคหลายเรื่อง เรารู้สึกว่าบางอย่างเราเปลี่ยนข้อเท็จจริงไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่นุ่นชอบ ก็คือตอนที่คุยบท ผู้กำกับบอกว่าบทมันต้องถูกปรับ เพื่อให้มันสมเหตุสมผลกับคนในยุคนี้ บริบทสังคมมันเปลี่ยนไป เพราะฉะนั้นสิ่งที่พูดในเรื่องมันต้องสมเหตุสมผล คนยุคนี้ฟังแล้วต้องไม่อาย ผู้กำกับเขาก็เข้าใจว่าคนดูต้องการอะไร นี่เป็นเรื่องแรกที่นุ่นชื่นชม
ส่วนเรื่องที่สองคือด้วยเทคนิค นุ่นมาดูละครเวทีที่นี่หลายเรื่อง ห่างหายไปหลายปี และกลับมาดูอีกทีคือ ฟ้าจรดทราย ซึ่งทึ่งกับเทคนิคเหมือนเราดูหนัง เรารู้สึกว่าเทคนิคมันล้ำ ไม่เหมือนกับที่ดูในสมัยก่อน ยิ่งเรื่องนี้บทก็น่าสนใจ วิธีการเปลี่ยนฉากก็เร็วกระชับ มีความเก๋ เราก็ต้องซ้อมเปลี่ยนฉาก เพราะทั้งเทคนิค วิธีการเล่า เราได้ยินมาว่าครั้งแรกเขาจะเป็นแบบ 4D รูป กลิ่น เสียง สัมผัส แล้วตอนนี้เทคนิคทุกอย่างมันมีการพัฒนา อันนี้คือไม่ได้ห่วงคนดูเลย ห่วงตัวเองมาก คือขี้กลัวไง ก็เลยคิดว่าตอนซ้อมต้องชินให้ได้
เพราะขนาดซ้อมก็ยังตกใจจริง แล้วในเรื่องพี่ดาวต้องไม่ตกใจอะไร อยากเห็นมาก แบบมาสิอยากดู ไหนอยูไหน แต่กลัวตัวเองไม่ชินมาก เป็นคนกลัวผี ต้องคัทตัวเองว่าตอนนี้เป็นพี่ดาวอยู่ ถ้าเมื่อไหร่เป็นตัวละคนเราจะไม่กลัวอยู่แล้ว คือตั้งใจว่าเราจะซ้อมให้มันชินที่สุดค่ะ เผื่อจะไม่ตกใจเอง และไม่เคยดูเวอร์ชั่นเก่าเลย อาจจะเป็นข้อดีก็ได้ คือเป็นคนขี้กลัว หนังผีนุ่นไม่ดูเลย แม้กระทั่งเรื่องที่ตัวเองเล่นก็ไม่ดู แต่เล่นละครผีมาเยอะมากค่ะ ผีแพงก็ไม่ดูค่ะ (หัวเราะ) ไม่เช็กมอนิเตอร์ แล้วถ้ามีโอกาสที่ต้องดูงานตัวเอง ด้วยความที่เรารู้บท รู้ว่าเดี๋ยวผีหลอกเราก็จะปิดตาก่อน คือเล่นผีมาเยอะนะ แต่เป็นคนขี้กลัวมา เลยไม่ค่อยดูงาน
ตอนถ่ายเราต้องตั้งสติมากๆ ?
นุ่นว่าเป็นข้อดีของการเราเป็นนักแสดง เวลาเราเป็นตัวละครเราจะตัดตัวเอง นุ่นว่าด้วยละครเวทีมันมีเสน่ห์ มันต้องมีสติมากๆไม่ใช่เราแค่จำบท เวลาเราได้ละครก็แค่ท่องบท ถ่ายๆ แล้วก็เปลี่ยนซีน แต่ถ้าผิดก็ถ่ายใหม่ แต่อันนี้มันต้องรัน สมมุติว่าใครพูดผิดสักคนนึง ถ้านุ่นลืมอีกคนนึงก็จะไปต่อไม่ได้ มันเลยทำให้เราต้องมีสติ ถ้าเรื่องกลัวคงไม่หรอก เพราะว่าเวลาแสดงจริงเราต้องโฟกัส
ละครเวทีแก้ใหม่ไม่ได้?
