
ขนลุก! "เจมส์ มาร์" ลอดโบสถ์ล้างอาถรรพ์ เล่าที่มาความเชื่อ
"เจมส์ มาร์" สายมูตัวจริง! พาตะลุยขอพรวัดนาคปรก เสริมบารมีองค์พญานาค วัดเก่าแก่ที่สันนิษฐานว่าสร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ซึ่งในยุครัชกาลที่ 3 ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่
"เจมส์ มาร์" ลูกครึ่งฮ่องกง ที่ปกติจะไปมูที่ฮ่องกงเป็นประจำ ได้มาเยือนวัดนาคปรกแห่งนี้ เนื่องจากช่วงนี้ชีวิตของเขาพัวพันกับองค์พญานาค เพราะได้เล่นภาพยนตร์เรื่อง "นาคบรรพ์" จึงมีโอกาสได้กราบไหว้ขอพรบวงสรวงมากขึ้น ในรายการเผือกร้อนตอนบ่าย
วัดนาคปรกแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ซอยภาษีเจริญ มีพระนาคปรกเป็นพระประจำวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันเกิดของเจมส์ มาร์พอดี จึงต้องมาไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยจุดแรก ที่เจมส์ มาร์พาไปสักการะคือ หลวงพ่อเจ้าสัว ซึ่งสร้างสมัยรัชกาลที่ 3 มีลักษณะเป็นองค์พญานาคและมังกรผสมผสานกัน โดยมีศิลปะแบบจีน เนื่องจากในยุคนั้นมีการค้าขายกับจีน โดยเจ้าตัวเผย… "ผมขอให้ทำงานที่อยากทำให้ดีที่สุด ตั้งใจทำงาน แล้วมีโอกาสได้ทำงานที่ตัวเองรักเยอะ ๆ ครับ"
จุดที่สอง คือ การลอดโบสถ์ล้างอาถรรพ์ ซึ่งเชื่อกันว่าจะช่วยปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกจากชีวิต และเสริมดวงชะตาให้รุ่งเรือง โดยมีบทสวดและกระบวนการทำพิธีที่ถูกต้อง โดยเจ้าตัวเผย "รู้สึกอุ่นใจและรู้สึกดีมากที่ได้มา เป็นความรู้สึกแบบสงบ"
จุดที่สาม คือ พระสังกัจจายน์ ที่มีองค์พญานาคอยู่ข้างหลัง ซึ่งเชื่อกันว่าใครอยากขอเงินทอง อยากได้ความร่ำรวย ให้มาลูบท้องพระสังกัจจายน์
จุดที่สี่ คือ พระนาคปรก ที่ทำมาจากไม้ตะเคียน ซึ่งเชื่อกันว่าใครอยากเดินบนเส้นทางเศรษฐี ให้มาขอพรที่นี่
นอกจากนี้ เจมส์ มาร์ยังได้อัปเดตเรื่องหัวใจ โดยเปิดเผยว่ามีผู้หญิง 3 คนที่มีอิทธิพลในชีวิตของเขา หนึ่งในนั้นคือ "พาย รินรดา" ที่เจ้าตัวพาไปพบกับครอบครัวแล้ว และกำลังคบหาดูใจกันมา 2 ปีแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นเรารู้จักกันมาประมาณ 5 ปีโดยเจมส์ มาร์เผยว่า "ด้วยความนิสัยดี" ทำให้เขาตัดสินใจบอกกับพายว่า "โอเคเรามั่นใจกับตัวเองแล้วว่าใช่" เอาจริงๆ ก่อนที่คุณจะเปิดตัวว่าคบกัน คุณคุยกันอยู่นานมั้ย
จริงๆแล้วเรารู้จักกันมานานใช้คํานี้ละกัน เรารู้จักกันมาประมาณห้าปีจากวันแรกที่เจอกันอะไรอย่างเงี้ยครับคุยเรื่องว่าจะเป็นหรือไม่เป็นเนี่ยมันเกิดขึ้นตอนที่ก่อนหน้าเปิดตัวนิดนึงประมาณเดือนสองเดือนอะไรอย่างเงี้ยตอนที่คุณถ่ายละครด้วยกันตอนที่พี่ไปแซวตอนที่พี่แซวผม
ผมอาจจะมีแต่ว่าผมไม่รู้ตัวเองคํานี้ดีกว่าอาจจะมันอาจจะค่อยค่อยบิ้วก็อาจจะเป็นได้ครับผมอาจจะเป็นพี่ที่แบบเหมือนคอยบิ้วแต่จริงๆมีหลายหลายคนที่บิ้วแต่พอการบิ้วนั้นน่ะก็ทําให้เราคิดว่าเอ๊ะหรือ ว่าเราเรารู้สึกแบบนั้นแล้วเรามารู้สึกแบบนั้นคอนเฟิร์ม คือตอนปิดกล้องเราจะไม่ได้เจอเพราะว่าพอปิดกล้องแล้วแบบไม่ได้โปรโมทแล้วเราก็จะไม่ได้เจอใช่ไหมครับเราก็เลยรู้สึกว่าโอเคเรามั่นใจกับตัวเองแล้วว่าใช่
เราก็เลยตัดสินใจบอกเขาไป และขออนุญาตพ่อแม่เขาว่าโอเคเราจะขยับอาจจะเป็นเพื่อนเป็นรุ่นพี่มาเป็นอีกสถานะนึง ถ้าถามว่าอะไรคือโดนใจเราที่สุดที่แบบเออมันใช่อะจริงๆ ถ้าตอบตรงๆ มันไม่มีอะไรที่มันใช่ที่สุดแต่มันแบบค่อยเป็นค่อยไป