โป๊ะแตก
ถ้าหนัง สาระแน ห้าวเป้ง ทำแค่จัดฉากแล้วตั้งกล้องแอบถ่าย แต่เก็บเงินไปได้ 90 กว่าล้านบาท มาถึง สาระแน สิบล้อ แม้จะสร้างพล็อตขึ้นหลวมๆ แล้วปล่อยการแสดงของดาราไหลลื่นไปตามสถานการณ์ ปล่อยหลุดขำๆ บ้าง ปล่อยให้เรื่องราวไถลเลยเถิดออกไปบ้าง แต่สุดท้ายหนังก็กว
“โป๊ะแตก” ว่าด้วยเรื่องราวเบื้องหลังการถ่ายทำหนังเรื่อง “โป๊ะแตก แยกทางนรก” ที่มี หม่ำ จ๊กมก รับหน้าที่ทั้งผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ มี ‘ป๋า’ เทพ โพธิ์งาม เป็นนักแสดงนำ ในหนังที่ไม่รู้ว่าจะออกมาหน้าตาเป็นยังไง? ตลก หรือ บู๊ มีดาราตลกมากมายรับเชิญมา เล่นกันคนละฉากสองฉาก ต้นสายปลายจบมีที่มาที่ไปอย่างไรไม่มีใครรู้
เรื่องราวที่ไม่ปะติดปะต่อ จุดหมายปลายทางที่ไม่สามารถคาดเดาได้ เส้นกราฟทางอารมณ์ที่ไต่ระดับขึ้นจากจุดเริ่มต้น จากนั้นดูเหมือนจะเดินเป็นเส้นตรง (อารมณ์ขันที่เรียกเสียงหัวเราะได้เสมอต้นเสมอปลาย) และพุ่งขึ้นสูงในบางครั้ง (ฮาแตก ฮาลั่น ที่ไม่ใช่เพียงแค่หัวสั่นหัวคลอน แต่ถึงขั้น ‘หัวเราะจนตัวโยน’ เลยทีเดียว) หากพิจารณาอย่างผิวเผิน เหมือนว่า “โป๊ะแตก” เป็นหนังตลกสะเปะสะปะ ไร้ทิศทาง แต่เอาเข้าจริง นี่คือหนังตลก ที่เล่นกับความตลก ที่มีนักแสดงตลกมาเล่นอย่างจริงๆ จังๆ เอามัน เอาสนุก นอกเหนือจากแค่เล่นกันเอาล่อเอาเถิดให้จบๆ ไปภายในเวลา 90 นาที ที่สำคัญเป็นหนังตลกที่ตอบโจทย์กับวิธีการใหม่ๆ ของหนังตลกได้อย่างเข้าที เป็นวิธีคิดนอกกรอบอีกทางหนึ่งและถือว่าเป็นหนังตลกที่ทำได้อย่างเข้าถึง และเต็มที่ สำหรับความเป็นหนังตลกเรื่องหนึ่งพึงกระทำได้สำเร็จ
ฉากหนึ่งๆ ใน “โป๊ะแตก” กินความยาวไม่ต่ำกว่า 10 นาที แต่เป็นทุกๆ นาทีที่ใช้อย่างคุ้มค่า ตั้งแต่ ‘เปิด’ ‘ชง’ ‘ตบ’ ‘รับ’ ‘ส่ง’ มุกกันอย่างลื่นไหลกลมกลืน หลายๆ ฉากถือเป็นการ ‘ปล่อยของ’ ‘โชว์เหนือ’ ‘โชว์พาว’ ของตลกหลายๆ คน หลายๆ กลุ่ม ตั้งแต่ฉากเปิดเรื่อง ที่พิง ลำพระเพลิง มาเสนอโปรเจกท์หนังต่อโปรดิวเซอร์หม่ำ ตามด้วย ‘ป๋าเทพ’ ที่ลงเอยด้วยการยอมเล่นหนังแลกกับการได้กำกับหนังของตัวเองเรื่องถัดไป ซึ่งแค่ฉากแรกเรียกเสียงฮาได้พอประมาณ ตั้งแต่การเป็นตัวสอดแทรก ขโมยซีนของนักแสดงสมทบ หรือการปล่อยให้ ‘ป๋าเทพ’ เล่าเรื่องย่อหนังของตัวเองวนไปวนมา ซ้ำร้ายยังเป็นพล็อตหนังที่ไม่น่าจะมีใครในโลกนี้คิดได้อีกแล้ว...
