ปิดตำนาน 'แคลช' ความต่างทำวงแตก | คมชัดลึก

  “ที่มีข่าวว่าพวกเราจะเลิก เป็นเรื่องจริง โดยเหตุผลไม่ได้มาจากการดังแล้วเลิก มาถึงจุดนี้จะบอกว่าอิ่มตัวก็ไม่ใช่ แต่เรามีสิ่งที่เราอยากทำ และเดินต่อไป และเราคิดว่าตรงนี้ก็ต้องหยุดไว้ตรงนี้ แล้วเดินตามฝันของเราต่อไป เรื่องที่เราหยุดวง เราคุยกันมาแล้ว 2-3 ปี ความจริงเราจะหยุดตั้งแต่อัลบั้มที่แล้ว แต่ผู้ใหญ่เรียกเข้าไปคุย ว่าทำไมพวกมึงใจร้ายกันแบบนี้ ถ้านึกถึงคนเป็นแฟนกัน วันหนึ่งบอกเลิกกันก็ยังทำใจได้ง่ายกว่า แต่ถ้าหายไปเฉยๆ มันดูไม่มีความรับผิดชอบ เราเลยตัดสินใจทำกันอีกอัลบั้ม” พลกล่าว โดยสุ่มมือเบสของวงกล่าวเสริมต่อว่า พวกเราจะหันไปทำงานเบื้องหลัง เป็นโปรดิวเซอร์ให้ศิลปินอื่นแทน

 “ตอนนี้พวกเราก็มีงานที่ทำเบื้องหลัง อย่างพี่พลเป็นโปรดิวเซอร์ ผมมองว่าเราก็ย้ายตัวเองจากงานเบื้องหน้ามาอยู่เบื้องหลัง และทำเป็นทีมโปรดักชั่นหนึ่งที่สามารถสร้างศิลปินได้ มองเห็นว่าน้องคนไหนที่มีความสามารถแล้วเราก็อยากช่วย” สุ่มกล่าวเสริม

 ส่วนที่หลายคนมองว่าสาเหตุที่แยกวง เพราะมีความขัดแย้งกันภายในวง แบงค์ยืนยันว่าไม่เคยทะเลาะกันรุนแรงจนเป็นเหตุให้แยกกัน

 “เราอยู่กันมา 15 ปี ทะเลาะกันพรุ่งนี้เช้าก็หาย เราสนิทกันตั้งแต่สมัยเราเรียนมัธยม เป็นนักเตะบอลตัวดำๆ กินมาม่าหม้อเดียวกัน มันเหมือนญาติ ไม่ใช่ว่าเราเพิ่งถูกจับมารวมตัวกันที่ตึกนี้ แล้วมาแตกแยกกันมันไม่มี เรื่องเงินไม่มี เรื่องผู้หญิงตัดไป แต่ด้วยทัศนคติการฟังเพลงที่ต่างกัน ถึงไม่มีวงแคลช แต่เราก็ยังอยู่ในกลุ่มก้อนนี้ และทำงานเพลงต่อไป” แบงค์กล่าวและยอมรับว่า โอกาสที่เราจะทำอัลบั้มเดี่ยวเป็นไปได้สูง ตอนนี้ได้รับการติดต่อจากค่ายเพลงที่อเมริกาให้ไปร่วมงานด้วย

 “เราคุยกันแล้ว ว่าเราจะไปทำอาชีพอะไรได้ คงทำอาชีพนี้ได้อาชีพเดียวเท่านั้น อย่างอัลบั้มใหม่นี้ เพลงที่ 1-5 จะเป็นเพลงของแคลช อีก 5 เพลง จะเป็นเพลงโซโลของแต่ละคน จะรู้ว่าตอนนี้แต่ละคนฟังเพลงแนวไหน ส่วนเรื่องที่ว่าผมจะไปทำอัลบั้มที่ต่างประเทศ คือตอนนี้เรื่องนี้คงตอบตรงนี้ชัดเจนไม่ได้ มันอยู่ในช่วงพูดคุย เพราะว่าถ้าไม่ใช่เราก็จะโดนว่าอีก แต่ก็มีติดต่อมา" นักร้องนำมาดเข้มแจง