นี่แหละเลยเป็นเสน่ห์ของละครเวที มันเหมือนทุกอย่างผ้าม่านเราเปิดแล้ว ฉันจะต้องทำให้เธอดูจนจบ อย่างน้อยถ้ามีอะไรเกิดขึ้น คนดูต้องไม่รู้สึก สำหรับนุ่นมันคือการทำงานเป็นทีม คือละครก็ทำงานเป็นทีม แต่สำหรับนุ่นละครเวทีมันคือพาร์ทเนอร์ คือมันต้องวิ่งไปด้วยกัน
นุ่นทึ่งกับที่นี่มากขออวยยศนิดนึง ไม่เคยซ้อมละครเวทีที่แบบทุกคนอยู่กันครบ เมื่อก่อนละครคือนั่งอ่านบทๆ ที่นี่ read to วันแรก นัดบ่าย 3 อ่านบท เดี๋ยวพี่บอยมาช่วงค่ำ สนุกๆ แต่พอพี่บอยมาทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดเลย ห้องเซ็ทใหม่ พี่บอยนั่งเหมือนออดิชั่น พี่บอยนั่ง ผู้กำกับนั่ง ทีมงานนั่งเกือบ 30 ชีวิตข้างหลัง วันแรกที่เราซ้อม เราก็แต่งตัวเหมือนมาซ้อมบท ท่องจำ แต่ที่นี่ไม่ ซ้อมบทก็เหมือนมีแบล็คสเต็จ มีเสียง พูดประโยคนี้ เสียงฝนตกคือฝนตกเลย คือสมจริงตั้งแต่ตอนซ้อม คือเต็มที่ตั้งแต่วันแรก เสียงหมาหอน โอ้โห เขาจริงจังว่ะ
ได้ถามไหมว่าทำไมถึงให้นุ่นมาเล่น?
นุ่นไม่กล้าถาม แล้วก็ไม่รู้เลยค่ะว่าใครเป็นคนเลือกนุ่น ได้มาเล่นก็โอเคแล้วค่ะ เขาไม่เปลี่ยนตัวก็แฮปปี้แล้ว (หัวเราะ) มีรูปโชว์แล้ว ก็ไม่เปลี่ยนแล้ว
ละครเวทีที่ไม่ได้ร้องก็ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ?
เหมือนที่บอกเหมือนนุ่นถูกหวย เพราะที่เมืองไทยรัชดาเขาไม่ได้พูดบ่อยๆ สัก 10 เรื่อง มีสัก 2 เรื่อง นอกนั้นเป็นมิวสิคคัลหมดเลย
ถ้าเราลืมบท เราจะแก้ไขสถานการณ์ยังไง?
นุ่นว่าต้องแก้ตั้งแต่เตรียมงาน เหมือนที่บอกว่าเราทำงานเป็นทีม หมายถึงว่าเราไม่ได้แก้ไขปัญหาคนเดียว มันจะถูกซ้อมจนแค่มองตาก็รู้ใจ บางอย่างเราแก้ไขปัญหาคนเดียวได้ บางอย่างเราต้องให้เพื่อนช่วย บางอย่างทีมงานก็ต้องช่วย ยิ่งถ้าตอนซ้อมเราเอาจริงเอาจัง หรือบางอย่างนุ่นก็พูดไปเลยว่าเรากลัวตรงนี้ ผู้กำกับก็จะหาวิธี อย่างตอนซ้อมล่าสุดมีอุปกรณ์ชิ้นนึง ที่พูดเสร็จแล้วเราต้องวาง พอตอนซ้อมเรายังไม่แม่น ก็ยังไม่วางสักที เราต้องหาจังหวะไปวางเอง เพื่อให้คนต่อไปเขามาหยิบใช้ต่อ แล้วไอ้ตอนที่เราลืม คนที่ซ้อมด้วยกัน ก็บอกว่าถือไว้ทำไม เราก็แบบลืมวางนี่หว่า ก็ต้องหาวิธีให้ตัวเองเอาไปวางให้ได้ ถึงบอกว่าละครเวทีไม่ทำให้คนดูรู้สึกว่า เราลืมนะ
พาร์ทเนอร์มีใครบ้าง?