มาถึงฉากบวงสรวงเปิดกล้อง แม้จะเห็นจากหนังตัวอย่างก่อนหน้านี้บ้างแล้ว แต่เมื่อดูกันเต็มฉากจริงๆ นี่คือฉากที่เรียกเสียงฮาได้ลั่นโรงเป็นครั้งแรก ผู้กำกับ ‘หม่ำ’ เก่งมากในการจับจังหวะการแสดงที่ไม่จำเป็นต้องมีบทสนทนาโต้ตอบ อาศัยเพียงคำกล่าวบวงสรวงประหลาดๆ เสียงดนตรีจากแตรวง เข้ากับจังหวะการแสดงตลกๆ ของตัวละครหลักๆ ไม่กี่คน ก็ทำเอาหัวเราะกันท้องคัดท้องแข็งกันถ้วนหน้า...
ด้วยความที่เป็นหนังซ้อนหนังอันว่าด้วยเบื้องหลังการถ่ายทำหนังอีกเรื่อง ‘หม่ำ’ ก็เลยกล้าเล่นด้วยการนำ Shot Out Take หรือภาพหลุดๆ มาใช้อย่างตั้งใจในหลายๆ ฉาก โดยเฉพาะฉากสำคัญของการโชว์เอฟเฟกท์ระเบิดของ ‘คนทำเอฟเฟกท์มือหนึ่ง ส่วนอีกมือหนึ่ง...’ ที่ ‘สายสิญจน์’ ลูกคู่ผู้ช่วยผู้กำกับ อดขำไม่ไหว จนเผลอปล่อยมุกออกมาก่อนหนังเฉลย แต่กลับกลายเป็นลูกเล่นที่เรียกเสียงฮาตามมาอย่างฉกาจฉกรรจ์
ความเลอะเทอะต่างๆ นานาในหนัง ล้วนเป็นสีสันของ “โป๊ะแตก” ที่ทำให้หนังดูสนุกอย่างไม่รู้เบื่อ (ถ้าคิดแค่ว่า นี่คือหนังตลกที่ไม่จำเป็นต้องหาสาระใดๆ หรือกฎเกณฑ์ไหนๆ มาเป็นกรอบให้คิดตาม) เพราะ ‘หม่ำ’ ใช้ทั้งภาพจริงเสียงจริง จากบทที่เขียนไว้เพื่อเล่าเรื่องอย่างที่ตั้งใจ รวมทั้งภาพหลุด และเบื้องหลัง ที่เกิดจากระหว่างถ่ายทำโดยไม่คาดหมายว่าจะนำไปใช้ในหนังจริงๆ (แต่เขาก็ใช้ไปแล้วอย่างมันมือ และมันก็ได้ผลอย่างคุ้มค่าในการสร้างเสียงหัวเราะ)
ประโยชน์ของการใช้นักแสดงตลก มาเล่นตลกในทางถนัด เห็นชัดๆ ได้ในฉาก ‘เท่ง-โหน่ง’ อำตลก ผิวสีที่ชื่อ ‘โจอี้’ แม้ลีลากวนๆ แบบนี้ของทั้งคู่เราเห็นกันจนคุ้นตาจากรายการทีวีอย่าง “ชิงร้อยชิงล้าน” “ระเบิดเถิดเทิง” หรือ “เท่ง-โหน่ง ผจญภัย” แต่เมื่อมาอยู่ในหนัง “โป๊ะแตก” ทั้งคู่ก็ใช้พรสวรรค์ด้านนี้ ด้นสดจนเราอดขำตามไม่ได้ รวมทั้งฉากที่ ‘ยาว ลูกหยี’ ดวลมุกกับเพื่อนร่วมคณะในฉากล้อเลียนคุณสุทธิชัยจากรายการวิเคราะห์ข่าว