 และข่าวที่ว่าวงแคลชจะแยกกันไปอยู่คนละค่าย เลยต้องยุบวงนั้น พล พี่ใหญ่ของวง ยืนยันหนักแน่นว่า พวกเรายังอยู่ภายใต้ชายคาแกรมมี่ ถึงจะหมดสัญญาแล้วก็ตาม

 “โดยสัญญาน่าจะเหลือประมาณปีครึ่ง ไม่เกิน 2 ปี ถึงเราเลิกวง แต่เราไม่ได้ฉีกสัญญา เราเลิกเราก็แมนๆ ว่าเราย้ายตัวเองไปทำงานเบื้องหลัง สร้างงานใหม่ๆ ให้วงการ จริงๆ เราเกิดที่นี่ เราก็ต้องอยู่ที่นี่ ไม่ว่าใครจะออกเป็นโปรเจกท์อะไร เราก็ยังอยู่ที่นี่ เพราะเรานึกภาพว่าเราจะไปอยู่ที่อื่นไม่ออกเลย” มือกีตาร์ตอบ และแบงค์ รับอย่างลูกผู้ชายว่า เสียใจที่ต้องยุบวง แต่เป็นการตัดสินใจของทุกๆ คนในวง 

 “เสียใจแต่ว่ามันเป็นเรื่องที่เราคุยกันมา 3 ปีแล้ว เราไม่ได้ทะเลาะกัน เมื่อวานนี้แล้วมานั่งแถลงข่าว แต่เราคุยกันมานานแล้ว แต่มันกลืนไม่เข้าคายไม่ออก สำหรับการบอกแฟนคลับแต่ละคน เพราะว่าบางคนรับไม่ได้เลย บางคนบอกว่าหนูเพิ่งตามพี่มา แล้วอยู่ดีๆ พี่ไป ทำไมพี่ทำอย่างนี้ บางคนเข้าใจก็ขอบคุณ บางคนด่าก็มี คือเขาเสียใจจนเขาโมโหว่าทำไมไม่เห็นใจเขาบ้าง แต่วันหนึ่งพวกเราอาจจะกลับมาก็ได้ มันเป็นไปได้หมด แต่ว่ามันจะเป็นเวลาไหนเท่านั้นเอง” แบงค์ ปรีติ แจงชัด

 แบงค์ กล่าวต่อว่า วันนี้ไม่ใช่วันสุดท้ายของแคลช เพราะอัลบั้มนี้ยังมีโปรเจกท์ที่ต้องโปรโมทยาวไปจนถึงปีหน้า รวมถึงคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของแคลชด้วย

 “อัลบั้มนี้มีอะไรอีกยาว ไม่ได้จบเพลงแค่เพลงสุดท้าย หรือแค่แถลงข่าวเสร็จวันนี้ก็จบหายวูบไปเลยไม่ใช่ ยังมีอีก โดยเฉพาะวันที่ 30 ตุลาคมนี้ ที่ยามาฮ่า สเตเดี้ยม และหลังจากคอนเสิร์ตยังมีโชว์นี้ประมาณ 50 โชว์ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ ประมาณนี้เป็นทัวร์ทั่วประเทศ เรายังทำงานกันอีกนาน แต่ก็ต้องบอกไว้เลยว่าแคลชยังไงก็ยังเป็นแคลช เราแค่หยุดงานแค่ชื่อตรงนี้เท่านั้น" แบงค์เผย  ด้าน ยักษ์ ปิดท้ายด้วยคำขอโทษที่ทำให้แฟนๆ เสียใจ แต่เพราะความฝันของแต่ละคน พวกเขาจึงขอหยุดแต่เพียงแค่นี้

 “มันมีคำคำหนึ่งที่อยากบอกคือ ขอโทษที่เราตัดสินใจทำแบบนี้ แต่ว่าเราก็ใช้เวลาในการเดินทางตรงนี้มา 9 ปี มันถึงจุดที่เราต้องการไปตามความฝันของเราบ้าง เราอยากบอกว่าเราไม่ได้ไปไหน เราก็ยังทำงานให้ทุกคนได้เห็นอยู่ ในหัวพวกเราทุกคนตอนนี้คิดแล้วว่าข้างหน้าจะทำอะไรบ้าง วันนี้ก็อยากจะบอกว่าแคลชเราจะหยุดการทำอัลบั้มไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณทุกคนที่อยู่กับพวกเรามาตลอด” ยักษ์ปิดท้าย