มีน้องอัค น้องฟิล์ม ก็มาสนิทกันตอนซ้อม คนที่นุ่นหมายหัวว่าจะไม่สนิทด้วยคือน้องตั้ม คือกลัวหลุด ทุกคนเจอไปแล้ว เกลียดนางมาก ถ้าถามว่าในวงการเกลียดใคร ก็มีชื่อตั๊มอยู่แล้ว (หัวเราะ) ด้วยความที่ในเรื่อง เขาเป็นคนทำให้มีสีสัน เขากลัว แต่ต้องกลัวแบบมีสีสัน แล้วเขาชอบนอกบท เราก็ถามว่าอันนี้จะนอกบทใช่ไหม ฉันจะได้เตรียมใจก่อน เขาจะมีมุขมาตลอด เราก็กลัว เพราะว่าตัวละครที่ดาว จะไม่หวั่นไหว ตาแข็งใส่ทุกคน แต่ว่าตอนซ้อมก็คือหายนะมาก ตั้มช่วยพี่ได้ไหม ไปเล่นกับคนอื่นได้ไหม เราก็จะแซวกัน (หัวเราะ)
แล้วเขาให้ความร่วมมือไหม?
ไม่ๆ คือเขาสนุกมาก นุ่นว่าดีนะ รู้สึกว่าตัวเองตัดสินใจถูก จริงๆตอนนี้งานออฟฟิศก็รันอยู่ จริงๆ ต้องเป็นเป็นพนักงานฟลูไทม์ 9 โมง ถึง 2-3 ทุ่ม แต่ว่าการที่เราขอลา เพื่อมาซ้อมและก็มาเล่น แล้วเราดันสนุกกับงาน เพื่อนร่วมงานดีมาก 2 เดือนนี้ คุ้มค่า นุ่นว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี คือซ้อม 1 เดือน เล่น 1 เดือน ซึ่งถือว่าน้อยมาก เพราะปกติเรื่องนึงซ้อม 2-3 เดือน
คุณสามีว่ายังไงบ้าง?
เขาเป็นคนบอกให้นุ่นไม่ต้องกังวล จริงๆช่วงนี้แพลตฟอร์ม ECOLIFE เวอร์ชั่นใหม่ คือปีที่แล้ว นุ่นเป็นคนคุมฝั่งเด็ป คุมคนเขียนโค้ช ให้แพลตฟอร์มมันดีขึ้น คือยุ่งแต่ออฟฟิศ คือตอนเรื่องนี้ติดต่อมานุ่นก็กังวล แต่ก็อยากเล่นมาก ก็จะมีติ่งความเป็นห่วง แต่พี่ท็อปบอกว่าไม่ต้องกังวล ก็เลยเอาน้องมานั่งเฝ้า ถ้ามีอะไรด่วนจะได้มีคนรับงาน พี่ท็อปน่ารักซัพพอร์ตมากๆ เขาจะรับงานที่หนักหนาไปให้
ตอนซ้อมอะไรที่มันง่ายเข้าทางเรา?
อารมณ์ตัวละครพี่ดาวค่ะ คือสนุกมาก มันไม่ได้เล่นแบบฉันโกรธ อย่างที่บอกพี่ดาวความลึกลับในตัวเอง บอกไม่ได้เลยว่าตอนนี้เสียใจหรือดีใจ หรือว่าคิดอะไรอยู่ เราสามารถเล่นกับตัวตัวละครได้อย่างฟรีสไตล์ แล้วผู้กำกับอยากให้เราลองเล่นแบบขายของดู แฮปปี้มากค่ะ ช่วงนาทีทอง ละครเวทีไม่ว่าเราเล่นเรื่องไหนก็ตาม ซ้อมแค่ไหนก็ตาม เวลาที่ใกล้จะเปิดม่าน จะมวนท้องทุกครั้ง ปวดฉี่ทั้งที่เราเข้าห้องน้ำมาแล้ว พอเล่นเสร็จ เราจะรู้สึกสนุก เวลาเราเล่น เราจะได้ดูว่าคนดูรู้สึกยังไง
เล่นละครเวทีเราจะป่วยไม่ได้อะไรไม่ได้เราดูแลตัวเองยังไง?