ที่กินความยาวร่วม 10 นาที แต่กลับเป็น 10 นาทีที่เรียกเสียงหัวเราะได้ไม่หยุด ‘หม่ำ’ ที่แอบอยู่ข้างๆ ถึงกับลุกขึ้นเอ่ยด้วยความภูมิใจว่า ‘เล่นขนาดนี้ ไม่ขำให้รู้ไป’ (ซึ่งไม่แน่ใจว่า ถ้ามุกในฉากนี้แป้ก หม่ำจะกล้าออกมาพูดขนาดนี้หรือปล่าว)
การทำหนังที่ดูเหมือนผู้กำกับตั้งกล้องถ่ายไปเรื่อยๆ เอานักแสดงมาเล่นโดยเล่าพล็อตให้ฟังคร่าวๆ แล้วปล่อยพวกเขาด้นกันไปตามยถากรรม หนังที่เหมือนกับเอาคลิปตลกมาเรียงร้อยต่อๆเข้าไว้ด้วยกัน ไม่มีเรื่องราวหรือเค้าโครงที่บอกว่าหนังกำลังเล่าถึงอะไรอยู่ องค์ประกอบทั้งหมดนี้ จะไม่สามารถทำให้หนังสนุกได้ หากปราศจากผู้กำกับที่รู้และเข้าใจถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังกระทำอยู่...ผมเชื่อว่า ‘หม่ำ’ รู้ว่าเขากำลังทำหนังแบบไหน เล่าด้วยวิธีใด และยอมรับกับผลที่เกิดขึ้นหากหนัง “โป๊ะแตก” ไม่เป็นไปอย่างที่เขาคิด เพราะในฉากสุดท้ายเขาล้อการทำหนังตัวเอง ด้วยเดินเข้าไปหานายทุนพร้อมเสนอโปรเจกท์หนังเรื่องใหม่ ที่คราวนี้ดูจะสวนทางกับฉากแรกอย่างสิ้นเชิง แต่กลับเรียกเสียงหัวเราะ และชวนให้คนดูนั่งอยู่กับที่จนเครดิตสุดท้ายเลือนหายไปจากหน้าจอ...เรากำลังค้นพบคนทำหนังอัจฉริยะของเมืองไทยอีกคนหนึ่งหรือปล่าวไม่รู้? แต่ถ้ามีข่าว “โป๊ะแตก” ฉลองร้อยล้านเมื่อไหร่ เราคงต้องมาทบทวนคำถามข้างต้นกันสักนิดถ้าจะดี...
ชื่อเรื่อง : โป๊ะแตก
ผู้เขียนบท : หม่ำ จ๊กมก, พิพัฒน์ จอมเกาะ
ผู้กำกับภาพยนตร์ : หม่ำ จ๊กมก
นักแสดง : เทพ โพธิ์งาม, หม่ำ จ๊กมก, เท่ง เถิดเทิง, โหน่ง ชะชะช่า, นุ้ย-ชูศรี-เป็ด-โน้ต-ถั่วแระ เชิญยิ้ม, ค่อม ชวนชื่น, ตั๊ก ศิริพร, ตุ๊กกี้ ชิงร้อย
เรตภาพยนตร์ : น.15+ ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้มีอายุ 15 ปี ขึ้นไป
วันที่เข้าฉาย : 3 มิถุนายน 2553
"ณัฐพงษ์ โอฆะพนม"