บันเทิง

มอง“ละคร”สะท้อนสังคม

มอง“ละคร”สะท้อนสังคม

28 ก.ค. 2553

เราๆ ท่านๆ คงเคยดูละครไม่ว่าจะเป็นละครน้ำเน่า หรือละครน้ำดี ละครทุกเรื่องที่ได้ออกอากาศ ล้วนต่างให้แง่คิด คติสอนใจด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งมันอยู่ที่ว่าเราจะสามารถเก็บเกี่ยวอะไรจากการดูไปได้บ้าง และเคยคิดบ้างไหมว่านอกจากคติสอนใจแล้ว ละครที่เราดูๆ กันอยู่ทุกว

 รู้สึกกันบ้างไหมว่าเวลาเราดูละคร เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ของตัวละคร ย่อมมีส่วนสัมพันธ์กับเนื้อเรื่อง เราจะเห็นถึงวิวัฒนาการของการแต่งกาย (ของคนไทย) ในแต่ละยุคสมัย อย่างละครย้อนยุค ไม่ว่าจะเป็น นางทาส สายโลหิต สี่แผ่นดิน ฯลฯ เราจะเห็นว่าคนสมัยก่อนนิยมโจงกระเบน ผ้าสไบ ราชการสวมชุดราชปะแตน และเมื่อประเทศไทยเริ่มรับวัฒนธรรมต่างชาติ การแต่งกายก็เปลี่ยนไป เป็นชุดที่คล้ายยุโรป ผู้หญิงสวมกระโปรงสุ่ม ผู้ชายใส่สูท และทุกคนต้องสวมหมวกตามค่านิยมต่างชาติ เมื่อถึงยุคปัจจุบัน แฟชั่นการแต่งกายเปลี่ยนไปมาก ทันสมัยยิ่งขึ้น ซึ่งเราสามารถดูได้จากละครที่กำลังแพร่ภาพในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็น หัวใจพลอยโจน รักในม่านเมฆ สวยเริ่ดเชิดโสด กุหลาบไร้หนาม ฯลฯ

 ในขณะ ยานพาหนะ การคมนาคม ที่อยู่อาศัย และ เครื่องมือสื่อสาร ในละครต่างสะท้อนความเจริญของบ้านเมืองในแต่ละยุคสมัยได้เป็นอย่างดี ในเรื่องพาหนะ การคมนาคม อย่างละครเรื่องสายโลหิต เราอาจจะเห็นขุนไกรพายเรือพาดาวเรืองมาส่งที่เรือน แต่ในเรื่องทวิภพ เราจะเห็นหลวงเทพนั่งรถลากกลับจากราชการ ในละครเรื่องปริศนาเราจะเห็นปริศนานั่งรถโอโต้ไปกับชายพจน์ ในเรื่องสูตรเสน่หา เราเห็นลลินนางเอกของเรื่อง ขับรถสปอร์ตไปทำงาน จากละคร 4 เรื่องที่กล่าวมา เราจะเห็นถึงวิวัฒนาการของยานพาหนะ รวมถึงการเดินทาง หรือแม้แต่ที่อยู่อาศัยก็เปลี่ยนไป จากเรือนไม้ ก็กลายเป็นตึกและวิวัฒนาการเป็นคอนโด หรือแม้กระทั่งเครื่องมือสื่อสารต่างๆ ไม่ว่าจะการส่งจดหมาย โทรเลข โทรศัพท์ เพจเจอร์ มือถือ ฯลฯ จะว่าไปแล้วสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ทางเทคโนโลยีเหล่านี้ ต่างบ่งบอกถึงความเจริญของบ้านเมืองได้เป็นอย่างดี เราสามารถสังเกตได้ว่าละครเรื่องนี้อยู่ยุคไหน หรือเก่าแค่ไหน อาจดูได้จากสภาพรถยนตร์ หรืออาจจะเป็นโทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียว

ละครหลายเรื่องบอกถึง ค่านิยมในสังคม ที่ยังคงมีอยู่จนถึงปัจจุบัน อย่างการที่ผู้ชายสามารถมีภรรยาหลายคนได้ ไล่มาตั้งแต่เรื่องนางทาส สงครามนางฟ้า จนกระทั่งถึงเรื่องเมียหลวง ต่างบ่งบอกว่าผู้ชายมีภรรยาหลายคนไม่ใช่เรื่องผิด เพราะสังคมไทยเป็นเช่นนั้น แต่ในขณะที่ผู้หญิงเมื่อมีหลายสามีกลับถูกมองกล่าวหาว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี ซึ่งเราจะเห็นได้จากละครเรื่อง อีสา หรือ ทองเนื้อเก้า ละครบางเรื่องบอกถึงความเชื่อโบราณ และพิธีกรรมที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ไม่ว่าจะเป็นภูตแม่น้ำโขง ปอบผีฟ้า ฯลฯ ซึ่งได้กล่าวถึงพิธีกรรมที่สืบทอดต่อกันมาจากบรรพบุรุษ และปัจจุบันยังมีคนสืบทอดกันอยู่ และมีตำนานเล่าขานจนปัจจุบัน