ช่วงนี้จะทานน้ำปกติไม่ให้ไอไม่ให้ป่วยเจ็บคอ ไม่ใช่แค่รับผิดชอบ คือเราไม่อยากพลาดแม้กระทั่งการซ้อม เพราะว่าตอนซ้อมมันเป็นเวลาที่สนุกมาก สำหรับนุ่นมันไม่ใช่การเตรียมงาน เหมือนมันทำงานแล้วสนุก จนไม่อยากลาป่วย
แอบสปอยล์ความขนลุกได้ไหม?
คือนุ่นไม่กล้าอาบน้ำจริงๆ ขนาดเล่นเป็นพี่ดาวนะ ห้องซ้อมคือเป็นแบบนี้ อาทิตย์ที่แล้วซ้อมเปิดปิดไฟ ลองเทคนิคเสียงด้วย ลองเล่นอารมณ์จริงเท่าที่จะเล่นได้ เล่นแสงด้วย แล้วแต่งชุดธรรมดาด้วยนะ คือน่ากลัว ทั้งที่ในเรื่องต้องไม่กลัว คือตอนเล่นคัทเราไม่กลัว แต่พอกลับไปถึงบ้าน เลิก 4 ทุ่ม กลับบ้านจะอาบน้ำประมาณเที่ยงคืน อยู่ๆไฟห้องน้ำมันก็แบบเหมือนในห้องซ้อมเลย ก็เลยไม่กล้าอาบน้ำสระผม ขนาดว่าเราเป็นคนเห็นบท ขนาดว่าเรารู้ว่านี่คือคุณตั้ม คุณฟิล์ม คุณอัค เรายังติดกลับมาเลย
จังหวะตกใจเยอะไหม?
เยอะค่ะ คือถ้าคนที่ตกใจแบบนุ่น ช่วยตั้งสติ เพราะว่ามันจะมีจังหวะที่แบบผี มันจะมีซาวด์บางอย่าง แบบอีกนิดนึงมาแน่นอน เราก็จะพร้อมปิดตา ระวังที่นี่เอาไว้ให้ดี แค่ขนาดเรารู้จังหวะ เรายังแบบฮะ! เรายังถามว่าพี่จะทำแบบนี้จริงๆหรอคนดูไม่ตกใจหรอ คือเราเป็นห่วงคนดู คือคนเรามีความตกใจไม่เท่ากัน เราก็เป็นห่วง สมมุติถ้านุ่นเทียบกับตัวเอง นุ่นเป็นคนขี้กลัวมาก
คนดูจะต้องเตรียมตัวยังไง ?
ปล่อยจอยค่ะ เพราะว่าจริงๆพื้นฐานสนุก คือที่บอกว่าน่ากลัว คือมันมีความน่ากลัวอยู่แล้ว คือเทรนของคนสมัยนี้นุ่นไม่ค่อยเข้าใจ คนที่เปิดวิทยุฟังเรื่องผี ขับรถรับฟัง ก่อนนอนก็ฟัง เราไม่เข้าใจเลยว่าเขาอยู่กันยังไง สำหรับนุ่นคิดว่า ถ้ามานั่งแล้วอากาศมันเย็น มืดๆแสงสลัว และทุกอย่างมันเอื้อไปหมด คือประสาทสัมผัสทุกอย่าง แทนที่จะคนรู้จากการฟัง เอาตัวเองมานั่งแล้วไม่ต้องเตรียมอะไรเลย สำหรับนุ่นมันคือละครเวทีที่มากกว่าการที่คนดูมานั่งดู แต่ที่นี่เขาให้ความสำคัญในเรื่องของการซ้อมจังหวะมากๆ เทคนิคแสงสีเสียง เหมือนได้เปิดประสบการณ์ใหม่
คนจิตไม่แข็งดูได้ใช่ไหม?
คนจิตไม่แข็งก็ดูให้ค่ะ เอาคนข้างๆมาด้วย จะได้หาเรื่อง (ทำท่ากอด) ถ้ามาหาเอาข้างหน้า ก็ต้องดูด้วยนะคะ (หัวเราะ)
เคยเจอประสบการณ์เรื่องผี?
ขอบคุณที่ท่านเมตตา (ทำท่ายกมือไหว้) คือนุ่นเชื่อนะ หมายถึงว่าเราเรียนวิทยาศาสตร์มา แต่เราเชื่อ แม้กระทั่งคลื่นแสง เราเห็นแสงนี้เพราะว่าคลื่นกระทบ แต่มันมีขึ้นอีกหลากหลายมิติมาก ที่ตาเราไม่เห็น แต่ว่ามันมีสิ่งนี้อยู่ เราเชื่อว่ามีก้อนพลังงานบางอย่าง ที่เรามองไม่เห็น เราไม่ได้รู้สึกว่าเราไม่เชื่อ ส่วนตัวนุ่นเองนุ่นเชื่อ เราเคารพในพื้นที่กันและกัน ที่สำคัญต่อให้ไม่ใช่เรื่องนี้ เป็นผีอีแพงหรือว่าเรื่องอื่นที่เราเล่นเป็นผี ก่อนเข้างานทุกครั้ง เราจะพูดเสมอว่าเราไม่ได้มาลบหลู่ เราอยากมาถ่ายทอดในสิ่งที่ตัวละครรู้สึก เราอยากให้คนดูเข้าใจว่า เขาเสียใจ หรือว่าเขาโกรธแค้นแค่ไหน เราขอเป็นพื้นที่ ที่ได้ถ่ายทอดความรู้สึกนั้น และเราจะเคารพเขา
แม้กระทั่งนุ่นมาที่นี่เอง ด้วยความขลังที่มี ห้องครู เวลาเราเข้าไปไหว้ เราก็จะพูดเสมอว่า เราอยากเป็นนักแสดงเป็นศิลปินที่อยู่บนเวที และถ่ายทอดตัวละครให้ออกมาดีที่สุด เราจะคิดแบบนี้ และเราก็จะอุ่นใจ ก็เลยทำให้เราไม่เจออะไร ก็ขอบคุณค่ะ เราแฮปปี้ค่ะ
รอบฉายวันแรกคือวันที่ 6 มีนา ถึงวันที่ 23 มีนา ซึ่งรอบฉายมีน้อยมากค่ะ มีแค่ 14 ถึง 15 รอบเอง ก็อยากให้ทุกคนมาดูจริงๆ เพราะว่าหายากนะ เพราะว่าปกติถ้าเราดูมิวสิคคัลก็จะอิ่มใจ แต่เรื่องนี้เหมือนถูกดีไซน์มาเพื่อบิ้ว อยากให้ทุกคนได้มาลองเจอกับประสบการณ์ค่ะ
เราคาดหวังอะไรกับคนดู?
อยากให้คนดูได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ด้วยทีมโปรดักชั่นเอง อยากให้คนดูได้รับประสบการณ์นี้ สิ่งที่พวกเราตั้งใจซ้อม เสียงแสงหรือบรรยากาศทุกอย่าง ถูกดีไซน์มาอยากให้ทุกคนได้รับ (อุ๊ยมีเสียงอะไร?) เสียงแอร์ค่ะ บอกแล้วทุกคนต้องมีสติ สามารถซื้อบัตรได้ที่ไทยทิคเก็ต สามารถกดซื้อออนไลน์ได้เลย คือต่อให้นุ่นไม่ได้เล่นเอง นุ่นก็รู้สึกว่าเป็นละครเวทีแบบใหม่ ของการแสดงด้วยค่ะ