ถึงแม้ว่าละครมีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นละครรัก แนวชีวิตดราม่า แนวอาชญากรรม ฆาตกรรม สืบสวนสอบสวน หรือแม้แต่คอมเมดี้ เคยสังเกตกันบ้างไหมว่าสภาพสังคม การเมืองและสภาพจิตใจของประชาชนในช่วงเวลานั้นๆ มีผลต่อ เนื้อเรื่องของละคร อย่างช่วงที่บ้านเมืองไม่สงบสุข เกิดการคอรัปชั่น ละครจะพุ่งไปแนวปลุกใจให้คนมารักชาติ หรือถ้าช่วงนั้นมีกระแสอะไรแรงๆ อย่างผลิตภัณฑ์โอท็อป หรือโครงการพระราชดำริ ละครก็จะออกแนวพัฒนาสังคมอย่าง ผู้ใหญ่ลีกับนางมา ฯลฯ หากคนไทยเครียดกันมากละครแนวคอมเมดี้ก็จะได้รับความนิยมเป็นพิเศษ

พฤติกรรมของตัวละคร ก็สามารถบอกถึงอุปนิสัย ทัศนคติและความคิดของคนในสังคม เราจะเห็นพระเอกของเรื่องต้องรวย หูเบา มีทิฐิสูง (ไร้เหตุผล) ส่วนนางเอกต้องเจ้าน้ำตา ปากหนัก ยอมถูกกระทำทุกอย่าง ดูคล้ายๆ เป็นคนดีชนิดที่ไม่น่าจะมีอยู่ในโลกความเป็นจริงได้ ในขณะที่นางร้ายจะต้องแต่งตัวโป๊ๆ ขี้อิจฉา ปากจัด เป็นไปได้ไหมที่ผู้ชายไทยส่วนมากเป็นคนหูเบาและทิฐิสูงจนไร้เหตุผล เป็นไปได้ไหมที่ผู้หญิงไทยจะเลือกคบผู้ชายที่ฐานะ อีกทั้งยังไม่มีสิทธิ์มีเสียงเท่าผู้ชาย และถูกปิดกั้นเสรีภาพทางสังคม และเป็นไปได้ไหมที่สังคมไทยตอนนี้สถาบันทางครอบครัวของเรากำลังคลอนแคลน ซึ่งสะท้อนได้จากเมื่อตัวละครที่หากมีปัญหามักจะปรึกษาเพื่อนก่อนเสมอ ที่สำคัญตัวละครจะดื่มเหล้าเมื่อเวลาเสียใจหรือแก้ปัญหาไม่ได้ สิ่งเหล่านี้ละท้อนว่าคนไทย มีพฤติกรรมกรรมอย่างนั้น และทำกันจนเป็นเรื่องเคยชินใช่หรือไม่ 

 ปิดท้ายกันที่ค่านิยมความสวยหล่อของคนในแต่ละยุคสมัย เราสามารถดูได้จาก ดารา-นักแสดง ที่แสดงในละคร เหมือนยุคหนึ่งที่เรานิยมหน้าตาแบบ “นก” ฉัตรชัย เปล่งพานิช และ “หมิว” ลลิตา ศศิประภา ยุคหนึ่งเราเคยชื่นชอบหน้าตาแบบ “หนุ่ม” ศรราม เทพพิทักษ์ และ “กบ” สุวนันท์ คงยิ่ง จนดูเหมือนจะเห็นละครที่พวกเขาเล่นเกลื่อนเมืองไปหมด แต่ถ้าเป็นยุคนี้ ก็คงต้องยกให้ “เคน” ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ และ แอน ทองประสม "อั้ม" พัชราภา ที่ไม่ว่าจะลงละครเรื่องไหนก็ดูจะได้เรตติ้งถล่มทลาย แถมหลังๆ มานี้ ยังมีนักแสดงหน้าใหม่ๆ ที่มีความแรงไม่น้อยหน้ารุ่นพี่ๆ เลย ไม่ว่าจะเป็น ณเดชน์ คูกิมิยะ "อ๋อม" อรรคพันธ์ นะมาตร์ “มิ้นท์” ณัฐวรา วงศ์วาสนา “มิน” พีชญา วัฒนามนตรี ฯลฯ แหม...เอ่ยมาตั้งหลายคน แต่สรุปสั้นๆ ได้คำเดียวว่าสวย-หล่อนั่นเอง